“อาร์ต แท็งก์ กรุ๊ป” ชวน หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร และนักสะสมศิลปะไทย ร่วมพูดคุย “การเติบโตและระบบนิเวศของศิลปะ” หลังมูลค่าตลาดศิลปะโตต่อเนื่อง มีสินทรัพย์ศิลปะทั้งหมด 24,000 ล้านบาท โดยกลุ่มคนรุ่นใหม่เริ่มหันมาสะสมศิลปะมากขึ้น พร้อมชี้ 3 แนวทาง ช่วยเติมเต็มระบบนิเวศศิลปะไทย “ขยายพื้นที่อาร์ตสเปซ - สนับสนุน Art Gallery – สร้าง Passion รักศิลปะ” ล่าสุด ผู้บริหาร อาร์ต แท็งก์ กรุ๊ป ต่อยอดศิลปะครบวงจร จับมือ อินทรประกันภัย เปิดตัวผลิตภัณฑ์ “ART IN-SURE” ผลิตภัณฑ์ประกันภัยคุ้มครองและดูแลงานศิลปะ แห่งแรกในไทย
นายเสริมคุณ คุณาวงศ์ ประธานกรรมการ บริษัท อาร์ต แท็งก์ กรุ๊ป จำกัด (Art Tank Group) ในฐานะกลุ่มบริษัทธุรกิจศิลปะครบวงจรแห่งแรกในประเทศ ครอบคลุมการให้บริการหลากหลายทั้งด้านการประมูลศิลปะ, บริการขนส่งงานศิลปะ, การประเมินราคางานศิลปะ ตลอดจนการอนุรักษ์งานศิลปะ เปิดเผยว่า อุตสาหกรรมศิลปะในประเทศไทยมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องมาตลอด 5 ปีที่ผ่านมา โดยมีสินทรัพย์ศิลปะทั้งหมด 24,000 ล้านบาท และมีมูลค่าสินทรัพย์ที่มีการซื้อขายกันในประเทศไทย 1,400 ล้านบาทต่อปี โดยจะเห็นว่าปัจจุบันเริ่มมีกลุ่มของคนรุ่นใหม่ เหันมานิยมสะสมงานศิลปะเพิ่มมากขึ้นด้วย
จากการเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วของตลาดศิลปะในประเทศไทย หลายๆ ฝ่ายที่เกี่ยวข้องก็ต่างรู้สึกยินดี ที่วันนี้ ได้เกิดความร่วมมือทั้งจากภาครัฐและเอกชน ที่ร่วมกันส่งเสริมผลักดันงานศิลปะของไทย โดยล่าสุด อาร์ต แท็งก์ กรุ๊ป ต่อยอดการให้บริการทางด้านศิลปะแบบครบวงจร จึงได้ร่วมมือกับ บริษัท อินทรประกันภัย จำกัด (มหาชน) หรือ IN-SURE ในการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ “ART IN-SURE” ผลิตภัณฑ์ประกันภัยคุ้มครองและดูแลงานศิลปะ ครอบคลุมและครบวงจรครั้งแรกในประเทศไทย เน้นการดูแลงานศิลปะในบ้านให้ปลอดภัย ซึ่งการมีประกันภัยงานศิลปะในทรัพย์สินที่มีค่า เป็นเรื่องที่ดีและเป็นส่วนหนึ่งของความมั่นคง ในการสะสมศิลปะในอนาคตอีกด้วย
ทั้งนี้ ภายในงานได้มีพิธีลงนามความร่วมมือระหว่าง ART TANK GROUP และ อินทรประกันภัย เปิด “ART IN-SURE" ยังจัดให้มีการเสวนาร่วมพูดคุยกับกูรูและนักสะสมอาร์ต ในหัวข้อ “การเติบโตและระบบนิเวศของศิลปะ” โดยมีผู้ร่วมพูดคุย ได้แก่ คุณเสริมคุณ คุณาวงศ์ ประธานกรรมการ บริษัท อาร์ต แท็งก์ กรุ๊ป จำกัด, คุณกิตติภรณ์ ชาลีจันทร์ อดีตนายกสมาคมนักสะสมงานศิลปะไทย และ คุณอดุลญา ฮุนตระกูล ผู้อำนวยการ หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร
3 ข้อเสนอ เติมเต็มระบบนิเวศศิลปะไทย
