ภูมิธรรม”ยันไม่ก้าวล่วง “BGF” โอดแบกภาระดูแลชาวต่างชาติ “แก๊งคอลเซ็นเตอร์” ลั่นหากไทยช่วยต้องคำนึงถึงผลประโยชน์ของประเทศ ปัดตอบข่าว “กองทัพภาคที่2” ขยับตามชายแดน บอกการตรวจเป็นภารกิจปกติอยู่แล้ว พร้อมโต้ “โรม”ปมจิ้มสื่อบินไปจีน ติดตามชาวอุยกูร์ แจงคัดเลือกจากทุกแพลตฟอร์ม
เมื่อเวลา 12.20 น.วันที่ 13 มีนาคม 2568 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีกองกำลังพิทักษ์ชายแดนกะเหรี่ยงเมียนมา หรือ BGF ออกมาแถลงข่าวภายหลังการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ครบรอบ 1 เดือน โดยต้องแบกรับค่าใช้จ่ายค่าอาหารของชาวต่างชาติกว่าเดือนละ 3 ล้านบาท ว่า เป็นเรื่องขององค์กรภายใน เราไม่ไปก้าวล่วง ซึ่งของเราจะมีการแถลงข่าวทั้งหมด และจะมาดูว่าอะไรเป็นอะไร การที่เราจะแบกอะไร หรือไม่แบกอะไร ไม่ใช่อยู่ ๆ มีคนขอให้แบก แล้วเราจะแบก ต้องดูว่าอะไรที่จะเกิดปัญหา และอะไรที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศก็ควรทำ
เมื่อถามถึงกรณีที่ BGF แถลงว่า การปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์ใน 1 เดือนที่ผ่านมาสามารถปราบปรามได้กว่า 99% จึงอยากให้ไทยพิจารณายกเลิกมาตรการ 3 ตัด คือ ตัดไฟฟ้า น้ำมัน สัญญาณอินเทอร์เน็ต นายภูมิธรรม กล่าวว่า ต้องรอผลรายงานก่อนว่า ไปได้ทั้งหมดกี่เปอร์เซ็นต์
นายภูมิธรรม ยังกล่าวถึงกรณีกองทัพภาคที่ 2 เริ่มขยับกำลังตามแนวชายแดนว่า ที่ไหน ผู้สื่อข่าวจึงตอบว่า กองทัพภาคที่ 2
จากนั้นนายภูมิธรรม จึงระบุว่า กองทัพภาคที่ 2 คุมภาคอีสานทั้งหมด พร้อมกับถามผู้สื่อข่าวอีกครั้งว่าขยับที่ไหน ผู้สื่อข่าวจึงตอบชายแดน
นายภูมิธรรม กล่าวว่า ให้เอาข้อเท็จจริงมา เรื่องตรวจก็เป็นภารกิจปกติอยู่แล้ว ไม่ว่าจะมีอะไรกองทัพก็มีหน้าที่ในการปกป้องดูแล เราพูดกันชัดเจนแล้วว่า ให้เขามีศักยภาพที่สามารถป้องกันประเทศได้ ยกเว้นว่าขณะนี้เขาขึ้นไปปราสาทตาเมือนธมแล้ว ค่อยมาถาม เพราะนี้ยังตอบไม่ได้ ยังกว้างไปขณะ
นายภูมิธรรม กล่าวถึงกรณี ว่า เครื่องบินมีที่นั่งทั้งหมด 20 กว่าที่ เป็นเครื่องของกองทัพ จะช่วยประหยัดเวลาไป 8 ชั่วโมง ไม่ต้องไปเปลี่ยนเครื่อง จำนวนที่นั่งมีเท่านี้ จริงๆ หากเอาสื่อของรัฐ เช่น NBT หรือช่อง 5 ไปเป็นพูลก็ได้ แต่เราพยายามให้มีลักษณะพิเศษ คือ โดยมีทั้งสื่อที่เป็นตัวแทนหนังสือพิมพ์ โทรทัศน์ ออนไลน์ โดยมีข่าวว่าทั้งหมดมาขอที่ตน และตนเป็นผู้ตัดสินใจ จริงๆ ไม่เกี่ยวเลย เป็นการร่วมกันทำงาน โดยให้ทีมโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเป็นผู้ประสาน และคัดเลือกมา ส่วนที่กระทรวงกลาโหมก็ให้ทางโฆษกกระทรวงกลาโหมเป็นผู้ประสาน และเลือก บางที่ตนไม่ทราบว่าคัดเลือกมาอย่างไร แต่บางที่สื่อก็มีการตกลงกัน ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนไป
นายภูมิธรรม กล่าวว่า ส่วนที่มีการพาดพิงถึงตนว่าไม่แฟร์ รัฐบาลเลือกสื่อที่ไปนั้น มองว่าเป็นการดูถูกสื่อ ตนไม่คิดว่าใครเป็นสื่อของรัฐบาล ยกเว้น NBT ที่เขาก็ทำหน้าที่ นอกจากนี้ สื่อที่เลือกไปก็เลือกจากความนิยม และเรตติ้ง ที่มีอิทธิพลต่อประชาชนมากที่สุด รัฐบาลกระจายให้ทั้งหมด จะมาบอกว่าจะไปขอสมาคม หรือที่มีคนบอกว่าจะไปขอทางการจีน ก็เรื่องของท่าน ไม่ใช่บอกว่าเราเอาสื่อรัฐบาลไปทั้งนั้น รอดูว่าใครได้ไปแล้วตอบเองว่าคุณไปดูถูกเขาหรือไม่ว่าเป็นสื่อรัฐบาล ซึ่งดูจากชื่อที่ออกมาคิดว่าทั่วถึง ทั้งจากทำเนียบรัฐบาล กระทรวงกลาโหม และกระทรวงยุติธรรม และครั้งนี้มีที่นั่งให้สื่อ 7-8 ที่ มีคนมาขอไปอีก ตนก็บอกว่าไปไม่ได้แล้ว ที่มีแค่นี้ เพราะฉะนั้น ไม่แฟร์ที่จะมาบอกว่าเราทำแบบนี้ ขอให้ดูผลที่ออกมาก่อน แล้วค่อยมาตรวจสอบว่าสื่อที่ไปฝักใฝ่ฝ่ายใดหรือไม่
ผู้สื่อข่าวถามว่า นายรังสิมันต์ถามว่า สื่อจะมีเสรีภาพในการทำข่าวครั้งนี้หรือไม่ นายภูมิธรรม ย้อนถามว่า “เอ้า คุณจะมาถามผมได้ไง คุณต้องไปถามพวกคุณสิ” ผู้สื่อข่าวจึงพยายามถามย้ำว่า นายรังสิมันต์เป็นคนถาม นายภูมิธรรม กล่าวว่า “คุณโรมถามก็เรื่องของคุณโรม อย่าไปสนใจ คุณโรมก็ถามแบบนี้ตลอด แต่อย่าเป็นคำถามที่ไม่มีรากฐาน” จากนั้นนายภูมิธรรมได้ขึ้นรถออกจากทำเนียบรัฐบาลไปทันที