สาวบ้านดงเค็ง ต.หนองขมาร อ.คูเมือง จ.บุรีรัมย์ สูญเงินแสนถูกนายหน้าหลอก ไปทำงานเมืองนอก แต่ไม่ได้ไป จะทำนาก็ไม่คุ้มทุน จึงหันมาปลูกดาวเรืองขาย ปีแรกปังทำเงินหลักแสน กระทั่งยึดเป็นอาชีพหลัก เลี้ยงครอบครัว
วันที่ 12 มี.ค.68 ที่สวนดาวเรือง บ้านดงเค็ง ต.หนองขมาร อ.คูเมือง จ.บุรีรัมย์ ของ น.ส.สุภาวดี ชัยชาญรัมย์ อายุ 38 ปี บนเนื้อที่กว่า 40 ไร่ เจ้าของสวนและคนงานกำลังช่วยกันตอกเสาหลัก เพื่อขึงเชือกกั้นป้องกันไม่ให้ต้นดาวเรือล้ม ถอนวัชพืช และจัดระบบสายน้ำหยด ที่ใช้รดต้นดาวเรือง เพื่อหล่อเลี้ยงให้ต้นดาวเรืองมีความสมบูรณ์แข็งแรง
น.ส.สุภาวดี ชัยชาญรัมย์ กล่าวว่า แต่ก่อนมีอาชีพทำนา และได้เดินเรื่องไปทำงานต่างประเทศ ก็ไม่ได้ไปเพราะถูกนายหน้าหลอกเอาเงิน จากนั้นได้มีเพื่อนแนะนำให้มาลองปลูกดาวเรืองขาย ก็ได้ความรู้จากที่เพื่อนแนะนำทดลองทำเรื่อยมาจนประสบความสำเร็จในปัจจุบัน ซึ่งแรกเริ่มทดลองปลูกเพียงไม่กี่ต้นในเนื้อที่ไม่กี่ไร่ เพื่อทดลองส่งขายตลาดในพื้นที่ ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี คือแรกก็ทำน้อยๆ เราก็จะมีตลาดแถวบ้าน ต่อมาเมื่อเริ่มมองเห็นช่องทางการตลาด ผลการตอบรับดีและคนงานเริ่มเยอะขึ้น จึงได้ขยายพื้นที่ปลูกเพิ่มขึ้นจากเพียง 1-2 ไร่ ปัจจุบันมีพื้นที่ปลูกดาวเรือง 40 ไร่ มีต้นดาวเรืองประมาณ 2 แสนกว่าต้น
ส่วนการลงทุนเฉลี่ยต่อไร่ประมาณ 20,000 บาท ส่วนรายได้นอกจากหักค่าใช้จ่ายทุกอย่างแล้วก็จะเหลือครึ่งต่อครึ่ง ตั้งแต่ปลูกไปจนถึงการเก็บผลผลิตในระยะเวลา 3 เดือนต่อ 1 รอบ เช่น ต่อรอบจำหน่ายดอกดาวเรืองได้ 5 แสนบาท หักค่าใช้จ่ายทั้งหมดแล้วจะเหลือกำไรประมาณ 250,000 บาท ซึ่งใน 1 ปี จะสมารถปลูกดาวเรืองขายได้ 3 รอบ โดยจ้างคนงาน 15 คน วันละ 300 บาทต่อคน ส่วนเด็กมีรายได้วันละ 200-300 บาท ผู้ใหญ่มีรายได้จากการแพ็กดอกใส่ถุง 500 บาท
สำหรับในช่วงฤดูแล้งนี้ ทางสวนมีน้ำใช้เพียงพอสำหรับรดดาวเรือง เนื่องจากดาวเรืองเป็นพืชที่ใช้น้ำน้อย ขอให้มีน้ำแค่ได้หล่อเลี้ยงเพิ่มความชุ่มชื้นในดินดาวเรืองก็สามารถเจริญเติบโตอยู่ได้ ซึ่งทางสวนมีแหล่งน้ำเป็นของตนเอง และได้ทำระบบน้ำหยดให้น้ำวันละ 2 รอบ คือเช้ากับเย็นครั้งละประมาณ 30 นาทีต่อการให้น้ำ แต่อาจจะมีปัญหาเรื่องของแมลงศัตรูพืช เพลี้ยไฟอยู่บ้าง
ปัจจุบันทางสวนมีตลาดรับซื้อดอกดาวเรืองอยู่ที่ปากคลองตลาด โดยตลาดรับซื้อดอกดาวเรืองมีทั้งหมด 4 ขนาด ได้แก่ ขนาดจัมโบ้ ขนาดใหญ่ ขนาดกลาง และขนาดเล็ก ซึ่งราคาดอกดาวเรืองขนาดจัมโบ้ช่วงนี้อยู่ที่ดอกละ 1.50 บาท และราคาลดหลั่นกันไปตามขนาด โดยดอกขนาดเล็กราคาดอกละ 30 สตางค์
ซึ่งในช่วงหน้าแล้ง ถือว่าดอกดาวเรืองมีราคาดี จากปัจจัยเสี่ยงทั้งเรื่องแล้ง แมลงศัตรูพืชต่างๆ หากชาวสวนดูแลดีทำให้ดาวเรืองมีคุณภาพ ก็จะทำให้ขายได้ราคาดีตามไปด้วย ซึ่งถือว่าดีกว่าทำนาที่เพาะปลูกเก็บเกี่ยวได้ปีละครั้ง แต่การปลูกดาวเรือง 1 ปี สามารถเพาะปลูกเก็บเกี่ยวได้ถึง 3 ครั้ง
หากท่านใดสนใจอยากจะปลูกดาวเรืองขายเหมือนตน หรือสนใจมาศึกษาดูงานทางสวนยินดีและพร้อมที่จะให้คำแนะนำ รวมถึงมีต้นกล้าพันธุ์ดาวเรืองไว้จำหน่ายให้กับผู้ที่สนใจปลูกด้วย