วันที่ 13 มี.ค.68 ที่ บช.สอท. พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สอท., พล.ต.ต.วิวัฒน์ คำชำนาญ รอง ผบช.สอท., พล.ต.ต.ทินกร รังมาตย์ รอง ผบช.สอท., พล.ต.ต.ศรายุทธ จุณณวัตต์ ผบก.สอท.2, พล.ต.ต.กฤตัชญ์ บำรุงรัตนยศ ผบก.สอท.4 และ พล.ต.ต.ศุภกร ผิวอ่อน ผบก.สอท.5 พร้อมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องร่วมแถลงข่าว ตำรวจไซเบอร์ล่าไม่ถอย รวบเครือข่ายคอลเซ็นเตอร์หลายขบวนการ
พล.ต.ท.ไตรรงค์ กล่าวว่าตามนโยบาย นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้กำหนดนโยบายในการเร่งแก้ปัญหาอาชญากรรมออนไลน์เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของประชาชน และ “นโยบายรัฐบาลในการจัดการปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติยุค Digital Disruption” แก่ข้าราชการตำรวจระดับผู้บริหารทั่วประเทศ ในโครงการสัมมนาผู้บริหาร ระดับผู้บัญชาการหรือเทียบเท่า และผู้บังคับการหรือเทียบเท่า ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2568 โดย พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร., พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จตช.ในฐานะ ผอ.ศปอส./ผอ.ศตคม.ตร. ได้ขับเคลื่อนนโยบายผ่าน พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี ผู้ช่วย ผบ.ตร. ในฐานะผู้รับผิดชอบควบคุมสั่งการ บช.สอท. และ พล.ต.ท.อิทธิพล อัจฉริยะประดิษฐ์ ผู้ช่วย ผบ.ตร. ในฐานะรอง ผอ.ศปอส.ตร. ได้สั่งการให้ พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สอท. นำเจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัดสืบสวนจับกุมผู้ต้องหาที่กระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมออนไลน์และดำเนินคดีให้ถึงที่สุด จนนำมาสู่ปฏิบัติการดังกล่าว จึงให้แต่ละกองบังคับการ มีการการระดมจับกุมอาชญากรรมทางเทคโนโลยี เพื่อเสริมสร้างความปลอดภัยในโลกไซเบอร์และปราบปรามการกระทำผิดที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่อง โดยจะมีการดำเนินการในทุกๆ เดือน อย่างน้อย 2 ครั้ง เพื่อให้การดำเนินการดังกล่าวเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด
โดย กก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สอท.4 จับกุม 2 ผู้ต้องหา เครือข่ายหลอกลวงซื้อขายสินค้าหรือบริการ หลอกลงทุน และคอลเซ็นเตอร์ เชื่อมโยง 7 เคสไอดี ความเสียหายกว่า 13 ล้านบาท โดยจับกุม น.ส.นุชสรารัตน์ อายุ 29 ปี ตามหมายจับศาลอาญา ที่ 9/2568 ลงวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2568 โดยจับกุมได้ที่บ้านหลังหนึ่ง ในพื้นที่ ม.10 ต.คุยม่วง อ.บางระกำ จ.พิษณุโลก และ นายจิรวัฒน์ อายุ 33 ปี ตามหมายจับศาลอาญาพระโขนง ที่ 3/2568 ลงวันที่ - มกราคม 2568 โดยจับกุมได้ที่บริเวณหน้าบ้านหลังหนึ่ง ถนนไชยานุภาพ ต.ในเมือง อ.เมืองพิษณุโลก จ.พิษณุโลก เบื้องต้นข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนฯ” นำตัวส่งพนักงานสอบสวน และขยายผลเพื่อดำเนินคดีกับผู้ต้องหาในขบวนการรายอื่นๆ ต่อไป
อีกราย กก.2 บก.สอท.5 ขบวนการหลอกลวงให้ลงทุนในระบบคอมพิวเตอร์ผ่านเว็บไซต์ ctutdu5a.cc มูลค่าความเสียหาย 1,153,737.68 บาท โดยจับกุมตัว นายนควัตร อายุ 24 ปี ตามหมายจับของศาลจังหวัดสมุทรปราการ ที่ 55/2568 ลงวันที่ 21 มกราคม 2568 ในข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน,ร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายต่อประชาชน อันมิใช่การกระทำความผิดฐานหมิ่นประมาทตามประมวลกฎหมายอาญา” เจ้าหน้าที่สืบสวนขยายผล นำตัวผู้ร่วมขบวนการรายอื่น มาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.3 บก.สอท.5 จับกุมนายอานนท์ อายุ 31 ปี ชาว จ.กาญจนบุรี เจ้าของบัญชีขบวนการหลอกลงทุน ตามหมายศาลอาญา ที่ จ.933/2568 ลงวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2568 ในความผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกงทรัพย์โดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่น ร่วมกันโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความ เสียหายแก่บุคคลคนหนึ่งบุคคลใดและเป็นผู้เปิดหรือยินยอมให้ผู้อื่นใช้บัญชีเงินฝากบัตรอิเล็กทรอนิกส์หรือบัญชีเงินอิเล็กทรอนิกส์ของตนโดยมิได้มีเจตนาใช้เพื่อตน หรือเพื่อกิจการที่ตนเกี่ยวข้อง โดยประการที่รู้หรือควรจะรู้ว่าจะ นำไปใช้ในการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี” เจ้าหน้าที่ตำรวจยังคงสืบสวนอย่างต่อเนื่อง และการประสานงานกับหน่วยงานต่างๆ ในการตรวจสอบข้อมูลการโอนเงิน และการใช้เทคโนโลยีในการหลอกลวงที่ถูกใช้ในคดีหลายกรณี ที่มีผู้เสียหายจำนวนมาก โดยผู้ต้องหาหลายรายมีส่วนเกี่ยวข้องกับการดำเนินการธุรกรรมการเงินผ่านบัญชีปลอมและการทำธุรกรรมออนไลน์ในลักษณะหลอกลวง ซึ่งมีการทำงานเป็นระบบตั้งแต่ระดับผู้ปฏิบัติการไปจนถึงผู้ที่อยู่เบื้องหลังที่คอยสั่งการการดำเนินงาน ทั้งนี้ยังคงเน้นย้ำถึงความสำคัญของการเพิ่มความระมัดระวังในการใช้บริการโทรศัพท์และการทำธุรกรรมออนไลน์ พร้อมทั้งแนะนำให้ประชาชนตรวจสอบข้อมูลจากแหล่งที่น่าเชื่อถือและไม่หลงเชื่อข้อความหรือข้อเสนอที่ดูไม่น่าเชื่อถือจากแหล่งที่ไม่รู้จัก