เมื่อเวลา 19.50 น. วันที่ 7 มีนาคม พ.ต.ท.อัครเดช เพ็งวงษ์ สารวัตรเวรสอบสวน สภ.เมือง นครราชสีมา รับแจ้งเหตุเพลิงไหม้บ้านเลขที่ 5 บ้านหมื่นไวย หมู่ 2 ต.หมื่นไวย อ.เมือง จึงรุดไปตรวจสอบพร้อมวิทยุสื่อสารประสานรถดับเพลิงขององค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) หมื่นไวย และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ในพื้นที่ใกล้เคียงให้ไประงับเหตุร้าย
ที่เกิดเหตุอยู่บริเวณหน้าวัดหมื่นไวย พบเปลวเพลิงกำลังลุกไหม้บ้านสองชั้นครึ่งปูนครึ่งไม้ อาสาสมัครหน่วยกู้ภัยสว่างเมตตาโคราชและชาวบ้านได้ช่วยกันหาน้ำมาสาดดับไฟท่ามกลางสายฝนและปัญหาอุปสรรคจุดเกิดเหตุอยู่ในซอยคับแคบ ต้องกระจายกำลังจัดการจราจรและกั้นไทยมุงให้อยู่ด้านนอก เพื่อความสะดวกในการปฏิบัติหน้าที่ รถดับเพลิงของ อบต.หมื่นไวย อยู่ใกล้เคียงที่สุดได้ประสบอุบัติเหตุลื่นตกข้างทาง โชคดีที่ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ จึงต้องรอรถดับเพลิงของ อปท.ข้างเคียง โดยใช้เวลากว่า 15 นาที จึงเดินทางมาถึงรวมทั้งไม่มีแหล่งน้ำต้องคอยรีเลย์น้ำมาฉีดใช้เวลาควบคุมเพลิงประมาณ 20 นาที เบื้องต้นไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ
จากการสอบสวนนางฉวี พิศเกาะ อายุ 66 ปี เจ้าของบ้านต้นเพลิง ให้การว่าได้พักอาศัยอยู่กันรวม 4 คน มีตนพร้อมสามี ลูกสาวและหลาน ก่อนเกิดเหตุกำลังทานข้าวเย็นได้ยินเสียงดังจากข้างบนบ้าน 2-3 ครั้ง ก็เลยวิ่งขึ้นไปดูเห็นแสงเพลิงกำลังลุกไหม้ จึงร้องตะโกนให้บอกสามี ลูกสาวและหลานรีบวิ่งออกจากบ้าน รวมทั้งให้เพื่อนบ้านมาช่วย แต่ไม่สามารถดับได้เพราะเพลิงกำลังลุกไหม้อย่างรุนแรง จึงรีบหนีเอาชีวิตรอดโดยไม่สามารถขนเอาทรัพย์สินมีค่าออกจากบ้านได้ ซึ่งมีทั้งทองรูปพรณและเงินจำนวนหนึ่ง มูลค่าความเสียหายหลายแสนบาท สันนิษฐานเบื้องต้นระบบไฟฟ้าภายในมีอายุการใช้งานหลายสิบปีและไม่เคยซ่อมบำรุงแต่อย่างใด น่าจะเป็นสาเหตุให้ไฟฟ้าลัดวงจร ซึ่งต้องรอเจ้าหน้าที่กลุ่มงานตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุ ศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 3 นครราชสีมา มาตรวจสอบตามกระบวนการต่อไป