วันที่ 6 ก.พ.2568 ที่รัฐสภา นายชิบ จิตนิยม รองประธานกรรมาธิการการต่างประเทศ วุฒิสภา เปิดเผยว่า นายนิรัตน์ อยู่ภักดี ประธานคณะกรรมาธิการ(กมธ.)การต่างประเทศ วุฒิสภา มีดำริที่จะนำคณะกรรมาธิการการต่างประเทศ วุฒิสภา เดินทางไปยังเขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์เพื่อติดตามสถานการณ์ และประเมินสภาพความเป็นอยู่ ของชาวอุยกูร์ที่รัฐบาลไทยส่งกลับไปเมื่อวันที่ 27 ก.พ.ที่ผ่านมา ซึ่งประเด็นนี้ได้รับความสนใจจากประชาคมโลก โดยเฉพาะองค์กรด้านสิทธิมนุษยชนและประเทศพันธมิตรของไทย โดยการส่งตัวชาวอุยกูร์กลับจีนทำให้เกิดข้อกังวลเกี่ยวกับสวัสดิภาพของพวกเขา และเพื่อให้เกิดความโปร่งใส ไทยควรติดตามสถานการณ์ดังกล่าวอย่างใกล้ชิด ดังนั้นกมธ.จึงมีแผนการจะติดตามเรื่องนี้โดยเดินทางไปยังซินเจียงอุยกูร์ในช่วงเวลาอันเหมาะสมเพื่อให้เกิดความมั่นใจว่าชาวอุยกูร์ทั้ง 40 คนที่ถูกส่งกลับไปยังประเทศจีนจะได้รับการดูแลตามที่รัฐบาลจีนได้ให้สัญญาไว้ หลังจากถูกควบคุมตัวในประเทศไทยมานานกว่า 10 ปี

นายชิบ กล่าวต่อว่า ก่อนหน้านี้สหรัฐอเมริกาและตุรกี ได้แสดงความกังวลเกี่ยวกับสวัสดิภาพของชาวอุยกูร์หลังจากเดินทางกลับจีน โดยสหรัฐอเมริกา แสดงความผิดหวังอย่างรุนแรงต่อการตัดสินใจของไทย และเรียกร้องให้รัฐบาลไทยรับรองว่าชาวอุยกูร์ที่ถูกส่งกลับจะไม่ถูกละเมิดสิทธิมนุษยชน ในขณะที่ตุรกี มีประชาชนออกมาชุมนุมประท้วงที่หน้าสถานเอกอัครราชทูตไทยในกรุงอังการา เนื่องจากตุรกีมีความสัมพันธ์ทางชาติพันธุ์และวัฒนธรรมใกล้ชิดกับชาวอุยกูร์ ส่วนองค์กรสิทธิมนุษยชน เช่น Human Rights Watch (HRW) และ Amnesty International ก็ออกแถลงการณ์เตือนว่า ชาวอุยกูร์ที่ถูกส่งกลับอาจเผชิญกับการกดขี่หรือการปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรม ซึ่งผลกระทบจากการตัดสินใจของรัฐบาลครั้งนี้ไม่ได้จำกัดเพียงมิติด้านสิทธิมนุษยชน แต่ยังรวมถึงความสัมพันธ์ระหว่างประเทศและเศรษฐกิจของไทย โดยเฉพาะด้านการท่องเที่ยว ที่มีรายงานว่านักท่องเที่ยวตุรกีบางส่วนยกเลิกการเดินทางมายังประเทศไทยหลังจากเหตุการณ์นี้ ส่งผลให้ภาคการท่องเที่ยวของไทยอาจได้รับผลกระทบ

“ด้านความสัมพันธ์ทางการทูตที่ไทยต้องรักษาสมดุลทางการทูตระหว่างจีนและประเทศตะวันตก ซึ่งจับตามองนโยบายของไทยเกี่ยวกับชาวอุยกูร์อย่างใกล้ชิด การเดินทางลงพื้นที่ดังกล่าวจะได้นำข้อมูลเหล่านี้มาวิเคราะห์แนวทางของไทยในอนาคตเกี่ยวกับกรณีของชาวอุยกูร์ที่ยังคงอยู่ในประเทศไทย รวมถึงแนวทางการทำงานร่วมกับทางการจีน องค์กรระหว่างประเทศ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้มั่นใจว่าชาวอุยกูร์ที่ถูกส่งตัวกลับได้รับการปฏิบัติอย่างเป็นธรรมและสร้างความมั่นใจให้กับประชาคมโลกว่าไทยให้ความสำคัญกับเรื่องสิทธิมนุษยชน” นายชิบ กล่าว