วันที่ 11 ม.ค.2568 เวลา 11.30 น. ที่รัฐสภา นายมุข สุไลมาน เลขานุการประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงญัตติการอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 151 ว่า ในความเห็นส่วนตัวมองว่าการอภิปรายไม่ไว้วางใจทุกคนอยากฟัง ตนจึงคิดว่าฝ่ายค้านน่าจะถอยไปก้าวหนึ่ง ซึ่งเมื่ออภิปรายแม้ไม่มีการระบุชื่อและนามสกุลของบุคคลใดบุคคลหนึ่ง ก็สามารถอภิปรายแล้วทำให้ประชาชนเข้าใจว่าบุคคลที่กำลังพูดถึงเป็นใคร ฉะนั้น จึงคิดว่าไม่มีข้อแตกต่างในการที่จะระบุชื่อหรือไม่ระบุในญัตติเปิดอภิปรายในครั้งนี้ เพื่อให้เกิดการประชุมเพราะหากไม่มีการอภิปรายฯ ก็เป็นเรื่องที่น่าเสียดาย และประชาชนก็อยากฟัง จึงฝากให้ฝ่ายค้านพิจารณาให้คำนึงถึงสาระสำคัญในสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชน อย่าเอาเรื่องอื่นที่มีความสำคัญน้อยกว่าเป็นประเด็นหลัก

”ประธานสภาฯ จำเป็นต้องคำนึงความสำคัญในการอภิปรายว่าจะทำอย่างไรให้วันนั้นสงบเรียบร้อย อย่าให้มีการประท้วงวุ่นวาย จนกระทั่งอาจจะไม่มีโอกาสที่จะอภิปราย เพราะลักษณะของความวุ่นวายในสภาเคยเกิดขึ้น ที่เคยล็อคคอประธานลงจากบัลลังก์ก็เคยมี ซึ่งเราไม่อยากให้เป็นเช่นนั้น และเมื่อไม่อยากประธานก็ต้องคิดว่าควรระงับก่อนเหตุเกิด จึงพยายามมองว่าอะไรที่น่าจะเกิดก็สมควรระงับไว้ก่อน ผมจึงเชื่อว่าความรอบคอบของประธานเป็นเหตุจำเป็นที่ต้องเข้มงวดในเรื่องนี้“ นายมุข กล่าว

ด้านนายอารีเพ็ญ อุตรสินธุ์ ที่ปรึกษาประธานสภาฯ กล่าวว่า ข่าวที่ระบุว่านายวันมูหะมัดนอร์ ให้ถอนชื่อของบุคคลที่ถูกกล่าวในญัตติของฝ่ายค้านร้องมานั้นเพราะมีบุคคลไปขอ ตนขอยืนยันว่านายวันมูหะมัดนอร์ ตัดสินใจด้วยวิจารณญาณของท่านเอง ไม่มีใครไปขอ ฉะนั้นที่มีข่าวนั้นไม่เป็นความจริง ตนอยู่กับท่านมา 40 ปี ยืนยันว่านายวันมูหะมัดนอร์ไม่ใช่ประเภทที่ใครจะขอให้ทำความผิดแล้วจะทำตาม แม้ว่าจะใกล้ชิดหรือไม่ก็ตาม และเดือนนี้เป็นเดือนรอมฎอนที่มุสลิมถือศีลอด เขาจะไม่พูดปด