อนุทิน อวย นายกฯอิ๊งค์ แข็งแกร่งขึ้นทุกวัน ยัน ภูมิใจไทย พร้อมยกมือหนุนเต็มที่สู้ศึกซักฟอก ธรรมนัส ลั่น 34 สส.กล้าธรรม หนุน นายกฯ ด้าน บอร์ด กคพ. มีมติรับ ฟอกเงิน ฮั้วสว.เป็นคดีพิเศษ ไม่แตะอั้งยี่ซ่องโจร หลังพบเส้นเงินโยงพรรคการเมือง ภูมิธรรม ย้ำไม่ใช่การแทรกแซง แต่เป็นการประสานความร่วมมือกัน ส่วน บิ๊กเกรียง ยันไม่หนักใจ รับคดี ฮั้วสว.เป็นคดีพิเศษข้อหาฟอกเงิน ขอเช็คชื่อสว.ติดโผ
       
       เมื่อวันที่ 6 มีนาคม 2568 นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) กล่าวถึงการอภิปรายไม่ไว้วางใจที่จะเกิดขึ้นในช่วงปลายเดือนนี้ ว่า สำหรับนายกรัฐมนตรี แม้จะมีการวิพากษ์วิจารณ์จากฝ่ายตรงข้าม แต่ส่วนตัวเชื่อว่าท่านเข้มแข็งขึ้นทุกวัน แข็งแกร่งขึ้นทุกวัน ลูกเสืออย่างไรก็เป็นเสือ อย่าลืมว่าท่านเพิ่งทำงานมาได้แค่ 6 เดือนเท่านั้น ส่วนพรรคภูมิใจไทย เราจะทำหน้าที่ เป็นส่วนหนึ่งในการรักษาเสถียรภาพของรัฐบาล การอภิปรายไม่ไว้วางใจที่เกิดขึ้น พรรคภูมิใจไทยยืนยันว่าจะสนับสนุนท่านนายกรัฐมนตรีอย่างแน่นอน
      
 "จำได้ไหมตอนแรกมีข่าวว่าจะมีการอภิปรายรัฐมนตรี 10 ท่าน ผมบอกกับท่านนายกฯ เลยว่าผมจะโหวตให้ทุกคน แม้ว่าตอนนั้นจะมีข่าวเรื่องพรรคร่วมฯ มีปัญหาระหว่างกันก็ตาม แต่ผมยืนยันว่าจะสนับสนุน หากผู้ที่ถูกอภิปรายทำในสิ่งที่ถูกต้อง ไม่ผิดกฎหมาย พรรคภูมิใจไทยเรารักษามารยาทระหว่างกัน" หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าว
      
   ที่พรรคกล้าธรรม ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า สส.พะเยา ในฐานะประธานที่ปรึกษาพรรคกล้าธรรม (กธ.) ให้สัมภาษณ์ถึงจำนวนเสียง สส.ของพรรคกล้าธรรมขณะนี้ว่า ถ้าหากนับอย่างไม่เป็นทางการคือ 34 เสียง ส่วน สส.พรรคกล้าธรรมอย่างเป็นทางการคือ 24 เสียง และการอภิปรายไม่ไว้วางใจที่จะถึงนี้ เสียงพรรคกล้าธรรมจะไปในทิศทางเดียวกันทั้งหมด
      
   ผู้สื่อข่าวถามว่า จะบอกได้หรือไม่ว่า 34 เสียง มาจากพรรคพลังประชารัฐกี่เสียง ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า 24 เสียงจากพรรคกล้าธรรม ส่วนอีก 10 เสียงไม่ได้อยู่ในพรรคร่วมรัฐบาล เมื่อถามอีกว่า จะมี สส.พรรคพลังประชารัฐมาเพิ่มอีกหรือไม่ ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า ไม่ทราบ เมื่อถามย้ำว่า ก่อนหน้านี้ ร.อ.ธรรมนัส ระบุว่าสุดท้ายแล้ว สส.พรรคพลังประชารัฐ จะย้ายมาอยู่กับตน ตอนนี้มีการแสดงความจำนงแล้วหรือไม่ ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า วันนี้เป็นวันมงคล ไม่อยากพูดถึงพรรคนู้นพรรคนี้ แต่เรายืนยันเสียงสนับสนุนรัฐบาลมี 34 เสียง 
    
