ลีลาชีวิต / ทวี สุรฤทธิกุล

“อัจฉริยบุคคล” ส่วนสำคัญคือการ “สร้างสม” จากตัวตนและชาติกำเนิด และอีกหลายส่วนจากการ “สร้างเสริม” โดยสังคมรอบด้าน

ท่านอาจารย์ ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช คืออัจฉริยบุคคลคนหนึ่ง ผู้เขียนเคยเขียนเป็นบทความในวาระที่ท่านอาจารย์คึกฤทธิ์มีวาระวันเกิดได้ 80 ปี ใน พ.ศ. 2534 ในเรื่อง “อัจฉริยูปกรณ์ของ ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช” เพื่ออธิบายถึง “อัจฉริยะ” หรือความเป็นคนเก่งในตัวท่านที่มีอยู่หลาย ๆ ด้าน ว่าเกิดจาก “อะไร” โดยเริ่มต้นจากชาติกำเนิด ครอบครัว การศึกษา อาชีพการงาน สถานการณ์ของบ้านเมือง และ “ฝีมือ” ของตัวท่านเอง

เราได้ทราบถึงชาติกำเนิดของท่านไปแล้ว ถ้าเป็นความเชื่อแบบโบราณของไทยก็คือ ท่านมีชาติกำเนิดที่ “สูงส่ง” เพราะเป็นเชื้อพระวงศ์ เกี่ยวข้องกับพระมหากษัตริย์ ซึ่งเป็น “แกนหลัก” ของสังคมไทยมาโดยตลอด คนไทยมีความเคารพนับถือและให้ความสำคัญกับคนที่มี “ชาติวุฒิ” แบบนี้เป็นพิเศษอยู่แล้ว เพียงแต่จะขึ้นอยู่กับว่า ผู้ที่มีชาติวุฒิอันสูงส่งนั้นจะสร้างความเคารพนับถือให้เพิ่มมากขึ้นได้อย่างไรในเวลาต่อ ๆ ไป

ท่านอาจารย์คึกฤทธิ์เล่าให้ฟังว่า คนที่ท่านสนิทสนมมากที่สุดตั้งแต่เด็ก ๆ ก็คือพี่สาวคนโต ม.ร.ว.บุญรับ ที่มีอายุห่างจากท่าน 16 ปี ดังนั้นพอจำความได้ก็ดูเหมือนว่าท่านจะมีแม่ 2 คน คือหม่อมแดงที่เป็นแม่จริง ๆ กับพี่บุญรับที่เป็น “แม่ที่สอง” นี้ โดยแม่ที่สองได้ทำหน้าที่แทนท่านแม่ในทุก ๆ เรื่อง ตั้งแต่การเลี้ยงดูไปจนถึงการศึกษาอบรม ไม่เฉพาะแต่ในตอนเด็ก ๆ แม้แต่เมื่อโตขึ้นแล้ว พี่บุญรับยังเฝ้าคอยติดตามดูแล เป็นห่วงเป็นใย และอุปถัมภ์ค้ำชูท่านอาจารย์คึกฤทธิ์มาโดยตลอด แม้แต่บ้านช่องที่อยู่ในซอยพระพินิจ ถนนสวนพลู ก็ได้มาแบ่งซื้อจากพี่สาวคนนี้ เพื่อที่จะได้อยู่ใกล้ชิด หรือที่ญาติบางท่านของท่านอาจารย์คึกฤทธิ์บอกกับผู้เขียนว่า “เพื่อให้น้าบุญรับมีความสุข”

ท่านอาจารย์คึกฤทธิ์พูดถึง “พี่บุญรับ” อยู่เสมอว่าคือ “ครูภาษาไทย” คนแรกของท่าน นั่นก็คือเป็นคนที่หัดให้ท่านอ่านหนังสือภาษาไทยจนแตกฉานตั้งแต่ยังไม่เข้าโรงเรียน โดยให้อ่านหนังสือวรรณคดีหลายเล่ม เช่น รามเกียรติ์ อิเหนา และสามก๊ก วิธีสอนอ่านก็คือ “พี่บุญรับจะให้มานั่งข้าง ๆ กันที่โต๊ะในห้องนอน หรือบางทีก็ในห้องกินข้าว เปิดหนังสือไปละหน้า ในมืออีกข้างของพี่บุญรับมีไม้ก้านธูปชี้นำไปทีละบรรทัด สอนสะกดและให้อ่านตาม ถ้าอ่านไม่ได้ ตะกุกตะกักหรืออ่านช้า ก็จะใช้ไม้ก้านธูปนั้นตีที่มือ บางทีก็ตีแรง จนต้องร้องไห้ออกมา หนังสือที่อ่านนั้นจึงมีสีแดงเปรอะอยู่หลายแห่ง คือรอยคราบน้ำตาที่ไหลเลอะก้านธูปนั้น”

