ปปส.ระดมบุกปิดล้อมตรวจค้นเครือข่าย เตชินท์ ส่งออกไอซ์-เฮโรอีนข้ามชาติ ในพื้นที่ 6 จังหวัดกว่า 10 จุด พร้อมยึดทรัพย์ 80 ล้าน 
       
       
  เมื่อวันที่ 5 มีนาคม 2568 ที่ ป.ป.ส.พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม พร้อมด้วย พลตำรวจโท ภาณุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการ ป.ป.ส. นายชรินทร์ ทองสุข ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย นายปฤณ เมฆานันท์ ผู้อำนวยการสำนักปราบปรามยาเสพติด สำนักงาน ป.ป.ส. นายธันวา ผุดผ่อง ผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติดภาค 5 พล.ต.ต.มานพ เสนากูล ผบก.ภ.จว.เชียงราย, พล.ต.ต.อดิศ เจริญสวัสดิ์ ผบก.ปส.3 บช.ปส. พ.อ.จักรพงษ์ สอดสี รอง ผบ.ฉก.ทัพเจ้าตาก และ พ.อ.ปริญญา วีระศรีนารา หัวหน้าศูนย์ข่าวยาเสพติด ฝ่ายข่าวศูนย์ปฏิบัติการกองทัพบกแถลงผลปฏิบัติการ ตัดไฟแต่ต้นลม ครั้งที่ 3 ปฏิบัติการปิดล้อมตรวจค้นพื้นที่ 10 จุดปฏิบัติการ 6 จังหวัด จ.เชียงราย 2 จุด จ.เชียงใหม่ 2 จุด จ.สุพรรณบุรี 2 จุด จ.อ่างทอง 2 จุด จ.สุโขทัย 1 จุด จ.พระนครศรีอยุธยา 1 จุดเพื่อติดตามจับกุมบุคคลตามหมายจับ 3 คน
       
  พลตำรวจโท ภาณุรัตน์  กล่าวว่า ปฏิบัติการดังกล่าวเกี่ยวข้องกับ เครือข่ายส่งออกไอซ์ - เฮโรอีน ข้ามชาติ สืบเนื่องจาก คดีการจับกุมเมื่อวันที่ 22 ตุลาคม 2567 สำนักปราบปรามยาเสพติด สำนักงาน ป.ป.ส. ร่วมกับ หน่วยงานภาคี จับกุมผู้ต้องหารวม 3 คน พร้อมเฮโรอีน 154 กิโลกรัม เหตุเกิดที่ จ.ชัยนาท ต่อเนื่อง จ.สุพรรณบุรี เครือข่ายดังกล่าวมีพฤติการณ์ซุกซ่อนเฮโรอีนในช่องลับภายในรถตู้ โดยลักลอบลำเลียงมาจากพื้นที่ชายแดน ด้าน จ.เชียงรายเข้าสู่พื้นที่ตอนในของประเทศก่อนจะส่งต่อไปยังปลายทางประเทศที่สาม ในครั้งนั้นสามารถตรวจยึดทรัพย์สินได้กว่า 7.6 ล้านบาท และที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมบุคคลในเครือข่ายส่งออกไอซ์ - เฮโรอีน ข้ามชาติ ดังกล่าวได้อีก 2 คดี คือ วันที่ 27 - 30 กรกฎาคม 2567 จับกุมผู้ต้องหา 1 คน ไอซ์ 300 กิโลกรัม ยึดทรัพย์สิน 1 ล้านบาท และ วันที่ 15 - 16 กุมภาพันธ์ 2568 จับกุมผู้ต้องหา 3 คน ไอซ์ 500 กิโลกรัม ยึดทรัพย์สิน 9 ล้านบาท เป็นการสกัดกั้นการลำเลียงไอซ์-เฮโรอีนเกือบ 1 ตัน ก่อนจะถูกส่งต่อไปยังประเทศที่สาม รวมทั้งตรวจยึดทรัพย์สินประมาณ 18 ล้านบาท
     
    อีกทั้ง พลตำรวจโท ภาณุรัตน์  กล่าวว่าได้มอบหมายให้ นายปฤณ เมฆานันท์ ผู้อำนวยการสำนักปราบปรามยาเสพติด สำนักงาน ป.ป.ส. สั่งการเจ้าหน้าที่สืบสวนขยายผลเครือข่ายดังกล่าวให้ถึงระดับผู้สั่งการ รวมถึงสืบหาทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องทั้งหมด จากการสืบสวนขยายผลพบว่าผู้สั่งการจัดหายาเสพติด และ ผู้ร่วมขบวนการ เคลื่อนไหว อาศัยอยู่ในพื้นที่ภาคเหนือ และ ภาคกลาง ใช้ภรรยาและบุคคลอื่นถือครองทรัพย์สินแทน
       