     เมื่อถามถึงกรณี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ จะนำอภิปรายในส่วนของพรรคพลังประชารัฐ จะต้องเตรียมทีมประท้วงช่วยนายกรัฐมนตรีด้วยหรือไม่ ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องการเมือง ในฐานะที่เป็นหัวหน้าพรรคการเมืองพรรคหนึ่ง มีสิทธิที่จะอภิปรายตามสไตล์ของท่าน ส่วนจะมีข้อมูลเด็ดหรือไม่นั้น ตนไม่ทราบ 
       
  ผู้สื่อข่าวถามว่า ในฐานะที่เคยใกล้ชิดกับ พล.อ.ประวิตร พอจะทราบว่ามีข้อมูลหรือลีลาการอภิปรายเป็นแบบใด ร.อ.ธรรมนัส ตอบทันทีว่า ในฐานะที่เคยใกล้ชิด ถ้าผมยังอยู่ ผมคงไม่ให้ท่านอภิปราย 
      
   เมื่อถามอีกว่า ถือเป็นมิติใหม่หรือไม่ ที่พล.อ.ประวิตรจะอภิปรายด้วยตัวเอง ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า ถ้าคนรักท่าน ก็ต้องรักท่านจริงๆ เมื่อถามย้ำว่า แปลว่าถ้ารักท่านไม่ควรให้ท่านอภิปรายใช่หรือไม่ ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า ไม่ขอวิพากษ์วิจารณ์ แต่หมายถึงถ้าผมยังอยู่ ต่อข้อถามว่า มองว่า พล.อ.ประวิตร ถูกหลอกหรือไม่ ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า ไม่ขอวิพากษ์วิจารณ์ เพราะไม่ใช่พรรคเรา
     
    ที่อาคารกระทรวงยุติธรรม ถนนแจ้งวัฒนะ กรุงเทพฯ คณะกรรมการคดีพิเศษ (กคพ.) ร่วมประชุมพิจารณาคดีเรื่องสืบสวนที่ 151/2567 กรณีการคัดเลือกสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ที่มีกระบวนการหรือพฤติการณ์ที่ไม่ได้เป็นไปด้วยสุจริตหรือเที่ยงธรรม เป็นคดีพิเศษหรือไม่ ซึ่งเป็นการนัดประชุมครั้งที่ 2 ภายหลังส่งเรื่องให้คณะอนุกรรมการกลั่นกรองด้านอาชญากรรมระหว่างประเทศและอาชญากรรมพิเศษ พิจารณา 
      
   ล่าสุดเมื่อเวลา 11.30 น. นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการบอร์ดคดีพิเศษ กล่าวว่า หลังจากพิจารณาและรับฟังความเห็นทุกฝ่ายแล้ว ที่ประชุม คกพ.มีมติรับเรื่องดังกล่าวเป็นคดีพิเศษ โดยย้ำว่าไม่ใช่การแทรกแซง แต่เป็นการประสานความร่วมมือกัน เพราะกรมสอบสวนคดีพิเศษ(DSI) ได้รับเรื่องร้องเรียนมา จะนิ่งเฉยมิได้
      
   ทั้งนี้ ที่ประชุมมีคณะกรรมการมาประชุม 19 คน แต่นายเพชร ชินบุตร กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านเศรษฐศาสตร์ ได้เดินทางออกจากที่ประชุมก่อนจะมีการลงมติเนื่องจากมีภารกิจติดประชุมต่างประเทศ ดังนั้น ที่ประชุมจึงมีกรรมการเหลือเพียง 18 เสียง ซึ่งวันนี้การพิจารณาใช้ระเบียบ การรับเป็นคดีพิเศษ โดยยึดตามเสียงข้างมากในที่ประชุม  ผลการลงคะแนนที่ประชุมมีมติเห็นชอบให้รับเป็นคดีพิเศษกรณีความผิดอาญาฐานฟอกเงิน จำนวน 11 เสียง และไม่เห็นด้วย 4 เสียง งดออกเสียง 3 เสียง
      
   ส่วนหลังจากนี้หากมีความผิดอาญาเกี่ยวเนื่องการเลือกสว.67 ที่มีลักษณะความผิดหรือเข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.บ.แนบท้ายคดีพิเศษนั้น อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ สามารถมีความเห็นรับไว้เป็นคดีพิเศษได้โดยอัตโนมัติ โดยไม่ต้องใช้มติจากบอร์ดคณะกรรมการคดีพิเศษแต่อย่างใด
        
 ส่วนกรณีที่มีความกังวลว่าหลังจากนี้หลังมีการเลือกตั้งจะมีผู้มาร้องเรียนบอร์ดคดีพิเศษให้รับไว้เป็นคดีพิเศษนั้น นายภูมิธรรม กล่าวว่ามาร้องได้แต่การพิจารณารับไว้เป็นคดีพิเศษหรือไม่ จะต้องพิจารณาพยานหลักฐานว่ามีความผิดตามกฎหมายของคดีพิเศษจริงหรือไม่ จึงจะมีการรับไว้พิจารณา
        
