คงจะหาตัวเลือกยากหากจะตัดสินใจซื้อรถยนต์แรงๆสักคันมาใช้งานในทุกๆวัน เพราะรถแรงส่วนใหญ่มักจะถูกนำมาใช้ตอนวันหยุดสุดสัปดาห์หรือไม่ก็จะเป็นช่วงดึกๆกันมากกว่า ซึ่งเป็นเวลาที่รถยนต์เหล่านี้สามารถแสดงสมรรถนะออกมาได้อย่างเต็มที่ แต่จะไม่ใช่พวกรถยนต์เอเอ็มจีอยู่แล้วเพราะหากเป็นรถยนต์พิเศษเหล่านี้ไม่ว่าจะเป็นเวลาไหนก็สามารถนำออกมาใช้งานได้ นั่นคือเหตุผลที่ทำให้รถยนต์ตระกูลนี้เติบโตได้อย่างรวดเร็วในเมืองไทยถึงกับขึ้นไลน์ประกอบกันเลยทีเดียว เอเอ็มจี ของเมอร์เซเดส-เบนซ์นั้นมีให้เลือกทั้งแบบชุดแต่งและแบบยกเซตจากโรงงานที่มีราคาไม่สูงนัก จึงสามารถจับจองซื้อหากันมาใช้งานได้ ทั้งในแบบแต่งเต็มหรือแบบที่ทำมาครบทั้งคันโดยไม่ต้องเสียเงินไปแต่งเพิ่มอีก ฝาท้ายเปิดได้สูง ตัวเต็มของเอเอ็มจี จะมีตัวเลขเพียงแค่ 2 ตัวอย่างรุ่นนี้ก็จะเป็นเมอร์เซเดส- เอเอ็มจี จีแอลซี 43 4 Matic Coupe เป็นชื่อเรียกที่ค่อนข้างยาวโดยการตัดเบนซ์ออกแล้วใส่เอเอ็มจี แทน ค่าตัวไม่ถึง 6 ล้านบาทแต่ก็ได้ความแรงแบบสะใจในสไตล์รถสปอร์ต รถยนต์คันนี้มี 2 บุคลิก ถ้าใครใช้งานแบบรถธรรมดาที่ใช้ในชีวิตประจำวันมันก็ตอบโจทย์นี้ได้ อัตราเร่งมาแบบนุ่มๆ อัตราบริโภคก็ไม่ต่างไปจากรุ่นปกติของเมอร์เซเดส-เบนซ์ มากนัก ถ้าเมื่อไหร่ที่อยากจะแรงอยากจะซิ่ง อารมณ์ที่ตอบสนองต่อคันเร่งนั้นเปลี่ยนไปทันที เสียงเครื่องยนต์คำรามจากการกดคันเร่งแรงๆ พร้อมกับเข็มบอกอัตราบริโภคที่เปลี่ยนไปในทันท่วงที นอกจากนั้นในเรื่องของตัวรถที่ก้ำกึ่งระหว่างรถยนต์เอสยูวี กับรถใช้งานทั่วๆไปเพราะตัวจี นำหน้านั้นบ่งบอกถึงประเภทของตัวรถว่าเป็นเอสยูวี อยู่แล้ว พอเข้าไปนั่งกลับรู้สึกว่าอยู่ในรถเก๋งมากกว่าเพราะความสูงไม่มาก นักยิ่งการออกแบบหลังคาในสไตล์คูเป้ที่ลาดลงมาทางด้านหลังนั้นยิ่งทำให้ตัวรถดูเตี้ยลงไปอีก ซึ่งจะส่งผลดีตอนที่ใช้ความเร็วสูงรถจะนิ่งกว่าพวกรถยนต์ตัวถังสูงๆ เสริมด้วยคาบอน-ไฟเบอร์ การลุยอาจจะทำได้ไม่มากเท่ากับพวกจี-คลาส แต่การใช้งานบนไฮเวย์จะทำได้ดีกว่า ยิ่งออกแบบช่วงล่างค่อนข้างแข็งหน่อยจะทำให้การเข้าโค้งหรือทรงตัวนั้นไว้ใจได้ดีกว่าช่วงล่างแบบนิ่มๆของรถทั่วๆไป ไม่น่าเชื่อว่ารถแรงๆแบบนี้จะทำความประหยัดได้ดี ช่วงที่ใช้งานปกติกดคันเร่งเบาๆอัตราบริโภคเฉลี่ยทำได้เกิน 10 กิโลเมตรต่อลิตร จากเครื่องยนต์เบนซินวี6 ที่มาพร้อมเทอร์โบคู่และอินเตอร์คูลเลอร์ความจุ 2996ซีซี กำลังที่มีมาให้นั้นมากกว่ารุ่นปกติเยอะ โดยมีกำลังที่ซุกอยู่ใต้ฝากระโปรงหน้าถึง 367 แรงม้าที่ 5,500 ถึง 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 520 นิวตันเมตรที่ 2,500 ถึง 4,500 รอบต่อนาที อัตราเร่งจาก 0 ถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงสามารถทำได้ในเวลา 4.9 วินาทีแต่ความเร็วสูงสุดจะถูกตอนไว้แค่ 250 กิโลเมตรต่อชั่วโมงเท่านั้นเอง เบาะหนังแบบสปอร์ต เหตุผลของความประหยัดจะมาจากการใช้ชุดส่งกำลังที่เป็นเกียร์อัตโนมัติ 9 สปีดแบบ 9จี ทรอนิคที่สามารถรองรับกำลังของเครื่องยนต์ วี6 