วันที่ 14 มี.ค.68 นพ.ยง ภู่วรวรรณ ราชบัณฑิต สำนักวิทยาศาสตร์ ศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก คณะแพทย์ศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Yong Poovorawan ระบุว่า...

ข้อควรรู้สำหรับ RSV เมื่อทุกครั้งที่มีผลิตภัณฑ์ใหม่ จะมีการออกข่าวทางสื่อสังคม เพื่อเข้าทางของผลิตภัณฑ์

1 RSV ไม่ใช่โรคใหม่ เป็นโรคตั้งแต่สมัยบรรพบุรุษ ปู่ย่าตายาย

2 เป็นไวรัสที่เป็นแล้วเป็นอีกได้ หรือเป็นได้ทุกปี เช่นเดียวกับโควิด 19

3 การเป็นครั้งแรกอาการจะรุนแรง และเมื่อเป็นครั้งต่อๆไปความรุนแรงจะลดลง จนกระทั่งแทบจะไม่มีอาการอะไร ยกเว้นร่างกายอ่อนแอมีโรคประจำตัวหรือผู้สูงอายุ

4 ฤดูกาลที่เป็น ในประเทศไทยฤดูกาล จะพบอยู่ช่วง 5 เดือน ระหว่างเดือนกรกฎาคมถึงเดือนพฤศจิกายน ดังนั้นในช่วงเวลาขณะนี้ จึงเป็นช่วงที่ปลอดการติดเชื้อ RSV

5 ถึงแม้ว่า RSV จะมี 2 สายพันธุ์ใหญ่ คือ A และ B แต่ภูมิคุ้มกันที่เกิดขึ้น ไม่สามารถป้องกันการติดเชื้อใหม่ ไม่ว่าจะเป็นสายพันธุ์เดียวกันหรือต่างสายพันธุ์

6 ถึงแม้ว่าไวรัสนี้จะเป็นไวรัสที่สำคัญ มีการพัฒนาวัคซีนมาร่วม 50 ปี เพื่อให้ในเด็ก แต่ยังไม่ประสบความสำเร็จ การศึกษาในครั้งแรกๆ พบว่าเด็กที่ฉีดวัคซีน เคยมีเป็นอันตรายจึงต้องล้มเลิกไป ปัจจุบันได้มีความพยายามที่จะพัฒนาวัคซีน แต่ก็ยังไม่สำเร็จที่จะให้เด็กได้ มีให้ในผู้สูงอายุ แต่มีราคาแพงมาก และประสิทธิภาพของ vaccine ส่วนใหญ่ ในการศึกษาทางคลินิก จะมีประสิทธิภาพค่อนข้างดี เกือบทุกวัคซีน เมื่อมาใช้ในชีวิตจริง ส่วนใหญ่ประสิทธิภาพจะลดลงอย่างน้อย 10% จากการศึกษาทางคลินิก

7 มีการพัฒนาวัคซีนเพื่อให้ในคนท้อง เพื่อให้ภูมิต้านทานส่งผ่านมาปกป้องลูกน้อย แต่ที่ยังต้องเฝ้าระวัง คือการคลอดก่อนกำหนด จนทำให้วัคซีนบริษัทหนึ่งต้องหยุดการทดลองไป แต่ก็ยังมีวัคซีนที่ผ่านการทดลอง ถึงเอาใช้จริงแล้ว ก็ยังต้องเฝ้าระวัง โดยเฉพาะเรื่องการคลอดก่อนกำหนด

8 มารดาทุกคน มีภูมิต้านทานแล้วในระดับสูง และภูมิต้านทานจะส่งต่อมายังปกป้องลูกน้อย แต่ภูมิต้านทานที่ปกป้องลูกน้อยจะอยู่ประมาณ 6 เดือนแรก เด็กแรกเกิดที่ครบกำหนด จะพบว่าภูมิต้านทานต่อ RSV ของลูก จะสูงกว่าแม่ประมาณ 1.1 เท่า ปัญหาของภูมิต้านทานในเด็กเล็ก จะมีปัญหาในเด็กที่คลอดก่อนกำหนด ภูมิจากแม่จะส่งผ่านมาได้น้อยตามอายุครรภ์ และจะได้เต็มที่เมื่อคลอดครบกำหนด การให้ภูมิต้านทานเสริมในทารก อาจมีความจำเป็นในทารกที่คลอดก่อนกำหนด โดยเฉพาะที่คลอดในช่วงของฤดูกาลของ RSV ( เดือนกรกฎาคมจนถึงเดือนพฤศจิกายน) และกลุ่มเสี่ยงที่มีโรคประจำตัวที่เมื่อเป็นแล้วจะทำให้อาการรุนแรงขึ้น

9 ปัจจุบันมีเซรุ่ม หรือภูมิต้านทานสำเร็จ ชนิดปกติและชนิด ที่อยู่ยาว ถ้าเป็นชนิดปกติต้องฉีดทุกเดือนเดือนละ 1 ครั้งในฤดูกาล ในช่วง 5 เดือน แต่ที่มีฤทธิ์ยาวจะอยู่ได้นานประมาณ 5 เดือน เพื่อครอบคลุมฤดูกาลของโรคในปีนั้น แต่ต้องไม่ลืมว่า ราคาของภูมิคุ้มกันดังกล่าว มีราคาแพงมากๆ เช่นเดียวกันกับที่เราเคยใช้ภูมิคุ้มกันระยะยาวที่ใช้ในการป้องกันโควิด 19 ที่มีราคาแพงมากๆ ครั้งหนึ่งที่เราเคยนำมาใช้ และในที่สุดก็เลิกกันไป การนำมาใช้ควรใช้ในกลุ่มเสี่ยง ที่จะเป็นโรคแล้วรุนแรงเท่านั้น และควรศึกษาความคุ้มทุน และคุ้มค่า

10 ทุกครั้งเมื่อมีผลิตภัณฑ์ใหม่เข้ามาไม่ว่าจะเป็นยาหรือวัคซีน จะมีการประชาสัมพันธ์ทางสื่อสังคม ทำให้โรคดูน่ากลัวยิ่งขึ้น โดยเฉพาะข้อมูลการศึกษาส่วนใหญ่ยังเป็นข้อมูลการศึกษาจากต่างประเทศโดยเฉพาะประเทศพัฒนาแล้ว การศึกษาในประเทศไทย อย่างละเอียด ทั้งทางด้านระบาดวิทยา ความรุนแรงของโรค กลุ่มเสี่ยงที่สำคัญที่ควรจะได้รับ และความคุ้มทุน ในการใช้ มีความจำเป็น ส่วนใหญ่ขณะนี้การพูดถึงแนวทางการให้ จะเป็นการลอกมาจากทางตะวันตกหรือประเทศพัฒนาแล้วทั้งสิ้น โดยไม่ได้ใช้ข้อมูลของประเทศเลย