วันที่ 7 มี.ค.68 ที่อิมแพ็คเมืองทองอารีนา จ.นนทบุรี นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) กล่าวถึงกรณีที่ นางอังคณา นีละไพจิตร สว.ตั้งข้อสังเกตถึงการพบกันของ “4ผู้ทรงอิทธิพลทางการเมือง” ที่บ้านจันทร์ส่องหล้า ไม่ได้มีการพูดคุยเรื่องพ.ร.บ. การประกอบสถานบันเทิงครบวงจร หรือ เอนเตอร์เทนเม้นท์คอมเพล็กซ์ แต่เป็นการพูดถึงมติที่คณะกรรมการคดีพิเศษ ที่จะพิจารณารับหรือไม่รับ คดีฮั้วสว.เป็นคดีพิเศษ ทำให้นายอนุทิน ถึงกับย้อนว่า มันก็ไม่ใช่เรื่องของท่าน จะเชื่อหรือไม่เชื่อ พวกตนไปคุยกันเป็นประจำอยู่แล้ว ไม่มีการพูดคุยถึงคดีฮั้วสว. ไม่มีแม้แต่น้อย ตนยืนยันได้
เมื่อถามว่า ส่วนมองว่าหลังจากนี้เอกภาพของรัฐบาล จะเป็นเช่นไร หลัง ดีเอสไอ มีผลออกมาเป็นเช่นนี้ นายอนุทิน ย้อนถามกลับว่า ผู้สื่อข่าวถามว่าเอกภาพเป็นอย่างไร สัมภาษณ์ตนทุกอาทิตย์ ทุกวัน เคยมีครั้งไหนที่ไม่พูดถึงนายกรัฐมนตรีหรือไม่ ก็ไม่เคย แล้วพูดในเชิงบวกหรือเชิงลบ บวก บวก บวก เพราะฉะนั้นนั่นคือคำตอบ ถ้าคนเราไม่มีความเป็นเอกภาพ มีความขัดแย้งกัน ก็คงพูดถึงกันในเชิงที่ดี คงฝืนใจที่จะพูด แต่ผมไม่เคย เป็นธรรมชาติ แล้วเวลาที่ผู้สื่อข่าวสัมภาษณ์นายกรัฐมนตรี ในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับงานและตัวของผม ก็เห็นท่านพูดในเชิงสร้างสรรค์ เขาเรียกว่า แอ็คชั่นดังกว่าคำพูดอยู่แล้ว
เมื่อถามย้ำว่า แม้ว่าจะบอกว่า “บวก บวก บวก” แต่ อาจมองได้ว่าเป็นพลังงานบวกเชิงลบ นายอนุทิน กล่าวว่า บวกเชิงลบนั่นคือผู้สื่อข่าวบัญญัติเอง ของตนบวกคือบวก พลังบวกไม่มีลบ Positive จะมา เป็น negative ไม่ได้
เมื่อถามว่า รู้สึกกังวลใจหรือไม่ที่ถูกตกเป็นเป้าของสังคม นายอนุทิน กล่าวว่า มันชินแล้ว เราอยู่ตรงนี้ต้องทำงานรับใช้ประชาชนตั้ง 75 ล้านคน จะหวังให้คนทั้ง 75 คน จะเห็นด้วยหรือเห็นชอบกับเราทั้งหมดคงเป็นไปไม่ได้ แต่สิ่งที่ต้องปฏิบัติ คือต้องทำตามกฎหมาย และทำตามหน้าที่ให้ดีที่สุด
เมื่อถามย้ำว่า ตอนนี้เป็นตำบลกระสุนตกหรือไม่ นายอนุทิน ตอบสั้นๆว่า ทัวร์ลง และบ้านตนลานจอดรถจะไม่ใหญ่เท่าบ้านของนางสาวซาบีดา ไทยเศรษฐ์ รมช.มหาดไทย ขอให้ทัวร์ไปลงที่จ.อุทัยธานีแทน และจะให้ตนทำตัวน่ารักเหมือนน.ส.ซาบีดาก็ไม่ได้ เพราะทำไม่ค่อยเป็น