หนังสือพิมพ์สยามรัฐ ขายข่าวขายความจริงให้ประชาชนคนไทยได้อ่านมาอย่างต่อเนื่องยาวนานที่สุดในประเทศไทยฉบับนี้ ประจำวันพุธที่ 12 มี.ค.68 ร้อนกว่าอากาศ คือ การเมืองไทย …*…
เข้าสู่สัปดาห์ที่สอง ของ การยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี (และพ่อนายกรัฐมนตรี) แต่ ที่ประชุมวิป 3 ฝ่าย ยังไม่สามารถกำหนดวันประชุมได้ ไม่เพียงแต่ ถกเถียงกันเรื่องวันประชุม ที่ วิปฝ่ายรัฐบาลกำหนดให้อภิปรายเพียงวันเดียว หลังเที่ยงคืน ถือเป็นวันใหม่ ให้มีการลงมติ ในขณะที่ วิปฝ่ายค้าน ต้องการ อภิปราย 3 – 5 วัน เท่านั้น …*…
ความวัวยังไม่ทันหาย ความควายก็เข้ามาแทรก เมื่อ นายวันมูหะหมัดนอร์ มะทา ประธานสภาฯ กางตำราข้อบังคับ ที่ ให้อำนาจประธานสภาฯ มีอำนาจ พิจารณาข้อบกพร่องของญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจฯ ทำหนังสือแจ้งไปยังผู้นำฝ่ายค้าน “หลานเท้ง” นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน ให้ถอนชื่อนายทักษิณ ชินวัตร ออกจากญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ ในฐานะเป็นบุคคลที่ 3 ไม่เช่นนั้นจะไม่บรรจุเข้าสู่ระเบียบวาระการประชุม …*…
ขิงก็รา ข่าก็แรง ไล่ตั้งแต่หัวแถวพรรคประชาชน นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ลงมาถึง “หญิงไหม” ศิริกัญญา ตันสกุล และตัวตึงๆหยั่ง นายรังสิมันต์ โรม ประโคมสัมภาษณ์สื่อเป็นเสียงเดียวกัน ยืนยันไม่ขอเปลี่ยนญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ ยังคงให้ มีชื่อนายทักษิณ ชินวัตร อยู่ในญัตติฯเช่นเดิม เหมือนเติมฟืนเข้ากองไฟ การเมืองจากนี้ไป “บารอน” ขอให้คอการเมืองไทย อย่ากะพริบตา รัฐบาลแพทองธาร ผ่าน 10 เมษาไปได้ เป็นการเมืองช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ ลูกสาวพ่อทักษิณ จะอยู่ต่อถึงสิ้นปี …*…
แม้ คดีฮั้วเลือก สว. จะจบลงที่ ดีเอสไอไม่สามารถรับเป็นคดีพิเศษได้ เพราะ 11 เสียง คกพ. ไม่ถึง 2 ใน 3 แต่ มีการใช้ 11 เสียง คกพ.ไปเป็นมติให้ ดีเอสไอ รับไว้เป็นคดีฟอกเงิน ทั้งๆที่ เป็นอำนาจของ ดีเอสไอ ที่ดำเนินการได้เองอยู่แล้ว งานนี้ ที่ได้ประโยชน์ไปเต็มๆ คือ พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดี ดีเอสไอ หากผิดพลาดประการใด ก็โยนให้ 11 เสียง คกพ.ที่มีมติให้ดำเนินการ ร่วมรับผิดชอบด้วย …*…
ความผิดกฎหมายฟอกเงิน เริ่มต้นที่ เป็นเงินที่ได้มาจากการกระทำความผิดกฎหมาย แล้วเอาไป กระจายซื้อทรัพย์สิน คดีนี้ต่อให้ มีการใช้เงินฮั้วเลือก สว. จริงๆ ที่ต้อง สืบสวนให้ได้ว่าใช้เงินมากกว่า 300 ล้านบาท จึงจะเข้าข่ายคดีฟอกเงิน ที่ยากเย็นแสนเข็นยิ่งกว่านั้น ต้องสืบให้ได้ว่าเงินที่ใช้ฮั้วเลือก สว. เป็นเงินไม่บริสุทธิ์ เจ้าของเงินฮั้วได้มาแบบผิดกฎหมาย เจองานริ่มต้นสองดอกนี้ ดีเอสไอก็ไปไม่เป็นแล้วครับ …*…
“บารอน” ย้อนกลับไปดู กติกาเลือก สว. รอบแรก ระดับอำเภอ กำหนดให้ ผู้สมัคร 1 คน มีสิทธิเลือกได้ 2 คน ไปจนถึงรอบสุดท้ายระดับชาติ ให้เลือกกลุ่มอาชีพละ 5 คน โดย ทุกคนต้องมีการแลกคะแนนกัน อีกทั้ง กกต.ยังอนุญาตให้ถือโพยเข้าไปเลือกได้ เช่นนี้ กติกาเขียนให้ฮั้วกันชัดเจน จะไปโทษผู้สมัครฮั้วกัน ก็ต้องโทษผู้สมัคร สว.ทุกคน ...*...
