ได้เห็นกันไม่บ่อยนัก สำหรับ ปรากฏการณ์ไฟป่าครั้งใหญ่ๆ โหมไหม้เผาผลาญในพื้นที่ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งแตกต่างจากเหตุไฟป่าที่เกิดขึ้นในสหรัฐฯ และบางประเทศในภูมิภาคยุโรป ที่เกิดขึ้นเป็นประจำกันทุกปี
โดยปรากฏการณ์ไฟป่าที่กำลังเผาไหม้ประเทศญี่ปุ่น ณ ชั่วโมงนี้ เกิดขึ้นที่ผืนป่าในเมืองโอฟุนาตะ จ.อิวาเตะ ห่างจากกรุงโตเกียว เมืองหลวงของประเทศ ไปทางตะวันออกเฉียงเหนือประมาณ 527 กิโลเมตร ซึ่งทั้งกรุงโตเกียว และ จ.อิวาเตะ ล้วนตั้งอยู่บนเกาะฮอนโดเช่นเดียวกัน
ส่วนจุดที่บังเกิดไฟป่า ก็อยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของเมืองโอฟุนาตะ ตามรายงานของการรับแจ้งเตือนต่อทางการ ก็ระบุว่า ไฟป่าเริ่มปะทุขึ้นเมื่อช่วงกลางสัปดาห์ที่แล้ว ก่อนจะก่อเป็นแสงเพลิงใหญ่โหมไหม้ลุกลามเป็นบริเวณกว้างในเวลาต่อมา แม้ว่าาทางการญี่ปุ่น ทั้งส่วนกลาง และท้องถิ่น ระดมเจ้าหน้าที่จากกองกำลังป้องกันตนเอง ซึ่งก็คือ ทหารจากกองทัพญี่ปุ่น สนธิกำลังกับเจ้าหน้าที่นักผจญเพลิง ช่วยกันดับไฟ แต่ปรากฏว่า ผ่านมากว่า 1 สัปดาห์แล้ว ก็ยังไม่สามารถควบคุมเพลิงให้อยู่ในวงจำกัดได้
โดยมีรายงานว่า ทั้งเจ้าหน้าที่กองกำลังป้องกันตนเองของกองทัพญี่ปุ่น และเจ้าหน้าที่นักผจญเพลิง ที่ถูกระดมกำลังไปช่วยดับไฟป่าในครั้งนี้ มีจำนวนมากถึง 2,043 นาย มาจากพื้นที่ 14 จังหวัด โดยจัดแบ่งกำลังเป็น 546 ทีมด้วยกัน พร้อมอุปกรณ์ดับเพลิงอย่างครบครัน รวมถึงเฮลิคอปเตอร์ของทางกองทัพ ที่ถูกส่งมาช่วยสนับสนุนการดับไฟป่าในครั้งนี้ด้วย
อย่างไรก็ดี ก็ยังไม่ทีท่าว่า จะสามารถควบคุมไฟป่าให้อยู่ในวงจำกัด โดยเพลิงยังคงลุกลามเผาผลาญอย่างต่อเนื่อง
ตามการเปิดเผยของ “สำนักงานจัดการภัยพิบัติและเพลิงไหม้แห่งชาติญี่ปุ่น” ระบุว่า เพลิงป่าได้เผาผลาญจนกินเนื้อที่ไปแล้วกว่า 6,400 เอเคอร์ (คิดเป็นไร่แบบไทยๆ ก็ประมาณ 16,192 ไร่) สร้างความเสียหายทั้งในชีวิตและทรัพย์สินของผู้คนชาวเมือง โดยมีเหยื่อที่เสียชีวิตจากเหตุไฟป่าครั้งนี้อย่างน้อย 1 ราย บ้านเรือนเกือบ 90 หลังถูกเพลิงเผาผลาญจนวอด
ทางการท้องถิ่น ต้องอพยพประชาชนจำนวนเกือบ 5,000 คน ออกจากบ้านเรือนในพื้นที่ 17 เขต ไปพำนักอาศัยยังที่ปลอดภัยอื่นๆ แทน โดยทางการท้องถิ่น ได้ปรับเปลี่ยนโรงเรียน โรงยิมเล่นกีฬา เป็นต้น ให้เป็นศูนย์พักพิงชั่วคราวให้แก่บรรดาผู้อพยพหนีตายจากไฟป่าเหล่านั้น
นอกจากนี้ ก็ยังมีประชาชนที่มีถิ่นฐานอยู่ใกล้พื้นที่ไฟป่าอีกจำนวนหนึ่ง ต้องอพยพทิ้งบ้านเรือน ไปพำนักอาศัยกับญาติหรือเพื่อนในพื้นที่อื่นๆ อีกด้วย นอกเหนือจากกลุ่มประชาชนที่อพยพไปยังศูนย์พักพิงชั่วคราวที่ทางการท้องถิ่นจัดไว้ให้ข้างต้นแล้ว
ทั้งนี้ มีรายงานว่า แม้ในพื้นที่ที่อยู่ห่างจากไฟป่า คือ เปลวไฟป่าลุกไหม้มาไม่ถึงนั้น แต่ประชาชนก็ต้องอพยพออกจากบ้านเรือนของพวกเขาไปพำนักอาศัยอยู่ตามศูนย์พักพิงชั่วคราว หรือไม่ก็บ้านญาติพี่น้องของพวกเขาในพื้นที่อื่นๆ เนื่องจากทั้งไฟฟ้า และประปา ไม่สามารถใช้การได้
