กลุ่มธุรกิจ TCP ร่วมกับ BIG ยกระดับอุตสาหกรรมเครื่องดื่มและอาหารสู่ความยั่งยืน นำก๊าซไนโตรเจน คาร์บอนต่ำมาใช้ในขบวนการผลิตรายแรกของไทย มุ่งเพิ่มขีดความสามารถการแข่งสินค้าไทยในตลาดโลกรับระเบียบการค้าใหม่ ตั้งกำแพงภาษีสิ่งแวดล้อม
เมื่อวันที่ 7 มี.ค.68 นายสราวุฒิ อยู่วิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจ TCP เปิดเผยว่า กลุ่มธุรกิจ TCP ผู้ผลิตและผู้จัดจำหน่ายเครื่องดื่มระดับโลกภายใต้แบรนด์กระทิงแดง (Red Bull) เรดดี้ โสมพลัส สปอนเซอร์ แมนซั่ม ไฮ่! เพียวริคุ ซันสแนค และวอริเออร์ร่วมมือกับบีไอจี ผู้นำด้านก๊าซอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีเพื่อสภาพภูมิอากาศที่ยั่งยืน นำไนโตรเจนคาร์บอนต่ำมาใช้ในกระบวนการผลิตเป็นรายแรกของอุตสาหกรรมเครื่องดื่มให้พลังงาน ประเภทเครื่องดื่มสปอร์ตดริงก์ เครื่องดื่มฟังก์ชันนัลดริงก์ และขนมขบเคี้ยวไทย ซึ่งก๊าซไนโตรเจนคาร์บอนต่ำ มีกระบวนการผลิตที่สามารถลดการใช้ไฟฟ้า และลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้มากกว่า 50% เมื่อเทียบกับไนโตรเจนในกระบวนการผลิตทั่วไป นับเป็นก้าวสำคัญในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ส่งเสริมความยั่งยืนในภาคอุตสาหกรรม และส่งมอบผลิตภัณฑ์ที่ปลอดภัยและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมให้กับผู้บริโภคต่อไป
“ความร่วมมือครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของความมุ่งมั่นของกลุ่มธุรกิจ TCP ในการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน โดยการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสภาพภูมิอากาศ ด้วยการเลือกใช้ไนโตรเจนคาร์บอนต่ำในกระบวนการผลิตเครื่องดื่มต่าง ๆ รวมถึงสแนคของกลุ่มธุรกิจ TCP ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้รับความนิยมและเป็นที่รู้จักของผู้บริโภค นอกจากจะช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในกระบวนการผลิตเครื่องดื่มยังเป็นการยกระดับมาตรฐานด้านสิ่งแวดล้อมให้กับอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มในประเทศไทยด้วย และการนำไนโตรเจนคาร์บอนต่ำที่ผ่านขบวนการผลิตที่สามารถลดการใช้ไฟฟ้า ได้การรับรองจากองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) (อบก.) ที่มีคุณสมบัติลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้มากกว่า 50% เมื่อเทียบกับไนโตรเจนในกระบวนการผลิตทั่วไป” นายสราวุฒิ กล่าว
นายสราวุฒิ กล่าวอีกว่า กลุ่มธุรกิจ TCP มุ่งมั่นสู่เป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ภายในปี 2593 ปัจจุบันสามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลงกว่า 10% และใช้พลังงานหมุนเวียนมากกว่า 80% ความร่วมมือกับบีไอจีครั้งนี้ไม่เพียงสะท้อนถึงความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม แต่ยังร่วมขับเคลื่อนอุตสาหกรรมเครื่องดื่มไทยให้ก้าวไปอีกขั้น นอกจากนี้กลุ่มธุรกิจ TCP ในฐานะ House of Great Brands เดินหน้ายกระดับอุตสาหกรรมการผลิตสู่ Smart Manufacturing ด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาปรับใช้ เช่น ไนโตรเจนคาร์บอนต่ำ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพกระบวนการผลิต และส่งมอบสินค้าที่มีคุณภาพสูงแก่ผู้บริโภค นี่คือความมุ่งมั่นของกลุ่มธุรกิจ TCP ในการปลุกพลัง เพื่อวันที่ดีกว่าอย่างแท้จริง
นายปิยบุตร จารุเพ็ญ กรรมการผู้จัดการ บีไอจีกล่าวว่า บีไอจีเดินหน้าในการเป็นผู้นำนวัตกรรมที่มีส่วนสำคัญต่อการรักษาสภาพภูมิอากาศในอุตสาหกรรมไทย โดยบีไอจีเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายก๊าซอุตสาหกรรมคาร์บอนต่ำ เจ้าแรกในประเทศไทยที่ได้รับการรับรองจาก อบก.ว่าก๊าซจากบีไอจีลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้กว่า 50% โดยการใช้ไนโตรเจนคาร์บอนต่ำของบีไอจีนั้นจะช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในขอบเขต 3 (Scope 3) ซึ่งเป็นการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทางอ้อมจากกระบวนการผลิต ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของทั้งสองบริษัทที่มุ่งมั่นลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและเพื่อบรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ ที่จะสนับสนุนภาคอุตสาหกรรมในการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนอย่างยั่งยืน และยังเป็นการเพิ่มศักยภาพด้านการแข่งขันในตลาดโลก โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับภาษีคาร์บอน (Carbon Tax) ที่จะเรียกเก็บ นับเป็นระเบียบการค้าของโลกยุคใหม่รวมถึงสร้างความมั่นใจแก่ผู้บริโภคในความปลอดภัยของการใช้ไนโตรเจนคาร์บอนต่ำจากบีไอจี
โดยการส่งมอบไนโตรเจนคาร์บอนต่ำให้กับกลุ่มธุรกิจ TCP ถือเป็นก้าวสำคัญในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในภาคอุตสาหกรรมรวมถึงเป็นตัวอย่างที่แสดงให้เห็นว่าภาคเอกชนมีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาด้านสภาพภูมิอากาศได้อย่างเป็นรูปธรรมและเป็นการตอกย้ำความมุ่งมั่นของบีไอจีในการสร้างสรรค์โซลูชั่นที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ตามกลยุทธ์ Generating a Cleaner Future