สัปดาห์พระเครื่อง / อ.ราม  วัชรประดิษฐ์

ในแวดวงพระเครื่องเมืองไทย ความโด่งดังของพระเครื่อง ความมีชื่อเสียงเป็นที่ ยอมรับและยกย่องจากพุทธศาสนิกชนทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ยกให้เป็นสุดยอดจักรพรรดิ์แห่งวงการพระเครื่อง ด้วยคุณสมบัติทางพุทธศิลปะอันงดงาม ความศักดิสิทธิ์เป็นเลิศปรากฏเป็นที่ประจักษ์ ก็ได้รับการถามไถ่ถึงเป็นอย่างมาก จนหลายคนถึงกับเอ่ยไฉนตนจึงไม่มีไว้สักองค์บ้าง จะได้รํ่าได้รวย ว่าไปแล้วบางครั้งก็เป็นเรื่องของโชคชะตาและวาสนาในการจะได้ครอบครองเป็นเจ้าของหนึ่งในห้าองค์ของจักรพรรดิแห่งวงการพระเครื่องนั่นก็คือ “พระชุดเบญจภาคี” ซึ่งมีทั้งหมด 5 พิมพ์ด้วยกัน  คือ

พระเบญจภาคี

1.พระสมเด็จวัดระฆังโฆสิตาราม ธนบุรี

2.พระนางพญา วัดนางพญา จ.พิษณุโลก

3.พระรอด วัดมหาวัน จ.ลำพูน

4.พระกำแพงซุ้มกอ จ.กำแพงเพชร

5.พระผงสุพรรณ วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ จ.สุพรรณบุรี

ที่มาของพระชุดเบญจภาคี

พระสมเด็จ วัดระฆังฯ พิมพ์ใหญ่ พระนางพญาพิมพ์เข่าโค้ง

 พระชุดเบญจภาคี เริ่มมีการจัดขึ้นมาประมาณปี พ.ศ. 2495 ซึ่งในขณะนั้นสนามพระหรือแหล่งที่พบปะของผู้นิยมสะสมพระเครื่องอยู่ที่บริเวณข้างๆ ศาลแพ่ง โดยมีร้านขายกาแฟของมหาผันซึ่งนักนิยมพระเครื่องทั้งหลายมักเรียกกันว่า “บาร์มหาผัน” เป็นจุดนัดพบปะของผู้นิยมสะสมพระเครื่องพระบูชา เมื่อตรียัมปวาย หรือ พ.อ.(พิเศษ)ประจน กิตติประวัติ อดีตนายทหารประจำกองบัญชาการทหารสูงสุด ท่านนี้เองที่ได้จัดทำเนียบชุดพระเครื่อง เบญจภาคีขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2495 โดยเมื่อแรกเริ่มยังคงเป็นเพียงไตรภาคี คือ มีเพียง 3 องค์เท่านั้น อันประกอบด้วย พระสมเด็จวัดระฆังโฆสิตารามเป็นองค์ประธาน ซ้ายขวาเป็นพระนางพญา พิษณุโลกและพระรอด ลำพูนไม่นานจากปีนั้นจึงได้ผนวก พระกำแพงซุ้มกอ กำแพงเพชร และพระผงสุพรรณ สุพรรณบุรีเข้าเป็น ชุดเบญจภาคี สุดยอดปรารถนาของนักสะสมพระเครื่องทั้งหลายแต่เมื่อมองย้อนกลับไปในครั้งนั้นพระเครื่องที่ได้รับความนิยมชมชอบมากเป็นพิเศษแล้ว คือพระเครื่องที่มีพุทธคุณในด้านคงกระพันชาตรีซึ่งการจัดทำทำเนียบเบญจภาคี นั้นเป็นส่วนหนึ่งที่กระตุ้นให้เกิดความนิยมพระเครื่องทั้ง 5 องค์ ในชุดดังกล่าวอันล้วนเป็นพระเครื่องที่มีราคาการเช่าที่สูงๆ ทั้งสิ้นยิ่งเมื่อ พ.อ.(พิเศษ) ประจนกิตติประวัติ จัดให้พระสมเด็จวัดระฆังโฆสิตาราม เป็นจักรพรรดิแห่งพระเครื่องความนิยมในพระสมเด็จก็ทะยานสู่แถวหน้าของพระเครื่องเมืองไทย จึงเป็นที่มาของพระชุดเบญจภาคีขึ้นในครั้งแรก  และผู้นิยมสะสมพระเครื่องต่างก็ยอมรับและชื่นชมในความสามารถที่จัดชุดพระยอดนิยมได้อย่างลงตัวเหมาะสมที่สุดทั้งพุทธศิลป์และพุทธคุณ ถ้ามาลองพินิจพิจารณาพระชุดเบญจภาคีทั้ง 5 พิมพ์ สามารถแยกแยะความแตกต่างได้ดังนี้