 รายงานข่าวแจ้งว่า กรณีที่บอร์ด คดีพิเศษ ลงมติรับเรื่องความผิดอาญาฐานฟอกเงินไว้เป็นคดีพิเศษ เนื่องจากปรากฏว่ามีหลักฐานเส้นเงินโยงไปถึงบางพรรคการเมือง
     
    ด้าน  พล.อ.เกรียงไกร ศรีรักษ์ รองประธานวุฒิสภาคนที่ 1 ให้สัมภาษณ์ภายหลังคณะกรรมการคดีพิเศษมีมติรับคดีฮั้วเลือกสว.เป็นคดีพิเศษ ว่า ตนยังไม่ทราบรายละเอียด ก็ว่ากันไป มีแต่คนโทร.มาบอก แต่ยังไม่ได้คุยรายละเอียดกัน หากผลออกมาเป็นเช่นนั้นก็ให้เป็นไปตามกระบวนการ ซึ่งปัจจุบันตนได้ดำเนินการตามบทบาทและหน้าที่ของตัวเองอยู่แล้ว หน้าที่ใครหน้าที่มัน หากมีประเด็นดังกล่าวก็ต้องเคลียร์กันไป
        
 เมื่อถามว่านายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ระบุว่า เชื่อมั่นในตัว พล.อ.เกรียงไกร ว่าจะสามารถเคลียร์ปัญหาเรื่องนี้ได้ พล.อ.เกรียงไกร ระบุว่า ตนทำหน้าที่เป็นรองวุฒิสภาคนที่ 1 ก็ไม่ได้หนักใจอะไร ย้ำว่าให้เป็นไปตามกระบวนการ ทุกคนพร้อมที่จะชี้แจง หากมีรายชื่อ แต่ปัจจุบันนี้ยังไม่รู้เลย ว่ามีการกล่าวหาใครบ้าง ขณะที่ด้าน สว. ก็ยังไม่มีใครได้รับแจ้งมา
     
    เมื่อถามว่า พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม เคยระบุมีรายชื่อ สว. ประมาณ 100 กว่าคน อยู่ในสภา ตรงกับในโพยที่หลุดออกมา พล.อ.เกรียงไกร ระบุว่า แล้วชื่อหลุดออกมาได้อย่างไร
      
   เมื่อถามว่ามองว่าเป็นการล้มฝ่ายนิติบัญญัติหรือไม่ พล.อ.เกรียงไกรระบุว่า ไม่เคยได้ยิน แต่ได้ยินมาจากนักข่าวเมื่อถามว่าแสดงว่านายใหญ่คุยกันไม่ลงตัวใช่หรือไม่ พล.อ.เกรียงไกร ระบุว่า ตนไม่รู้จักนายใหญ่คือใคร
      
   เมื่อถามว่าหลังจากนี้จะมีการนัด สว. เพื่อหาแนวทาง ในการแก้ปัญหาเรื่องนี้หรือไม่ พล.อ.เกรียงไกร ระบุว่า ตอนนี้คงยังไม่เคลื่อนไหวอะไร แต่หลังจากนี้อาจจะต้องมีการพูดคุยกัน แต่ตอนนี้ขอให้รู้ก่อนว่า มีรายชื่อ สว. คนใดบ้างที่ถูกกล่าวหา เขาเรียกมาก็คงจะรู้เอง
       
  ส่วนกรณีที่ สว.ยื่น ป.ป.ช. ให้ถอดถอน พ.ต.อ.ทวี ออกจากตำแหน่ง เนื่องจากใช้อำนาจโดยมิชอบ พล.อ.เกรียงไกร ระบุว่าเรื่องดังกล่าว ส่งไปนานแล้ว ก็ว่ากันไป
     
    นายอิทธิพร บุญประคอง ประธานกรรมการการเลือกตั้ง เป็นประธานเปิดการประชุมชี้แจงแผนการดำเนินโครงการจัดทำแผนปฏิบัติการดิจิทัลของสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง ระยะ 5 ปี (กิจกรรม Kick-off Meeting) ซึ่งมีการไลฟ์สดผ่านเพจสำนักงาน กกต.
       
