วันที่ 12 มี.ค.68 ที่รัฐสภา คณะกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน ประชุมพิจารณาติดตามข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายเกี่ยวกับการดำเนินการส่งตัวผู้ถูกกักตัวชาวอุยกูร์กลับไปประเทศต้นทาง โดยเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กระทรวงยุติธรรม กระทรวงการต่างประเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) เข้าชี้แจง
นายกมลศักดิ์ ลีวาเมาะ สส.นราธิวาส พรรคประชาชาติ ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการการกฎหมายฯ เปิดเผยว่า เมื่อเดือน ม.ค.68 คณะกรรมาธิการทราบข่าวว่าจะมีการส่งคนอุยกูร์กลับจีนจึงได้เรียกหน่วยงานมาสอบถาม ไม่ว่าจะเป็นกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และ สมช. ทุกหน่วยงานปฏิเสธหมด ระบุว่าไม่มีนโยบายส่งชาวอุยกูร์กลับ เนื่องจากตอนนั้นนายกรัฐมนตรีก็กำลังเดินทางไปเยือนประเทศจีนด้วย หน่วยงานชี้แจงเพียงว่ายังไม่ได้รับรายงานเรื่องนี้ แต่ภายหลังก็ปรากฏข่าวการส่งกลับชาวอุยกูร์อีกจนเป็นเรื่องจริง เพื่อความต่อเนื่องการประชุมในวันนี้ จะมีการสอบถามเกี่ยวกับกระบวนการที่ได้ปฏิบัติตามมาตรา 13 พระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการทรมาน และการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ.2565 (พ.ร.บ.อุ้มหายฯ) หรือไม่ และเหตุใดก่อนหน้านั้นถึงบอกว่าไม่มีนโยบายการส่งกลับ
อย่างไรก็ตามมีการตั้งข้อสังเกตว่าการส่งกลับชาวอุยกูร์เกิดขึ้นหลังจากที่นายกฯ เดินทางไปจีน ซึ่งตนเองยังไม่ทราบข้อเท็จจริง คณะกรรมาธิการฯ หลายท่านที่สนใจอาจจะมีการสอบถามเรื่องนี้ในที่ประชุม โดยขณะนี้ยังตอบไม่ได้ว่าการส่งกลับชาวอุยกูร์ขัดกับหลักกฎหมายหรือไม่ ตนเองติดตามฝ่ายบริหารก็เห็นว่าทำตามกฎหมาย แต่อยากให้มีการชี้แจงรายละเอียด
ส่วนขั้นตอนการส่งกลับที่นำรถมารับด้วยการคลุมดำ จะผิด พ.ร.บ. อุ้มหายฯ หรือไม่ กรณีนี้ยังไม่ปรากฏข้อเท็จจริงว่ามีการคลุมถุงดำ แต่กรณีปิดเทปดำรอบรถขนส่ง ในทางปฏิบัติต้องมีการถ่ายวิดีโอ และจะต้องมีการกระทำกับบุคคล ไม่ใช่กระทำกับยานพาหนะ
“ต้องมีการถ่ายเหตุการณ์ระหว่างการควบคุม ความเห็นผมนะ ยังไม่เข้าข่ายผิดองค์ประกอบของ พ.ร.บ. ซ้อมทรมาน แต่ถ้าทำกับบุคคลก็ว่าไปอีกอย่าง” นายกมลศักดิ์ กล่าว
นายกมลศักดิ์ ชี้แจงเพิ่มเติมว่ากระบวนการตาม พ.ร.บ. อุ้มหายฯ ระหว่างการควบคุมตัวได้กำหนดไว้ว่าต้องมีแนวทางปฏิบัติอย่างไร ทั้งนี้ต้องติดตามประเทศปลายทางด้วยว่ามีการกระทำย่ำยีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์หรือไม่ พร้อมกล่าวถึงกรณีที่นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม เตรียมพาสื่อมวลชนไปดูความเป็นอยู่ของชาวอุยกูร์ 40 คนที่ถูกส่งกลับจีน ว่า ถือเป็นเรื่องดี ฝ่ายบริหารต้องพิสูจน์ว่าได้ปฏิบัติตาม พ.ร.บ.อุ้มหายฯ ทั้งต้นทางและปลายทาง ไม่ได้ถูกย่ำยีศักดิ์ศรีเพราะเป็นเรื่องที่หลายประเทศติดตามอยู่