1.พระสมเด็จวัดระฆังฯ ที่สร้างโดยท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พฺรหฺมรังสี) พุทธคุณสุดยอดครอบจักรวาล หนุนดวงชะตา เมตตามหานิยม แคล้วคลาดภัยพิบัติ คงกระพัน โชคลาภ บารมี เป็นองค์แทนพระเครื่องที่สร้างในสมัยรัตนโกสินทร์เป็นตัวแทนยุค รัตนโกสินทร์

2.พระนางพญา กรุวัดนางพญา จ.พิษณุโลก พุทธคุณเด่นทางเมตตามหานิยมอยู่ยงคงกระพันชาตรี  เป็นองค์แทนพระเครื่องที่สร้างในสมัยอยุธยา

3.พระรอด กรุวัดมหาวัน จ.ลำพูน พุทธคุณเด่นทางด้านแคล้วคลาดนิรันตราย เป็นองค์แทนพระเครื่องที่สร้างในสมัยทวารดีตอนปลาย (หริภูญชัย)   สำหรับตำนานแห่งพุทธคุณของพระชุดเบญจภาคีนั้น มีคติความเชื่อว่า

4.พระกำแพงซุ้มกอ พุทธคุณเด่นทางด้านโชคลาภ โภคทรัพย์ เป็นองค์แทนพระเครื่องที่สร้างในสมัยสุโขทัย

5.พระผงสุพรรณ กรุวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ จ.สุพรรณบุรี เป็นตัวแทนยุค อู่ทอง-สุพรรณภูมิ พุทธคุณเด่นทางด้านโภคทรัพย์  แคล้วคลาด อยู่ยง คงกระพันเป็นองค์แทนพระเครื่องที่สร้างในสมัยอู่ทอง

หลักการเบื้องต้นในการพิจารณา “พระชุดเบญจภาคี” นั้น จะต้องตรวจสอบเรื่องคุณสมบัติของมวลสารและกรรมวิธีการสร้างจำเพาะของแต่ละพิมพ์ จากนั้นจึงมาแยกพิจารณาพุทธลักษณะและจุดตำหนิเฉพาะในขั้นตอนต่อไป ซึ่งมีแนวในการพิจารณาดังนี้

1.พระสมเด็จวัดระฆังโฆสิตาราม “จักรพรรดิพระเครื่อง” ที่พุทธศาสนิกชนทุกคนใฝ่ฝันหา สร้างโดยท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) เป็นพระเนื้อผง ทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้า มวลสารสำคัญ คือ ปูนเปลือกหอย ผสมผสานกับ “มวลสารศักดิ์สิทธิ์” มีอาทิ ผงอิทธิเจ ผงตรีนิสิงเห เกสรดอกไม้ถวายพระ เป็นต้น และใช้น้ำมันตังอิ๊วเป็นตัวประสาน พุทธลักษณะองค์พระประธานประทับนั่ง แสดงปางสมาธิ เหนืออาสนะ อยู่กลางซุ้มครอบแก้ว แบ่งเป็นพิมพ์หลักได้ทั้งหมด 4 พิมพ์คือ พิมพ์ใหญ่ พิมพ์ทรงเจดีย์ พิมพ์ฐานแซม และพิมพ์เกศบัวตูม    

พระรอดลำพูน พิมพ์ใหญ่ พระกำแพงซุ้มกอ พิมพ์ใหญ่มีกนก

2. พระนางพญา วัดนางพญา จ.พิษณุโลก เป็นพระเนื้อดินเผา รูปทรงสามเหลี่ยม พุทธศิลปะสมัยสุโขทัย พุทธลักษณะองค์พระประธานประทับนั่ง แสดงปางมารวิชัย พระหัตถ์ขวาพาดที่พระชานุ พระหัตถ์ซ้ายวางตรงพระเพลา โคนพระเกศมีลักษณะคล้ายปลีกล้วย แบ่งแยกพิมพ์ได้ทั้งหมด 7 พิมพ์ มี พิมพ์เข่าโค้ง พิมพ์เข่าตรง พิมพ์เข่าตรง-มือตกเข่า พิมพ์อกนูนใหญ่ พิมพ์สังฆาฏิ พิมพ์เทวดาหรือพิมพ์อกแฟบ และพิมพ์อกนูนเล็ก

