อึ้งขายน้ำกระท่อมใกล้สถานศึกษากำไรเฉียดครึ่งล้านต่อเดือน ตร.ทลายรังผลิต-จำหน่ายดำเนินคดีพบเป็นพันขวดต้นตอวัยรุ่นมั่วสุม

ที่นครศรีธรรมราช ช่วงบ่ายที่ผ่านมา(5มี.ค.68) พลตำรวจตรีจารุต ศรุตยาพร ผู้บังคับการตำรวจภูธรนครศรีธรรมราช สั่งการให้ พันตำรวจเอกสุทัศน์ สงสยม รองผู้บังคับการตำรวจภูธรนครศรีธรรมราช พันตำรวจโทนพเสถียร สิงห์สุข รองผู้กำกับการกองกำกับการสืบสวนตำรวจภูธรนครศรีธรรมราช นำกำลังเจ้าหน้าที่กองกำกับการสืบสวน เข้าทำการตรวจสอบร้านจำหน่ายใบกระท่อมและน้ำต้มกระท่อมจำนวน 3จุดบริเวณหลังวิทยาลัยเทคนิคนครศรีธรรมราช ตำบลท่าวัง ใกล้เคียงวิทยาศิลปะหัตกรรม ใกล้เคียงวัดท้าวโคตรถนนราชดำเนิน ตำบลศาลามีชัย และบริเวณถนนเอกนครตัดพัฒนาการคูขวาง ตำบลปากนคร ตำบลท่าวัง อำเภอเมืองนครศรีธรรมราช

ทั้งนี้เป็นผลสืบเนื่องจากกองบังคับการตำรวจภูธรนครศรีธรรมราช ได้รับร้องเรียนจากผู้ปกครองและคณาจารย์ จากหลายแหล่งระบุถึงปัญหาการเสพน้ำกระท่อมของนักเรียน นักศึกษา ทั้งยังเป็นต้นตอของการขยายไปสู่สิ่งเสพติดอย่างอื่นเช่นบุหรี่ไฟฟ้า และสารเสพติดชนิดอื่นที่รุนแรงขึ้น ส่งผลกระทบต่อสุขภาพและการเรียนอย่างมาก และยังเป็นกลุ่มเฝ้าระวังการใช้รถจักรยานยนต์ดัดแปลงสภาพสร้างความเดือดร้อนให้กับชุมชนโดยรวม

หลังจากเจ้าหน้าที่เข้าแสดงตัวเพื่อตรวจสอบใบอนุญาตจากสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด หรือทะเบียน อย.ปรากฎว่าผู้จำหน่ายไม่มีแสดงโดยระบุว่าไม่ได้ขออนุญาต เจ้าหน้าที่จึงเข้าตรวจสอบพบว่าหลังร้านเป็นแหล่งผลิตมีกำลังการผลิตต่อวันกว่า 1 พันแกลลอน และชนิดขวดอีกนับพันขวด ส่วนแกลลอนนั้นจะถูกไปแบ่งใส่ขวดแบบขายปลีกอีกครั้ง กระจายส่งขายไปยังจุดขายต่างๆแบบขายส่ง และขายหน้าร้าน สามารถสร้างกำไรต่อวันสูงถึงกว่า 1 หมื่นบาทต่อวันหรือต่อเดือนมีกำไรมากกว่า 3 แสนบาท ต้องใช้รถยนต์กระบะของเจ้าหน้าที่หลายคันจึงสามารถขนของกลางที่ได้ตรวจยึดทั้งหมด

 

ต่อมาผู้ที่ได้แสดงตัวเป็นเจ้าของ ผู้จำหน่าย ผู้ผลิต รวม 3 รายถูกเจ้าหน้าที่ได้จับกุมจากฐานความผิดซึ่งหน้าและแจ้งข้อหาจำหน่ายอาหารที่ห้ามจำหน่าย (น้ำต้มพืชกระท่อม) และมิได้ผ่านการประเมินความปลอดภัย ของอาหารและส่งมอบฉลากให้สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาตรวจอนุมัติก่อนนำไปใช้   โดยผิดกฎหมายอันเป็นการฝ่าฝืนมาตรา 6 (8) ประกอบมาตรา 50 แห่ง พ.ร.บ.อาหาร พ.ศ.2522   และประกาศกระทรวงสาธารณสุข (ฉบับที่ 430) พ.ศ. 2564 จากนั้นจึงคุมตัวส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีต่อไปแล้ว.