โดยมีรายงานเป็นตัวเลขว่า บ้านเรือนที่ไม่มีไฟฟ้าใช้มีจำนวน 1,660 หลัง และบ้านเรือนที่ประปาใช้การไม่ได้ เพราะไม่มีน้ำจ่ายให้ มีจำนวนกว่า 800 หลังคาเรือน
พร้อมกันนี้ ทางการรถไฟของญี่ปุ่น อย่าง “การทางรถไฟซันริคุ” หรือ “ซันริคุ เรลเวย์” ต้องระงับให้บริการระหว่างเส้นทางซาคาริกับซันริคุ เป็นการชั่วคราว เนื่องจากเปลวเพลิงของไฟป่า ได้ทำลายระบบการจ่ายกระแสไฟฟ้าที่ใช้เป็นพลังงานสำหรับการวิ่งของรถไฟ รวมไปถึงคำนึงเรื่องความปลอดภัยของประชาชนอีกต่างหากด้วย
รายงานข่าวแจ้งว่า การระงับให้บริการรถไฟโดยสารของญี่ปุ่น อาจขยายมาถึงคามาอิชิ หากสถานการณ์ไฟป่ายังคงไม่สามารถควบคุมให้อยู่ในวงจำกัดได้
เช่นเดียวกับ โรงผลิตปูนซีเมนต์ “ไทเฮโย ซีเมนต์” ก็ระงับการดำเนินงานของโรงงานเป็นการชั่วคราวเช่นกัน
รวมถึงโรงเรียนระดับประถมศึกษาอย่างน้อย 3 แห่ง ที่อยู่ใกล้เคียง ก็ต้องปิดการเรียน การสอน เป็นการชั่วคราวด้วยเหมือนกัน เพื่อความปลอดภัยของเหล่าเด็กๆ โดยมีรายงานว่า การปิดการเรียนการสอน อาจจะมีไปจนตลอดทั้งสัปดาห์นี้ หรืออาจจะไปถึงสัปดาห์หน้า หากสถานการณ์ไฟป่ายังไม่สามารถควบคุมให้อยู่ในวงจำกัดได้
บรรดาผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งเป็นนักวิชาการจากสถาบันการศึกษา ได้แสดงทรรศนะเกี่ยวกับสาเหตุว่า เพราะอะไรจึงทำให้ญี่ปุ่นยังไม่สามารถควบคุมไฟป่าให้อยู่ในวงจำกัดได้ง่ายๆ
อย่าง “ศ.โยชิยะ โตอุเกะ” นักวิจัยเรื่องแหล่งน้ำแห่งมหาวิทยาลัยเกียวโต แสดงทรรศนะว่า เพราะสภาพอากาศที่แห้ง และมีลมแรง ทำให้ไฟป่าโหมไหม้ลุกลามอย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ ในช่วงปีที่ผ่านมา พื้นที่แห่งนี้ ก็เกิดความแห้งแล้ง ฝนตกลงมาน้อย ทำให้ใบไม้ในผืนป่าของเมืองโอฟุนาตะ ร่วงมากเป็นพิเศษจนทับถมกันอย่างหนา ซึ่งใบไม้แห้งเหล่านี้ ก็เป็นเชื้อเพลิงอย่างดี ในยามที่เกิดไฟป่า
สอดคล้องกับสำนักงานอุตุนิยมวิทยาของญี่ปุ่น ที่ออกมาระบุว่า ในช่วงที่ผ่านมา โดยเฉพาะในเดือนกุมภาพันธ์ที่เพิ่งผ่านพ้นมา มีปริมาณฝนที่ตกลงมาโดยเฉลี่ยน้อยกว่าปีก่อนๆ ในช่วงเดือนเดียวกันนี้ 41 มิลลิเมตร เป็นเหตุให้ผืนดินแห้งแล้ง อากาศแห้ง และมีลมแรง ตลอดจนใบไม้แห้งที่ร่วงหล่น ปูเต็มพื้นที่ผืนป่า ได้กลายเป็นเชื้อเพลิงชั้นดีของเหตุไฟป่าที่กำลังเกิดขึ้นนี้
ขณะที่ ผศ.อาคิระ คาโตะ นักวิชาการด้านป่าไม้แห่งมหาวิทยาลัยชิบะ แสดงทรรศนะว่า ลักษณะภูมิประเทศของพื้นที่ที่เกิดไฟป่ามีสภาพเป็นภูเขาสูงชัน ก็ได้กลายเป็นอุปสรรคต่อการดับไฟของเหล่าเจ้าหน้าที่ด้วยเหมือนกัน
ด้วยเหตุปัจจัยทั้งหลายทั้งปวงเหล่านี้ ก็ทำให้ไฟป่าที่กำลังโหมไหม้ในเมืองโอฟุนาตะ จ.อิวาเตะ ครั้งนี้ ถือเป็นครั้งรุนแรงที่สุดของญี่ปุ่นในรอบ 3ทศวรรษ โดยบางคนเรียกว่า “ไฟป่า 30 ปี” บ้าง หรือ “ไฟป่า 3 ทศวรรษ” บ้าง ทว่า หลายคนก็ระบุว่า ไฟป่าหนนี้อาจจะรุนแรงที่สุดในประวัติศาสตร์การเกิดไฟป่าในญี่ปุ่นก็ว่าได้ เพราะความรุนแรงได้แซงหน้าเหตุไฟป่าที่เกิดขึ้นที่เมืองคุชิโระ จ.ฮอกไกโด เมื่อปี 1992 (พ.ศ. 2535) ซึ่งในครั้งนั้นไฟป่าได้เผาผลาญเนื้อที่ไป 2,500 เอเคอร์ หรือคิดเป็นไร่แบบไทยๆ ก็ราวๆ 6,325 ไร่ เท่านั้น