หนุ่มใหญ่หลอนยา รื้อหลังคาบ้านไปขายจนเกลี้ยง พ่อแม่ต้องหนีไปบวช เหตุลูกชายติดยาบ้างอมแงม ชาวบ้านอยู่อย่างหวาดผวา ตำรวจ-ฝ่ายปกครองทำอะไรไม่ได้ เราะพ่อแม่ไม่กล้ามาแจ้งความ ปัญหาใหญ่ของสังคมที่รอรัฐบาลปราบปรามอย่างจริงจัง

วันที่ 7 มี.ค.68 ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยคลิปและขอมูลว่า ได้มีชายวัยกลางคน คือนายไก่ (นามสมมุติ) อายุ 38 ปี กำลังขึ้นรื้อหลังคาบ้านชั้นเดียวหลังหนึ่ง ภายในหมู่บ้านหนองผักบุ้ง ต.แตล อ.ศีขรภูมิ จ.สุรินทร์ ซึ่งเป็นบ้านพ่อแม่ของนายไก่ นั่นเอง โดยมีชาวบ้านถ่ายคลิปไว้ได้ พร้อมกับแจ้ง จนท.ตำรวจ สภ.ศีขรภูมิ และฝ่ายปกครอง อ.ศีขรภูมิ เข้าไปตรวจสอบ เบื้องต้น ทราบข้อมูลจากชาวบ้านว่า นายไก่ได้ทำการรื้อหลังคาบ้านรวมทั้งทรัพย์สิน และสิ่งของภายในบ้านเพื่อนำออกไปขายจนไม่เหลือ สาเหตุเพราะติดยาบ้างอมแงม ทำให้พ่อแม่หนีไปบวชชีพราหมณ์ อยู่ที่ จ.ชัยภูมิ ส่วนญาติพี่น้องไม่มีใครอยู่ด้วย เกรงจะเกิดอันตรายเวลาหลอนยา รวมทั้งชาวบ้านก็หวาดกลัวเช่นกัน 

ต่อมาเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง ร่วมกับ สภ.ศีขรภูมิ ได้นำกำลังเข้าไปตรวจสอบที่บ้านหลังดังกล่าวก็พบนายไก่กำลังรื้อสังกะสีเสียงดัง ทางเจ้าหน้าที่จึงได้นำตัวลงมาและนำไปตรวจสอบหาสารเสพติดที่ สภ.ศีขรภูมิ แต่ไม่พบสารเสพติดแต่อย่างใด จึงได้สอบถามว่าทำไมต้องรื้อบ้านออก นายไก่ ก็บอกกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่ารื้อหนีปลวก ส่วนประตูบ้านที่นำไปขาย นายไก่ก็ตอบว่าไม่มีเงินค่ารถจะไปกรุงเทพฯซึ่งทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่สามารถดำเนินการหรือดำเนินคดีอะไรได้ จึงได้ปล่อยตัวกลับบ้าน

หลังจากนายไก่ กลับมาถึงบ้านก็ขึ้นไปประกาศอยู่บนหลังคาบ้านว่าไม่มีใครมาทำอะไรกูได้ ถึงจับไปก็ไม่มีประโยชน์ นายไก่กล่าวพร้อมกับเยาะเย้ยชาวบ้านที่ได้แจ้งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจไปจับกุม

ผู้สื่อข่าวจึงก็ได้โทรศัพท์สอบถามไปยังแม่ของนายไผ่ ที่หนีไปบวชชี (ไม่ขอเปิดเผยชื่อ) อยู่ที่ จ.ชัยภูมิ ได้คำตอบว่า เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้น ลูกชายติดยาบ้านมานานแล้ว ตนเองอยากให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจตลอดจนทางฝ่ายปกครองจับไปดำเนินคดีได้เลย เพราะตนเองไม่อยากจะกลับไปแล้ว เพราะเกรงว่าจะได้รับอันตราย โดยตนเองขอแจ้งความร้องทุกข์ผ่านมายังผู้สื่อข่าว ให้ฝ่ายเจ้าหน้าที่ตำรวจและฝ่ายปกครอง จับดำเนินคดีได้เลย

อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ตำรวจและฝ่ายปกครอง อยากให้ผู้เสียหายเดินทางมาแจ้งความเอาผิดด้วยตนเอง เกี่ยวกับการทำให้เสียทรัพย์ต่างๆ ส่วนทางเจ้าหน้าที่ไม่สามาถทำอะไรได้ เพราะไม่ใช่เจ้าของบ้าน ผู้เสียหายคนที่ทำได้คือผู้ปกครองและเจ้าของบ้านเท่านั้น

ล่าสุด วันที่ 7 ต.ค.68 เวลา 10.30 น.ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากบรรดาญาติๆ ของนายไก่ บอกว่าบ้านหลังดังกล่าวถูกรื้อสันไทออกไปจนหมดแล้ว ส่วนตัวนายไก่เองยังเดินขอเงินซื้ออาหารกินอยู่ภายในบริเวณหมู่บ้านอีกด้วย ขณะที่ชาวบ้านต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า ยังคงหวาดกลัวว่านายไก่จะไปสร้างวีรกรรมอะไรขึ้นมาอีก จะสร้างความเสียหายอะไรเกิดขึ้นกับชุมชนและหมู่บ้านหรือไม่ จะมีใครที่จะสามารถช่วยดำเนินการและรับรองความปลอดภัยที่เกิดขึ้นกับชาวบ้านต่อไป และใครจะรับผิดชอบ กับปัญหาที่เกิดขึ้นจากยาเสพติด หากรัฐบาลยังไม่มีการปราบปรามอย่างจริงจัง