แต่ ความผิด ของ กกต.ใช่ว่าจะไม่มี ที่ ปรากฏเป็นหลักฐานความผิดชัดเจน คือ ไปรับสมัครผู้เข้ารับการเลือก สว. ที่ ขาดคุณสมบัติ อันเนื่องจาก ถูกตัดสิทธิทางการเมือง 10 ปี ได้อย่างไร? ทั้งๆที่ กกต.เป็นผู้ร้องศาลรัฐธรรมนูญ เท่ากับ กกต.ต้องรู้อยู่แล้วว่าบุคคลนี้ถูกตัดสิทธิทางการเมือง 10 ปี แถม บุคคลนี้ยังได้เลือกเป็น สว. ซึ่ง กกต.ต้องกลับมาร้องศาลรัฐธรรมนูญ รอบสอง ให้ถอดถอนออกจาก สว. ที่นี่ บารอน ว่า กกต.บกพร่องต่อหน้าที่อย่างร้ายแรง ประเด็นนี้ รอดสายตาปะดานักร้องไปได้อย่างไร ...*...
นึกว่าจะแน่ พ่อเซเลนสกี้ ผู้นำยูเครน คิดสาระตะดีแล้ว ว่า พึ่งสหรัฐฯปลอดภัยกว่ายุโรป ด้วยการ ทำหนังถึงประธานาธิบดีทรัมป์ แบบโยนผ้าขาว ยอมรับทุกข้อเสนอแบบไม่มีเงื่อนไข โดย ประธานาธิบดีทรัมป์ กำหนดสถานที่นัดพบ กรุงริยาร์ด ประเทศซาอุดิอาระเบีย เหลือเพียงแค่ รอให้ทรัมป์กำหนดวัน ...*...
“บารอน” มองหมากเดินตานี้ของ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ หลายชั้นมาก ทรัมป์มองข้ามสงครามยูเครน ไม่เห็นเซเลนสกี้อยู่ในสายตา ใช้ซาอุดิอาระเบียเป็นสถานที่เจราจา เพียงเพื่อ ยกความสำคัญให้ กับ เจ้าชายมุฮัมมัด บินซัลมาน มกุฎราชกุมาร นายกรัฐมนตรีซาอุดิอาระเบีย ผู้ที่ร่ำรวยที่สุดในหมู่ประเทศอาหรับ เท่ากับร่ำรวยที่สุดในโลก เพื่อ ปูทางเป็นหุ้นส่วน สานฝันทรัมป์ ร่วมกันพัฒนาพื้นที่ฉนวนกาซ่าให้เป็นริเวียร่า ว่ากันว่าถึงขนาด มีพิมพ์เขียว เขียนแบบไว้แล้ว โดยมี อนุสาวรีย์ทรัมป์ กับ อนุสาวรีย์อีลอน มัสก์ อยู่ในแบบพิมพ์เขียวแล้วด้วย
ที่มา : บารอน (12/3/68)