  โดยเจ้าหน้าที่ได้รวบรวมพยานหลักฐานขอศาลอนุมัติหมายจับได้รวม 3 คน คือ นายเตชินท์ เป็นผู้สั่งการ และจัดหายาเสพติดจากประเทศเพื่อนบ้าน, นายพรรคภูมิ   เป็นผู้ดูแลด้านการเงิน และควบคุมการลำเลียงยาเสพติด, นายฉมัง ผู้ร่วมขบวนการในการลำเลียงยาเสพติด โดยรับคำสั่งการจากนายเตชินท์  นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ได้ดำเนินการสืบหาทรัพย์สินของบุคคลที่ถูกออกหมายจับและผู้เกี่ยวข้อง จนนำมาซึ่งการเปิดปฏิบัติการตัดไฟแต่ต้นลม ครั้งที่ 3 สำนักงาน ป.ป.ส. จึงบูรณาการความร่วมมือกับหน่วยบังคับใช้กฎหมาย (ตำรวจ, ทหาร) รวมกำลังพลกว่า 200 นาย ดำเนินการปิดล้อมตรวจค้นภายใต้ ปฏิบัติการตัดไฟแต่ต้นลม ครั้งที่ 3 ในพื้นที่ 10 จุดปฏิบัติการ 6 จังหวัด (จ.เชียงราย จ.เชียงใหม่ จ.สุพรรณบุรี จ.อ่างทอง จ.สุโขทัย จ.พระนครศรีอยุธยา) โดยปฏิบัติการเริ่มดำเนินการตั้งแต่วันที่ 2 มีนาคม 2568 เจ้าหน้าที่สามารถสืบสวนติดตามจับกุม นายพรรคภูมิฯ (บุคคลตามหมายจับ) ได้ในพื้นที่ จ.สุพรรณบุรี ขยายผลตรวจค้นที่พักอาศัย รวม 4 จุด ยึดอายัดทรัพย์สิน 22 ล้านบาท และในวันที่ 5 มีนาคม 2568 เจ้าหน้าที่ดำเนินการปิดล้อมตรวจค้นอีก 6 จุด ตรวจยึดทรัพย์สินรวมมูลค่ากว่า 80 ล้านบาท อาทิเช่น ที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง รถยนต์ ทองรูปพรรณ เงินในบัญชีธนาคาร ฯลฯ

  ด้าน พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวว่า สำนักงาน ป.ป.ส.ได้ให้ความสำคัญกับการปราบปรามยาเสพติดในทุกระดับการค้า ซึ่งสอดรับกับนโยบายของรัฐบาลที่มุ่งเน้นให้จับกุมกวาดล้างยาเสพติด ตัดวงจรการค้ายาเสพติดรายสำคัญ รวมถึงกวาดล้างผู้ค้ายาเสพติดในพื้นที่แพร่ระบาด และเพิ่มประสิทธิภาพมาตรการยึดอายัดทรัพย์สินคดียาเสพติด ดังที่ผ่านมาเมื่อปลายเดือนสิงหาคม 2567 สำนักงาน ป.ป.ส. ร่วมกับหน่วยงานภาคี เปิดปฏิบัติการตัดไฟแต่ต้นลม ครั้งที่ 1 จับกุมบุคคลตามหมายจับ 4 คน ตรวจยึดทรัพย์สิน 66 ล้านบาท ปฏิบัติการตัดไฟแต่ต้นลม ครั้งที่ 2 จับกุมบุคคลตามหมายจับ 3 คน ตรวจยึดทรัพย์สิน 101 ล้านบาท และครั้งนี้ ปฏิบัติการตัดไฟแต่ต้นลม ครั้งที่ 3 จับกุมบุคคลตามหมายจับ 1 คน ตรวจยึดทรัพย์สิน 80 ล้านบาท
      
   ทั้งนี้ สำนักงาน ป.ป.ส. และหน่วยงานภาคี มุ่งเน้นการทำลายเครือข่ายการค้ายาเสพติดให้ถึงระดับผู้สั่งการ เพื่อจับกุมและตรวจยึดทรัพย์สิน โดยเฉพาะผู้สั่งการที่มีศักยภาพในการจัดหายาเสพติดจากต้นทางประเทศเพื่อนบ้าน และใช้เครือข่ายผู้ลำเลียงชาวไทย ตลอดจนใช้บุคคลชาวไทยถือครองทรัพย์สินแทน ยิ่งต้องเร่งดำเนินการตัดไฟแต่ต้นลม เพื่อตัดวงจรการค้ายาเสพติด