เวลา 13.30 น. วันที่ 6 มี.ค. 68 ที่ สภ.ตกพรม ต.บ่อเวฬุ อ.ขลุง จ.จันทบุรีได้มีชาวบ้านในพื้นที่จำนวน 3 ราย จากใน 25 ราย ที่มีชื่อเป็นผู้ครอบครองที่ดินแปลงร้อน ถูกกลุ่มทุนบุกรุกป่า ปลูกทุเรียน 688 ไร่ บนเขากล้วยไม้ ต.คลองตะเกรา อ.ท่าตะเกียบ จ.ฉะเชิงเทรา เดินมาเข้าพบพนักงานสอบสวน เพื่อลงบันทึกประจำวันเป็นหลักฐาน กรณีที่มีชื่อโผล่เป็นผู้ครอบครองที่ดิน ในพื้นที่ อ.ท่าตะเกียบ ที่เป็นเขตป่าสงวนป่าแควระบมโดยมี พล.ต.ต.ธราเทพ ตูพาณิชย์ รอง.ผบก.ภ.จว. จันทบุรี พร้อมด้วย พ.ต.ท.มล.กษิภัทร จรูญโรจน์ สวญ สภ.ตกพรม ร่วมรับฟังข้อมูลในครั้งนี้ด้วย
ขณะที่ นายสุขจิตต์ (กล้างาม) สงวนนามสกุล อายุ 58 ปี ชาวบ้าน 1 ใน 3 ราย เปิดเผยว่า การเดินทางมาพร้อมกับที่ปรึกษาในครั้งนี้ เพื่อให้ปากคำและข้อมูลที่เป็นประโยชน์กับพนักงานสอบสวน เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ โดยยืนยันว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง และไม่เคยไปในพื้นที่ท่าตะเกียบ
อีกทั้งไม่ได้มีชื่อเป็นเจ้าของที่ดิน แปลงดังกล่าว ตามที่มีหนังสือมีจาก หน่วยป้องกันรักษาสัตว์ป่าจังหวัดฉะเชิงเทรา ส่งมา แจ้งสิทธิ์ครอบครองที่ดินเขากล้วยไม้ อ.ท่าตะเกียบ เมื่อวันที่ 20 ก.พ.68 โดยให้แจ้งกลับภายใน 10 วันซึ่งตน ก็ไม่ได้แจ้งกลับเพราะคิดว่าไม่ได้ขอครอบครองที่ดินดังกล่าวไว้ และไม่ประสงค์ที่จะยืนยันสิทธิ์ กระทั่งได้ทราบข่าวว่า ตนมีส่วนเกี่ยวข้องในการครอบครองที่ดินพื้นที่ป่าสงวน จึงได้เดินทางมาพบพนักงานสอบสวน เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจว่าไม่มี ส่วนเกี่ยวข้องกับที่ดิน แปลง 688 ไร่
ด้าน นายจารึก (สงวนนามสกุล) อายุ 68 ปี ชาว ต.ตกพรม บอกว่าพื้นเพเป็นคนต.ตกพรม อ.ขลุง จ.จันทบุรี ปัจจุบันมีอาชีพทสวน และรับจ้าง ส่วนที่จู่ๆมีหนังสือแจ้งมานั้น ตนไม่ทราบว่าเขาเอาชื่อไปยังไง มีชื่อเราไปอยู่ที่นั่นได้ยังไง ไปจับจองที่ยังไง เพราะว่าเราส่วนตัวไม่ได้ไปทำเลย ไปขอดำเนินการอะไรไว้ ก็เลยไม่ทราบสาเหตุซึ่งปัจจุบันก็ทำสวนที่ที่ จ.จันทบุรี อ.ท่าตะเกียบ ก็ยังไม่รู้จัก ตอนที่เห็นหนังสือก็ไม่ได้รู้สึกวิตก เพราะมีให้รายละเอียดชัดเจน หากไม่ได้ไปครอบครอง ไม่ไปชี้แนวเขตภายใน 10 วัน ก็ถือว่าสละสิทธิ์ ก็จบเพราะความจริงก็ไม่ได้ไปทำอย่างนั้น แต่ส่วนผู้ที่ได้รับหนังสือมาหลายคน ได้ปรึกษากันและเจ้าหน้าที่ก็เชิญตัว ให้มาลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานและ แสดงความบริสุทธิ์ ป้องกันตัวเอง
พล.ต.ต.ธราเทพ ตูพาณิชย์ รอง.ผบก.ภ.จว. จันทบุรี เปิดเผยว่า ในวันนี้ มีชาวบ้านมาแสดงตัวลงบันทึกประจำวัน จำนวน 3 ราย โดย คนแรกให้การว่าเมื่อประมาณ 10 กว่าปีที่แล้ว ขณะที่ทำงานมีผู้ชายคนนึงเอาเอกสารใบสมัครงานมาให้เซ็นอ้างว่าเป็นใบสมัครงาน โดยให้ค่าแรงสูงกว่าได้รับประจำ ก็เลยเซ็นไปแล้วก็ไม่ทราบอะไรอีกเลย
จนกระทั่งว่าปรากฏว่าเมื่อประมาณ ไม่กี่วันก่อนหน้านี้ ก็ได้รับหนังสือจากหน่วยป้องกันรักษาป่าหนองคอก อ.ท่าตะเกียบ ว่าเจ้าตัว มีการไปยื่นการแจ้งการครอบครองที่ดิน ซึ่งเก็งงอยู่ว่ามาได้ยังไง
ส่วนอีก 2 รายให้การว่าทำงานเป็นพนักงานบริษัทแปรรูป มะม่วงหิมพานต์ ก็ไม่เคยเซ็น ไม่เคยทราบ ไม่รู้จัก และไม่เคยไป อ.ท่าตะเกียบ เลย โดยทั้ง 3 คน ยังให้การว่าไม่รู้จัก ไม่มีญาติทางนั้น แล้วก็ไม่มีใครไปขออะไรไว้ด้วย แต่ทุกคนได้รับหนังสือเหมือนกัน ซึ่งวันนี้เป็นวันที่ครบกำหนด 10 วัน ตามกำหนดในหนังสือแจ้งพอดี ก็เลยพากันมาแจ้งความ ลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน
ขณะเดียวกัน เจ้าพนักงานป่าไม้ชำนาญงาน หัวหน้าหน่วยป้องกันและพัฒนาป่าไม้ท่าตะเกียบ จ.ฉะเชิงเทรา ได้ทำหนังสือให้ผู้ที่มีชื่อครอบครองให้มาแสดงตนโดยมี
ส่วน3 รายจาก ประมาณ 25 ราย ที่เป็นชาวบ้านในตำบลตกพรม ซึ่งเมื่อสอบถามถึงความ เชื่อมโยงในอดีตทราบว่าทั้งหมดมีความเกี่ยวข้องกับบริษัทเอกชนที่ปลูกมะม่วงหิมพานต์ จึงคาดว่า รายชื่อผู้ครอบครองที่อยู่ในแปลงที่ดิน 688 ไร่อาจถูกสวมสิทธิ์โดยเอกชน รายหนึ่ง