  โดย นายอิทธิพร กล่าวเปิดตอนหนึ่งว่า สำนักงานฯ ต้องก้าวให้ทันระบบดิจิทัลหลายที่มีบริการแล้วอย่างสำนักผู้ตรวจการแผ่นดินเมื่อมีคนมาร้องทุกข์แล้ว วันนี้อีก 2 - 3 สัปดาห์เขาอยากรู้ว่าเรื่องไปถึงไหนแล้ว เขาสามารถเข้าระบบและรู้ได้เลยว่าตอนนี้เรื่องอยู่ในชั้นอนุกรรมการ และรู้ต่อไปว่าชั้นต่อไปคืออะไร ไปจนถึงชั้นตัดสินใจที่จะมีคำวินิจฉัยเป็นอย่างไร เขาเอามาใช้แล้วกับบุคคลภายนอกของ ป.ป.ช.ของศาลก็มีแล้วทั้งส่วนที่ใช้กันเอง และส่วนที่เปิดใช้ให้ประชาชนมีสิทธิเข้ามาใช้ ของ กกต.ที่มีมากคือคำร้องทั้งหลาย ทำอย่างไรจะให้เป็นระบบและตอบโจทย์ความสงสัยของสาธารณชนได้บ้าง
    
   "อย่างวันนี้ที่ดีเอสไอเขาประชุมกันอยู่ เราก็พูดๆ กันอยู่ว่า มีข่าวว่า กกต.จะโอนเรื่องไปให้ดีเอสไอ กกต.จะไม่ทำเรื่องนี้แล้ว คนสงสัยว่าเราทำเรื่องคำร้อง สว.อยู่หรือเปล่า ซึ่งทั้งตนและเลขา กกต.ก็พูดไปหลายครั้งในช่วงที่กำลังฮอตๆ ว่า คำร้องสว.มีทั้งหมด 500 กว่าเรื่อง เป็นคำร้องที่เกี่ยวกับมาตรา 77(1) ประมาณ 200 กว่าเรื่อง ทำเสร็จไปแล้วประมาณ 100 กว่าเรื่อง ไม่รับก็มีเพราะไม่มีอะไรเลย แต่ที่อยู่ระหว่างเข้มข้นมีประมาณ 150 เรื่อง การสืบสวนไต่สวนต้องใช้เวลา เพราะเป็นกระบวนการเกี่ยวข้องทั้งระดับอำเภอ ระดับจังหวัด และระดับประเทศ ฉะนั้นคนที่เกี่ยวข้องมันเยอะและเป็นกระบวนการซึ่งเป็นระบบยุติธรรม จะต้องให้ความเป็นธรรมกับผู้ที่ถูกร้อง ให้เขามีโอกาสทราบ รับรู้ชี้แจง แก้ข้อกล่าวหา" นายอิทธิพร กล่าว
    
     นายอิทธิพร กล่าวด้วยว่า ขั้นตอนการพิจารณาของ กกต.ขั้นตอนที่ 1 คณะกรรมการสืบสวนไต่สวน 20 วัน + 15 วัน + ได้อีก 15 วัน ไม่ทันขอต่อท่านเลขาอนุมัติ 2.สืบสวนไต่สวนจังหวัดเสร็จแล้ว 3.ไป ผอ.จังหวัด 4.เข้ามาส่วนกลาง 5.คณะอนุ และ กกต.ถ้าเรามีแพลตฟอร์มดิจิทัลที่จะบอกได้ว่าคำร้องเรื่องนี้เข้ามาส่วนกลางแล้วคนก็จะเห็นความคืบหน้าว่าคำร้องนี้ยื่นเมื่อ 18 ก.ค.67 หลังวันเลือกระดับประเทศวันที่ 26 มิ.ย.67 ถึงวันนี้เป็นวันที่ 6 มี.ค.68 มันเหลืออีก 3 เดือนกว่าๆ ถึงจะครบปี ซึ่งครบปีเป็นกำหนดเวลาที่เรากำหนดไว้เองว่าจะทำให้เสร็จภายใน 1 ปี ถ้าไม่เสร็จก็ขยายได้แต่ต้องมีเหตุผลในการขยาย ฉะนั้น พวกข้อมูลแบบนี้ถ้ามีอยู่ เราก็บอกว่าขอเชิญชวนประชาชนที่สนใจสามารถตรวจเช็คได้ที่ระบบของเรา รวมทั้งคำร้อง สส.ปี 66 ซึ่งขณะนี้ก็เหลืออยู่ไม่กี่คำร้อง รวมถึงคำวินิจฉัยต่างๆ การใช้ข้อมูลต่างๆเหล่านี้ถ้าเรามีระบบดิจิทัลเข้ามาช่วยจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งกับการทำงานเรา