รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค7แจงคืบหน้าคดีคานปูนเครนก่อสร้างถนนยกระดับบนถนนพระราม 2 เมื่อเดือน พ.ย.66  

รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 เผยความคืบหน้าคดีคานปูนสะพานยกระดับพระราม 2 ตกทับประชาชนมีคนเจ็บตายจำนวนมากเมื่อ ปี 2566 ดำเนินคดีกับ 2 บริษัทแล้วและยังเหลือการให้ความเห็นด้านต่างๆอีก โดยเน้นย้ำว่า ตำรวจจะให้ความเป็นธรรมกับเหยื่อและทุกฝ่าย เพื่อให้เป็นมาตรฐานในการปกป้องชีวิตและทรัพย์สินของพี่น้องประชาชนอย่างเต็มที่ 


วันที่ 5 มีนาคม 2568 เวลา 13.30 น. ที่ ห้องประชุม 2 อาคารที่ทำการตำรวจภูธรภาค 7 ชั้น 2 อ.เมืองนครปฐม จ.นครปฐม พล.ต.ต.อุทัย กวินเดชาธร รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 รับผิดชอบฝ่ายกฎหมายและสอบสวน ได้แถลงความคืบหน้ากรณี เมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน 2567 เกิดเหตุคานปูนและเครนก่อสร้างถนนยกระดับบนถนนพระราม ของโครงการก่อสร้างทางหลวงพิเศษหมายเลข 82 สายทางยกระดับบางขุนเทียน - บ้านแพ้ว ช่วงเอกชัย บ้านแพ้ว ตอน 1 ช่วง กม.21+600 เขตพื้นที่หมู่ 1 และหมู่ 2 ตำบลคอกกระบือ  อำเภอเมืองสมุทรสาคร จังหวัดสมุทรสาคร หล่นจากที่ติดตั้งลงมาเป็นเหตุให้มีคนงานรับบาดเจ็บและเสียชีวิต จำนวน  6  ราย คือ 1.นายอภิวัฒน์ พะพันทาง อายุ 30 ปี สัญชาติไทย เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ
2.นายเอหรือAYAR อายุ 37 ปี เสียชีวิตที่รพ.สมุทรสาคร3.นายสุทัศน์ บุญเรื่อง อายุ 31 ปี สัญชาติไทย เสียชีวิตที่ รพ.มหาชัย 14.นายชิต โกโก เมียนมา เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ5.นายเพียว โก โก เมียนมา เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ6.นายอ่อง เทียน เท เมียนมา เสียชีวิตในที่เกิดเหตุและมีผู้ได้รับบาดเจ็บที่ยังนอนรักษาตัวอยู่ใน รพ.สมุทรสาคร จำนวน 4 ราย
1.นายนัน โกโก อายุ 24 ปี เมียนมา2.นายเบ ดา อายุ 34 ปี เมียนมา3. นายวรยศ ศรีรีเวช อายุ 25 ปี
4. นายพสิน ผิวทน อายุ 19 ปีรักษาที่ รพ.เอกชัย จำนวน 1 ราย คือนายพงษ์ศักดิ์ นรสาร อายุ 35 ปี รักษาที่ รพ.วิชัยเวชสมุทรสาคร จำนวน 1 รายคือ นายทรงวุฒิ พุทธเสน อายุ 18 ปีเศษ
     และมีผู้บาดเจ็บที่แพทย์อนุญาตให้กลับบ้าน จำนวน 3 ราย สรุป เสียชีวิต 6 (คนไทย 2 ต่างด้าว 4) บาดเจ็บ 9 (คนไทย 4 ต่างด้าว 5) 