นายเสริมคุณ คุณาวงศ์ ประธานกรรมการ บริษัท อาร์ต แท็งก์ กรุ๊ป จำกัด กล่าวว่า ภาพรวมของระบบนิเวศศิลปะไทย มีตั้งแต่ ผู้ผลิต คือ ศิลปิน ซึ่งศิลปินไทย รวมทั้งสถาบันศิลปะไทย และการพัฒนาศิลปินไทย ไม่มีปัญหาในเรื่องของคุณภาพงาน จากนั้น เมื่อมีผู้ผลิต ก็ต้องมีผู้ซื้อ ซึ่งผู้ซื้อในประเทศไทย ยังมีจำนวนน้อย เพราะ ระบบการศึกษายังไม่ได้เน้นเรื่องการพัฒนาให้เกิดรสนิยมทางศิลปะ ไม่มีการพาไปชมงานศิลปะตั้งแต่เด็กๆ โดยในประเทศที่เจริญแล้ว จะมีการพาไปชมพิพิธภัณฑ์ศิลปะ ทำให้เด็กๆ ซึมซับแต่ละขั้นตอน ได้เห็นคุณค่าในงานศิลปะ ซึ่งเป็นการสร้างแรงบันดาลใจและ passion ให้เกิดความหลงใหลในงานศิลปะ ดังนั้น การพัฒนาระบบนิเวศของผู้ซื้อ ควรที่ต้องให้ความสำคัญ กับรสนิยมของประชากร ให้มีประชากรที่รักและเข้าใจงานศิลปะเพิ่มมากขึ้น ซึ่งจะเห็นได้ว่าในช่วง 3-5 ปี มานี้ กลุ่มผู้ซื้อมีมากขึ้น และส่วนใหญ่จบมาจากต่างประเทศ ซึ่งมีโอกาสได้ไปอยู่ในวัฒนธรรมของประเทศที่มีพิพิธภัณฑ์เป็นส่วนหนึ่งของชีวิต
นอกจากนี้ ยังมีการเติบโตที่มากขึ้นในกลุ่มของศิลปะ นั่นก็คือ ART Gallery พื้นที่จัดแสดงนิทรรศการศิลปะ เป็นส่วนสำคัญที่ให้เกิดการบริโภคศิลปะในฐานะผู้ซื้อ เป็นผู้นำพางานศิลปะ ไปสู่ นักสะสม เพราะฉะนั้น การสนับสนุน ART Gallery ให้ดำเนินธุรกิจได้อย่างยาว ลดการ Turn Over จึงเป็นหัวใจที่สำคัญมากๆ
นางสาวอดุลญา ฮุนตระกูล ผู้อำนวยการ หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า เชื่อว่า ระบบนิเวศศิลปะจะสมบูรณ์ขึ้น โดยมาจากประเทศเราจะมีพื้นที่ ART Space , มีศิลปิน และบุคคลากรด้านศิลปะเพิ่มมากขึ้น ตลอดจนได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาล และภาคเอกชน ทั้งนี้ เชื่อว่าการขยายตัวของแหล่งเรียนรู้ศิลปะ จะเชื่อมโยงทำให้คนมีโอกาสเสพย์งานศิลปะมากขึ้น ก็จะสร้างผู้บริโภคศิลปะได้มากขึ้น และสร้างให้ศิลปะเป็นพลังขับเคลื่อนของสังคม สมัยใหม่ของประเทศไทยมากยิ่งขึ้น
ด้าน นายกิตติภรณ์ ชาลีจันทร์ อดีตนายกสมาคมนักสะสมงานศิลปะไทย กล่าวว่า ในช่วง 2 ปี มานี้ เป็นเทรนด์ของนักสะสมรุ่นใหม่ โดยส่วนหนึ่งเติบโตมาจากกลุ่ม ART TOY เข้ามาสร้างความเปลี่ยนแปลง ในวงการศิลปะ ตั้งแต่สถาบันการศึกษา ศิลปิน ตลอดจนถึงนักสะสม ซึ่งนับเป็นเรื่องที่ดี ทั้งนี้ ในอีก 5 ปี ข้างหน้า คาดว่าการแข่งขันด้านศิลปะจะรุนแรงขึ้น เพราะประเทศไทย ต้องไปแข่งกับประเทศอื่นด้วย ยิ่งรัฐบาลหันมาสนับสนุนมีนโยบายผลักดันให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลาง ในเรื่องของศิลปะวัฒนธรรม ซึ่งก็จะเป็นความท้าทายที่เราต้องร่วมด้วยช่วยกัน เพราะ คู่แข่งล้ำหน้าเราไปไกล ก็ต้องมาตีโจทย์ตัวเองให้แตก และหาจุดเด่นของเรา รวมถึงเรื่องโครงสร้างพื้นฐาน ( infrastructure) ที่ต้องพัฒนาให้รองรับกับการเติบโตด้วย
ทั้งหมดนี้ สรุปได้ว่า การเติบโตและระบบนิเวศของศิลปะ ยังเติบโตต่อเนื่องได้อีกทั้งระบบ โดยสิ่งที่ควรให้ความสำคัญ แบ่งเป็น 3 ประการ ได้แก่ 1.เพิ่มพื้นที่ Art Space สำหรับโชว์ผลงานศิลปะทุกรูปแบบบ 2.สนับสนุน Art Gallery ให้อยู่ได้นาน ไม่ปิดตัวลงไปก่อน และ 3. ปลูกฝัง และสร้าง Passion เกี่ยวกับงานศิลปะตั้งแต่ในช่วงวัยเด็ก ซึ่งหากทั้งภาครัฐ และเอกชนร่วมมือกันขับเคลื่อนตลาดศิลปะไทย จะต้องไปได้อีกยาวไกลและอยากให้คนไทยสนับสนุนให้ศิลปะไทยได้ไปสู่ฝันร่วมกัน