ท่านอาจารย์คึกฤทธิ์บอกว่า นี่เองที่ทำให้ท่านอ่านภาษาไทยได้คล่องแคล่ว โดยเฉพาะสิ่งที่ยากที่สุดคือการ “ผัน” วรรณยุกต์ เสียงสามัญ เอก โท ตรี และจัตวา แต่หนังสือสามก๊กที่มีชื่อจีนตลอดเล่มได้ทำให้ท่าน “สามารถ”ในเรื่องนี้โดยไม่รู้ตัว จนกระทั่งในตอนที่ท่านมาเขียนนวนิยายเรื่อง “ซูสีไทเฮา” ท่านจึงลองแต่งด้วยสำนวนของเจ้าพระยาพระคลังหน ที่เป็นผู้ประพันธ์เรื่องสามก๊กต้นฉบับ ท่านจึงรู้ว่าท่านเองก็ “ไม่ใช่ย่อย” คือมีความสามารถที่จะเขียน “อ่านไทยสำนวนจีน” ได้อย่างยอดเยี่ยมเหมือนกัน

ม.ร.ว.บุญรับ ถึงแก่กรรมเมื่อวันที่ 21 ธันวาคม 2524 ในหนังสืออนุสรณ์งานพระราชทานเพลิงศพของท่าน ท่านอาจารย์คึกฤทธิ์เป็นผู้ที่เขียนประวัติของพี่สาวที่ท่านรักมากที่สุดคนนี้ด้วยตนเอง ซึ่งจะขอตัดตอนมาบางส่วนให้เห็นถึงความรักและความอาลัยอันมหาศาลดังกล่าว

“เป็นบุตรสาวคนใหญ่ของ พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าคำรบ และ หม่อมแดง ปราโมช เกิดเมื่อวันที่ 10 มกราคม พ.ศ. 2438 ที่แพท่าราชวรดิษฐ์ ขณะนั้นท่านพ่อยังรับราชการตำแหน่งเจ้ากรมทหารฝีพาย เมื่อเติบโตพอดูแลตัวเองได้ หม่อมแม่ได้นำเข้าถวายตัวต่อสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้ากรมขุนสวรรคโลกลักษณวดี (สมเด็จหญิงเล็ก) พระธิดาพระอรรคชายาเธอองค์ใหญ่ และได้พำนักอยู่ในพระบรมมหาราชวังและพระราชวังมาจนสมเด็จเจ้าฟ้ามาลินีนพดาราสิ้นพระชนม์ จึงได้ทูลลาออกจากวังมาอยู่บ้าน

เมื่อแรกเกิดนั้นท่านพ่อตั้งนามให้ว่า "รับขวัญ" แต่เมื่อเข้าไปอยู่ในพระบรมมหาราชวังในวัยเด็ก ได้รับพระราชทานนามจากพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวว่าว่า "บุญรับ"และได้รับพระมหากรุณาโกนจุกพระราชทาน พร้อมด้วยหม่อมเจ้าและหม่อมราชวงศ์อื่นๆในวัยเดียวกันอีกหลายท่าน ม.ร.ว. บุญรับ ได้อยู่กับบิดามารดาตลอดมาจนอายุ 16 ปี ได้ติดตามท่านพ่อไปอยู่ตามหน่วยทหาร ซึ่งท่านพ่อไปรับราชการหลายจังหวัด เช่น ที่จังหวัดนครสวรรค์ จังหวัดฉะเชิงเทรา และ จังหวัดพิษณุโลก ในฐานะเป็นลูกคนใหญ่ก็ได้รับความไว้วางใจจากหม่อมแม่ ทั้งในด้านการดูแลบ้านและในด้านสังคม และได้แบ่งเบาภาระของหม่อมแม่ในด้านต่าง ๆ เหล่านี้ได้มาก