พล.ต.ต.อุทัย กวินเดชาธร รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 รับผิดชอบฝ่ายกฎหมายและสอบสวน  เผยว่า พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้กำหนดให้ผู้บังคับบัญชาส่งเสริม สนับสนุน และแก้ไขปัญหางานสอบสวนอันเป็นอำนวยความยุติธรรมทางอาญา ให้ตำรวจเป็นที่พึ่งพิงของประชาชนอย่างแท้จริง ตำรวจภูธรภาค 7 โดยการนำของ พล.ต.ท.นัยวัฒน์ ผะเดิมชิต ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 และมอบหมายให้ ตนองเข้าควบคุม กำกับ ดูแล การสอบสวนในคดีดังกล่าว เพื่อสอบสวนถึงสาเหตุและนำตัวผู้กระทำความผิดมาลงโทษ และป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์   ในทำนองเดียวกันนี้เกิดขึ้นอีกต่อไป ทั้งนี้ เพื่อความปลอดภัยของผู้ใช้รถใช้ถนน ประชาชนผู้สัญจร ทั่วไป พล.ต.ต.อุทัย กวินเดชาธร เผยว่า เหตุดังกล่าวนี้ได้เกิดขึ้นซ้ำมาหลายครั้งแล้ว มีผลกระทบต่อความปลอดภัยของประชาชน ต่อเศรษฐกิจของประเทศในวงกว้าง จึงได้เร่งรัด กำชับ การสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพ ประสิทธิผล ในการบังคับใช้กฎหมายของเจ้าหน้าที่ให้มีความศักดิ์สิทธิ์เกิดความผาสุกแก่ประชาชนไม่ให้เกิดเหตุซ้ำอีกต่อไป ซึ่งได้เร่งรัดการทำงานสืบสวนสอบสวนมาโดยตลอด

ซึ่งผลการดำเนินการขณะนี้ชุดพนักงานสอบสวนได้สอบสวนปากคำ ผู้เกี่ยวข้อง ได้ 27 ปากได้ดำเนินคดีกับ บริษัท พีเอสซีไอ คอนสตรัคชัน จำกัด  ในความผิดเกี่ยวกับกฎหมายแรงงานต่างด้าวทำงานนอกเหนือสิทธิ ไปแล้วและ ได้ดำเนินคดีกับ บริษัท อุดมศักดิ์เชียงใหม่ จำกัด และบริษัท พีเอสซีไอ คอนสตรัคชัน จำกัด  ในความผิดเกี่ยวกับความปลอดภัยอาชีวะอนามัยและสภาพแวดล้อมของการทำงานฯ ไปแล้ว โดยยังคงเหลือ เรื่องการรวบรวมพยานหลักฐานจาก โยธาธิการและผังเมืองสมุทรสาคร นายกสภาวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทยในพระราชูปถัมภ์ นายกสมาคมวิศวกรโครงสร้างแห่งประเทศไทย ความเห็นของผู้ชำนาญการด้านวิศวกรรม ซึ่งได้มีการติดต่อไปแล้ว อยู่ระหว่างการตอบรับความเห็นของคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงของกรมทางหลวง เพื่อหาสาเหตุของการเกิดเหตุ และผู้ที่ต้องรับผิดชอบในการเกิดเหตุครั้งนี้ มาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
     

   รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 กล่าวว่า สำหรับคดีนี้ขอเรียนว่าคดีดังกล่าวเป็นคดีสำคัญกระทบต่อความเชื่อมั่นในการบังคับใช้กฎหมาย และกระทบต่อความปลอดภัยของพี่น้องประชาชนผู้ใช้รถใช้ถนนเป็นอย่างยิ่งกระทบต่อมาตรฐานความปลอดภัยในการก่อสร้างโครงการขนาดใหญ่ของประเทศ จึงได้ให้คำมั่นว่าจะทำให้เป็นคดีตัวอย่างในการบังคับใช้กฎหมายอย่างเต็มประสิทธิภาพและเป็นธรรม เพื่อไม่ให้เกิดเหตุเช่นนี้ซ้ำขึ้นอีก ในเส้นทางพื้นที่รับผิดชอบ บนถนนพระราม 2  ต่อไป