3. พระกำแพงซุ้มกอ มีการขุดค้นพบในบริเวณลานทุ่งเศรษฐี วัดบรมธาตุ วัดพิกุล และวัดฤาษี ที่มาของนาม คำว่า “กำแพง” มาจากแหล่งที่พบคือ จ.กำแพงเพชร ส่วนคำว่า “ซุ้มกอ” มาจากเอกลักษณ์ของซุ้มประภามณฑลที่โค้งงอเหมือน “ก ไก่” เป็นพระเนื้อดินเผา พุทธศิลปะแบบศิลปะสุโขทัยผสมลังกา องค์พระประธานจะดูสง่างามล่ำสันแต่แฝงด้วยความอ่อนช้อยอยู่ในที พุทธลักษณะองค์พระประทับนั่ง แสดงปางสมาธิ พระชานุกว้างและประทับซ้อนกันอย่างชัดเจน ประทับเหนืออาสนะฐานบัวเล็บช้าง พระเกศเป็นบัวตูมทรงจีโบ พระพักตร์ทรงกลมเหลี่ยมปรากฏรายละเอียดต่างๆ เด่นชัด แบ่งพิมพ์ได้ 5 พิมพ์ คือ พิมพ์ใหญ่ พิมพ์กลาง พิมพ์เล็ก พิมพ์ขนมเปี๊ยะ และพระกำแพงซุ้มกอดำ                              

4. พระรอด วัดมหาวัน จ.ลำพูน เป็นพระเนื้อดินเผาขนาดเล็ก แตกกรุมากว่าร้อยปีที่วัดมหาวัน ซึ่งเป็นวัดเก่าแก่สร้างมาตั้งแต่สมัยพระนางจามเทวี จึงสันนิษฐานว่าพระรอดน่าจะมีอายุอยู่ในราวพันกว่าปีเช่นกัน พระรอด ขุดค้นพบที่วัดมหาวันเพียงแห่งเดียวเท่านั้น เป็นพระที่มีพุทธศิลปะงดงาม พุทธลักษณะองค์พระประธานประทับนั่ง แสดงปางมารวิชัย อยู่เหนืออาสนะ มีโพธิ์เป็นบัลลังก์ด้านหลัง สามารถแบ่งแยกพิมพ์ได้เป็น 5 พิมพ์ คือ พิมพ์ใหญ่ พิมพ์กลาง พิมพ์เล็ก พิมพ์ต้อ และพิมพ์ตื้น                

5. พระผงสุพรรณ กรุวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ จ.สุพรรณบุรี เป็นพระเนื้อดินเผา พุทธศิลปะอู่ทอง และด้วยเนื้อดินในบริเวณ จ.สุพรรณบุรี เป็นดินละเอียด ประกอบกับได้รับการกรอง หมัก และนวด แล้วจึงผสมว่านและเกสรดอกไม้มงคล ทำให้เนื้อของพระผงสุพรรณมีความหนึกนุ่มและซึ้งจัด อันนับเป็นเอกลักษณ์ประการหนึ่ง พุทธลักษณะองค์พระประธานประทับนั่ง แสดงปางมารวิชัย บนฐานเขียงชั้นเดียว พระเกศคล้ายฝาละมี มีกระจังหน้า พระพักตร์มีความคล้ายคลึงมนุษย์ แต่พิมพ์ทรงไม่มีรูปแบบแน่นอนและไม่พิถีพิถัน บางองค์เป็นสี่เหลี่ยม บางองค์เป็นห้าเหลี่ยม ตัดปีกกว้าง หรือตัดเฉพาะด้าน สามารถแบ่งได้เป็น 3 พิมพ์เช่นเดียวกับพระพุทธรูปศิลปะอู่ทอง คือ พิมพ์หน้าแก่ พิมพ์หน้ากลาง และพิมพ์หน้าหนุ่ม

พระผงสุพรรณ พิมพ์หน้าแก่ ​​​​​​​

นับได้ว่าพระทั้ง 5 องค์ในชุดจักรพรรดิเบญจภาคีนั้นล้วนแล้วแต่ทรงคุณค่าและหาได้ยากยิ่งสนนราคายิ่งไม่ต้องพูดถึง บ้างครั้งมีปัจจัยก็ยังเสาะแสวงหามาครอบครองไม่ได้เลยครับผม