คุณพี่บุญรับเป็นคนเก่ง ที่ว่าเก่งนั้นหมายความว่าท่านเป็นคนมีฝีมือ จะทำสิ่งใดต้องทำให้สำเร็จ และเป็นผลดีอย่างยอดเยี่ยมเสมอไป ไม่ว่าจะเป็นในทางการค้าหรือในทางการบ้านการเรือน คุณพี่บุญรับเป็นชาววังที่แท้จริง และได้รับการฝึกอบรมอย่างชาววังมาตั้งแต่แรก ท่านจึงเป็นคนมีฝีมือในกิจกรรมของแม่บ้านทุกชนิด ท่านเป็นคนทำกับข้าวอร่อยหาตัวจับยาก และกับข้าวของกินทั้งคาวหวานที่ท่านปรุงนั้น มีความประณีตละเอียดถี่ถ้วน ได้มาตรฐานห้องเครื่องต้นสมัยรัชกาลที่ 5 อย่างหาที่อื่นได้ยาก การทำกับข้าวแบบนี้จำเป็นต้องใช้เวลามาก มีเครื่องปรุงต่าง ๆให้ครบถ้วนมิได้มีสิ่งใดขาด ต้องรู้วิธีที่จะจัดการอย่างไรกับเครื่องปรุงแต่ละอย่างอย่างถูกต้อง และต้องมีลูกมือเอาไว้ช่วยออกแรงอีกหลายคน แต่คุณพี่บุญรับท่านเจียดเวลาเอาไว้ทำกิจการเหล่านี้ได้เสมอ ท่านมีความรู้ที่ละเอียดพิสดารเกี่ยวกับเครื่องปรุงและการปรุงอาหาร และท่านสามารถทำตัวให้คนรักสมัครมาเป็นลูกมือของท่านด้วยความเต็มใจไม่หลีกเลี่ยง นอกจากการทำอาหารแล้ว คุณพี่บุญรับยังมีฝีมือในการเย็บปักถักร้อยทุกชนิด เมื่อยังสาว ๆ ท่านเย็บตัดเสื้อใส่เองโดยไม่ต้องจ้างวานใคร และมีชื่อว่าเป็นผู้นำสมัยคนหนึ่งเมื่อ 60 ปีมาแล้ว เสื้อผ้าที่ท่านแต่งตัวเข้าราชสำนักหรือออกงานสังคมหรูหราในสมัยนั้นก็เป็นฝีมือของท่านเองทั้งสิ้น

นอกจากที่กล่าวมาแล้ว คุณพี่บุญรับยังเป็นผู้ที่อนุรักษ์ชีวิตความเป็นอยู่แบบไทยในสมัยก่อน ซึ่งเป็นวัฒนธรรมที่ออกมาจากวังหลวง ท่านถือว่าความสะอาดเป็นของสำคัญที่สุดในความเป็นอยู่ เพราะฉะนั้นทุกแห่งที่ท่านรับผิดชอบดูแลจะต้องสะอาดอย่างหาที่ติไม่ได้ ตั้งแต่ครัว หม้อไหถ้วยชามทุกชนิดขึ้นไปจนถึงห้องนั่งห้องนอนจะต้องสะอาดหมดจดไปทุกแห่ง ตัวผมเองที่เป็นน้องที่ท่านเลี้ยงมาก็จะต้องถูกจับอาบน้ำล้างหน้าและเปลี่ยนเสื้อผ้าวันละหลายครั้ง ไม่เคยมีสิทธิที่จะสกปรกได้ ทั้ง ๆ ที่อยากจะสกปรก

เมื่อคุณพี่บุญรับเป็นชาววัง ท่านก็มีฝีมือในสิ่งต่าง ๆ ที่เป็นของชาววัง การจัดดอกไม้และร้อยดอกไม้ทุกชนิดท่านทำได้สวยงามมาก จนกระทั่งท่านอายุร่วม 80 ปี ท่านก็ยังร้อยมาลัยได้สวยและเย็บดอกไม้ได้งดงาม สมัยยังนุ่งผ้าลายขัดคุณพี่บุญรับก็คอยดูให้คนขัดผ้าลายให้แม่และตัวท่านเอง แล้วเอาเข้าใส่หีบอบร่ำ ผ้าห่มก็เลือกย้อมสีให้ถูกต้องแล้วจีบมัดเข้าไว้และเข้าหีบอบร่ำเช่นเดียวกัน เครื่องหอมเช่นน้ำอบไทย น้ำปรุง แป้งร่ำ ท่านเป็นคนทำเองทั้งสิ้นและทำติดต่อกันมาจนท่านชรามากแล้วจึงเลิก

ลูกหลานที่อยู่ใกล้ชิดท่านจะได้ความรู้เช่นนี้จากท่านทุกคน และในตอนท้ายแม้แต่พยาบาลซึ่งมาอยู่ประจำตัวท่านในยามชราก็ได้วิชาชาววังไปจากท่านคนละไม่มากก็น้อย  สำหรับตัวผมคุณพี่บุญรับเป็นแม่ เป็นครูและเป็นที่พึ่งอุปการะผมมาตลอดชีวิตท่านพระคุณของท่านนั้นจะพรรณนาอย่างไรก็คงจะไม่ถ้วนทั่ว”

ท่านอาจารย์คึกฤทธิ์ยังเคยพูดว่า ถ้าไม่มีพี่บุญรับเลี้ยงมา ไม่รู้ว่าจะ “เก่งกล้าสามารถ” แบบคึกฤทธิ์ในวันนี้หรือไม่?