ที่มีจุดเด่นในเรื่องระบบแรงดันเสริมท่อสำหรับนำอากาศของชุดเทอร์โบ ที่ส่งผลให้สามารถเพิ่มแรงม้าและแรงบิดของเครื่องยนต์รุ่นนี้ได้ เมื่อความเร็วสูงสุดเกิน 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงเกียร์สุดท้ายก็จะทำงาน เลี้ยงความเร็วไว้ที่ 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงก็จะได้รอบเครื่องยนต์อยู่ที่1,600 รอบต่อนาที รอบเครื่องยนต์ที่ต่ำๆแบบนี้ส่งผลให้อัตราบริโภคไม่หนีไปจากรุ่นปกติมากนักเมื่อใช้งานแบบธรรมดา สำหรับรุ่นพิเศษแบบนี้จะมีโหมดการขับขี่ที่หลากหลาย ช่วยให้คนขับสามารถเลือกโหมดการขับขี่ให้เหมาะสมกับความต้องการได้ โดยสามารถเลือกใช้จากระดับนุ่มๆไปจนถึงการขับขี่แบบเร้าใจกับระบบไดนามิค ซีเล็ค แยกพับเบาะหลังได้ ระบบนี้จะมีให้เลือก 4 โหมด คือ อินดิวิดวล ที่สามารถจดจำรูปแบบการขับขี่ของผู้ขับขี่ได้ หากอยากได้ความผ่อนคลายสะดวกสบายแบบรถซาลูนก็เลือกแบบคอมฟอร์ท บนถนนลื่นๆก็จะเป็นแบบสลิปเปอรี่ ส่วนสปอร์ต ก็จะเพิ่มความเร้าใจในการขับขี่ได้มากขึ้น เพื่อปรับช่วงล่างให้เหมาะสมกับการขับขี่ ระบบกันสะเทือนที่ใช้จะเป็นแบบอากาศพร้อมระบบควบคุมอแด็ปทีฟ แดมปิ้ง ซิสเต็ม เพื่อรองรับการขับขี่ในทุกสภาพถนน ที่ขาดไม่ได้คือระบบขับเคลื่อน 4 ล้อที่สามารถสร้างความโดดเด่นให้กับการขับขี่ สามารถควบคุมรถได้ง่ายขึ้น การถ่ายกำลังลงพื้นของทั้ง 4 ล้อก็ทำได้ดีกว่าพวกขับเคลื่อน 2 ล้อ โดยเฉพาะตอนที่ปล่อยม้าออกมาจากคอกแบบเต็มๆ ดีไซน์ภายในโชว์จุดเด่นภายในห้องโดยสาร อย่าง แดชบอร์ดและคอนโซลกลางที่มีขอบลายเส้นที่ดูไหลลื่น โดยแผงคอนโซลที่มีขนาดใหญ่และถูกออกแบบให้เป็นชิ้นเดียวนี้ วางทอดตัวยาวจากช่องลมระบบปรับอากาศบริเวณตรงกลางของแผงหน้าปัดลงมาจนถึงพนักวางแขนบริเวณกึ่งกลางระหว่างเบาะที่นั่งของผู้ขับขี่กับผู้โดยสารตอนหน้า ซึ่งเส้นสายบริเวณแผงคอนโซลที่ดูเรียบง่ายแต่เร้าอารมณ์ช่วยให้ห้องโดยสารดูกว้างขวาง เรียบง่าย และ ล้ำสมัยยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับพวงมาลัยนิรภัยพร้อมเพาเวอร์ปรับน้ำหนักตามความเร็วรถ พร้อมเสริมความรู้สึกสปอร์ตให้มากขึ้น พื้นที่เก็บสัมภาระจุ 500-1,400 ลิตร เบาะนั่งสำหรับผู้ขับขี่และผู้โดยสารด้านหน้าปรับระดับด้วยระบบไฟฟ้าพร้อมบันทึกหน่วยความจำ โดยเบาะนั่งด้านหลังสามารถพับได้ทั้ง 1:3/2:3 ตามความต้องการเพื่อเพิ่มพื้นที่ในการจัดเก็บของที่เพิ่มขึ้น ซึ่งรถยนต์รุ่นนี้มีพื้นที่จัดเก็บสัมภาระที่กว้างขวางด้วยความจุ 500-1,400 ลิตร ซึ่งนับเป็นความจุที่มากที่สุดเมื่อเทียบกับรถยนต์กลุ่มเดียวกัน ระบบมัลติมีเดียเป็น ระบบวิทยุ-ซีดี เอ็มบี ออดิโอ ระบบสำหรับเชื่อมต่อโทรศัพท์เคลื่อนที่แบบ บลูทูธ ระบบควบคุมและสั่งงานด้วยทัชแพ็ดและระบบรองรับการใช้งานอุปกรณ์เพื่อความบันเทิงสำหรับผู้โดยสารด้านหลัง มีระบบแผนที่นำทาง, ระบบเสียงรอบทิศทาง Burmester® พร้อมเบาะนั่งหุ้มหนังแบบสปอร์ตพวงมาลัยมัลติฟังก์ชันแบบสปอร์ตท้ายตัด ชุดคันเร่งและแป้นเบรกแบบสปอร์ต เครื่องยนต์แรงแบบเอเอ็มจี