"สธ.-ทส.-BOI" สร้างมิติใหม่ ประกาศส่งเสริมการใช้นวัตกรรมสีเขียว ป้องกันมลพิษฝุ่น PM 2.5 จากการเผาเศษวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรพื้นที่ทั่วประเทศ คืนลมหายใจสะอาดให้คนไทย พร้อมสร้างรายได้เพิ่มเกษตรกร

วันที่ 5 มี.ค.68 นายเดชอิศม์ ขาวทอง รัฐมนตรีช่วยว่าการสาธารณสุข และเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผยว่า ได้สร้างมิติใหม่ในการแก้ไขปัญหามลพิษฝุ่น PM 2.5 ให้กับประเทศ โดยประกาศสนับสนุนส่งเสริมการใช้นวัตกรรมระบบแปรรูปเศษวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรเป็นชีวมวลอัดเม็ดแบบเคลื่อนที่ (Mobile biomass pellet system) ซึ่งเป็นนวัตกรรมสีเขียวที่ถูกคิดค้นวิจัยและพัฒนาภายใต้บันทึกข้อตกลงความร่วมมือระหว่างกรมควบคุมมลพิษกับภาคเอกชน ที่มีขีดความสามารถในการนำเศษวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร ตอซังฟางข้าว , ต้นเปลือกซังข้าวโพด และใบอ้อยในพื้นที่การเพาะปลูกทั่วประเทศมาแปรรูปเป็นชีวมวลอัดเม็ดซึ่งเป็นเชื้อเพลิงเผาไหม้สะอาดที่มีความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutral) เพื่อนำไปใช้เป็นพลังงานทดแทนการใช้พลังงานจากเชื้อเพลิงฟอสซิลในการผลิตพลังงานไฟฟ้าสะอาดและการผลิตของภาคอุตสาหกรรม ซึ่งจะทำให้ต่อไปเกษตรกรทั่วประเทศไม่ต้องเผาเศษวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร ทำให้สามารถป้องกันไม่ให้เกิดมลพิษฝุ่น PM 2.5 จากการเผาเศษวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรในพื้นที่เพาะปลูกได้ 100% และเกษตรกรยังจะได้รับรายได้จากค่าเศษวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรได้อีก

รวมทั้ง ยังจะมีการส่งเสริม ให้เกษตรกรนำพื้นที่เพาะปลูกบางส่วนมาเพราะปลูกไผ่เพื่อใช้นวัตกรรมดังกล่าวแปรรูปไผ่เป็นชีวมวลอัดเม็ดเพื่อส่งออกไปยังต่างประเทศเพื่อนำเงินตราเข้าประเทศเพื่อสร้างรายได้เพิ่มขึ้นให้กับประเทศและเพื่อทำให้เกษตรกรมีรายได้จากไผ่มากกว่ารายได้จากการเพาะปลูกพืชผลเดิมรวมถึง เพื่อเป็นการเพิ่มพื้นที่ป่าป้องกันอุทกภัยและน้ำป่าไหลหลากในพื้นที่ลาดสูงชันในภาคเหนือ

รมช.เดชอิศม์ กล่าวว่า จะเสนอให้มีนโยบายและแผนรวมถึงประสานงานกับกองทุนสีเขียวด้านสิ่งแวดล้อมต่างประเทศเพื่อให้มีการใช้นวัตกรรมดังกล่าว ในการจัดการเศษวัสดุการเกษตรในพื้นที่การเพาะปลูกทั่วประเทศให้เป็นชีวมวลอัดเม็ด เพื่อสร้าง พลังงานสะอาดให้กับประเทศไทยเพื่อดึงดูดนักลงทุนต่างชาติให้มาลงทุนและเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดมลพิษฝุ่น PM 2.5 จากการเผาเศษวัสดุการเกษตรทั่วประเทศภายในปี 2571

รมช.เดชอิศม์ ยังกล่าวอีกว่า การใช้นวัตกรรมสีเขียวเพื่อเป็นวิธีการเชิงการป้องกันไม่ให้เกิดมลพิษฝุ่น PM 2.5 จากการเผาเศษวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรในพื้นที่เพาะปลูกทั่วประเทศภายในปี 2571ดังกล่าว จะทำให้กระทรวงสาธารณสุขสามารถป้องกันไม่ให้ประชาชนกว่าหลายล้านคนต่อปีต้องเจ็บป่วยและอีกหลายหมื่นคนต่อปีไม่ต้องเสียชีวิตก่อนวัยอันควรและทำให้กระทรวงสาธารณสุขไม่ต้องเสียงบประมาณในการรักษาผู้ป่วยกว่าหลายแสนล้านบาทต่อปีรวมถึงยังสามารถป้องกันความเสียหายทางเศรษฐกิจได้กว่าหลายแสนล้านบาทต่อปี เป็นการคืนลมหายใจสะอาดให้กับประชาชนและพี่น้องทั่วประเทศรวมถึงยังสร้างรายได้เพิ่มขึ้นให้กับเกษตรกรเป็นการแก้ไขปัญหาความยากจนให้กับประชากรในอีกทางหนึ่ง

นอกจากนี้ยัง สามารถผลิตพลังงานไฟฟ้าสะอาดจากพลังงานหมุนเวียนชีวมวลอัดเม็ดจากเศษวัสดุการเกษตรดึงดูดนักลงทุนต่างชาติให้มาลงทุนรวมถึงยังทำให้ภาคอุตสาหกรรมส่งออกมีเชื้อเพลิงชีวมวลอัดเม็ดใช้แทนเชื้อเพลิงฟอสซิลลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนป้องกันการถูกกีดกันทางการค้าจากมาตรการกำแพงภาษีการปล่อยก๊าซคาร์บอนข้ามแดน(CBAM) สร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจและสังคมเพื่อการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืน ตามนโยบายของนายกรัฐมนตรี กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม, สำนักงานส่งเสริมการลงทุน สำนักนายกรัฐมนตรี คณะรัฐมนตรี