รศ.ดร.ทวิดา กมลเวชช รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวความคืบหน้าแนวทางเฝ้าระวังภาวะโภชนาการของเด็กวัยเรียนสังกัด กทม.และนอกสังกัดว่า พื้นที่กรุงเทพฯ มีโรงเรียนทั้งหมดกว่า 900 แห่ง อยู่ในสังกัด กทม. 437 แห่ง จากการเก็บข้อมูลสุขภาพนักเรียนถึงวันที่ 1 มี.ค.68 พบว่า ภาคเรียนที่ 1 พบนักเรียนภาวะผอม 7.14% ภาวะสมส่วน 63.83% ภาวะเริ่มอ้วน 8.49% ส่วนภาคเรียนที่ 2 พบนักเรียนภาวะค่อนข้างผอม 7.41% ภาวะท้วม 5.42% และภาวะอ้วน 7.65% ขณะที่ผลการตรวจเลือดจากห้องปฏิบัติการในโครงการตรวจสุขภาพฟรี 1 ล้านคน ระบุ พบคนกรุงเทพฯ 74,483 คน (36.86%) ไขมันในเลือดสูง 33,142 คน (16.4%) โลหิตจาง 32,065 คน (15.97%) ไต รวมถึงโรคอื่น ๆ ตามลำดับ จากจำนวนผู้เข้ารับบริการทั้งหมด 525,403 คน
รศ.ดร.ทวิดา กล่าวว่า ข้อมูลจากนักเรียนกว่า 250,000 คน สัดส่วนภาวะอ้วนในนักเรียนชั้นประถมศึกษามีมากที่สุด คาดว่าผู้ปกครองให้อิสระในการเลือกรับประทานอาหารได้มากขึ้น และยังไม่ถึงวัยที่ต้องกำกับเรื่องอาหารมากนัก รองลงมาคือนักเรียนชั้นมัธยมฯ คาดว่าเริ่มมีการใส่ใจสุขภาพให้สวยงามตามวัยมากขึ้น แต่ขอเตือนว่าอย่าห่วงภาวะอ้วนมากเกินไป ไม่ควรอดอาหาร ขอให้เน้นความแข็งแรงเป็นหลัก เนื่องจากพบตัวเลขภาวะผอมและค่อนข้างผอมถึง 7% ส่วนนักเรียนชั้นอนุบาลพบภาวะอ้วนน้อยที่สุด คาดว่าผู้ปกครองเป็นผู้กำกับดูแลด้านอาหารที่เหมาะสม
ด้านการป้องกันและรักษาในเด็ก สำนักอนามัยมีโครงการตรวจสุขภาพในโรงเรียน สามารถประเมินภาวะอ้วนและแนะนำเรื่องการซื้ออาหารนอกเหนือจากที่โรงเรียนจัดให้ ทั้งนี้ เมื่อผู้ปกครองทราบข้อมูลเกี่ยวกับเด็กแล้ว หากพบเสี่ยงเป็นโรคอ้วน สามารถเข้ารับบริการคลินิกโรคอ้วนในเด็ก ที่โรงพยาบาลสังกัด กทม. ทั้งแบบเดินเข้ามาทันทีหรือนัดล่วงหน้าผ่านเว็บไซต์ของโรงพยาบาลเพื่อแอดไลน์ ซึ่งการดูแลเบื้องต้นแพทย์จะสอบถามพฤติกรรมการกิน และความเสี่ยงต่าง ๆ จากนั้นจะเจาะเลือดเพื่อตรวจภาวะแทรกซ้อน เช่น น้ำตาล ไขมัน เมื่อคัดกรองแล้วจะมีแพทย์เฉพาะทางหลายด้านคอยให้บริการเฉพาะราย เช่น เวชศาสตร์กีฬา โภชนาการ หรือบางรายอาจให้นักจิตแพทย์เด็กและวัยรุ่นดูแลควบคู่ไปด้วย เพราะวิธีรักษาจะไม่เน้นอดอาหาร แต่จะเน้นกินอาหารที่มีคุณภาพ
ส่วนการป้องกันและรักษาในประชาชนทั่วไปจะมีลักษณะเดียวกัน ซึ่งทุกโรงพยาบาลในสังกัด กทม. มีคลินิกโรคอ้วน/โรคเบาหวาน มีการจัดทีมเยี่ยมบ้านผู้ป่วยที่เป็นโรคเบาหวาน กรณีพบผู้ป่วยอยู่ในขั้นวิกฤตจะนำตัวส่งโรงพยาบาล เช่น น้ำตาลสูง น้ำหนักมาก ผู้ป่วยรู้สึกท้อแท้ช่วยเหลือตัวเองได้ยาก ไม่สามารถลดน้ำหนักด้วยตัวเองตามธรรมชาติได้ โดยแพทย์จะพิจารณาร่วมกับผู้ป่วยถึงแนวทางผ่าตัดกระเพาะ ซึ่งกรณีนี้ต้องผ่านการตรวจและทดสอบเฝ้าดูอาการรวมถึงได้รับความยินยอมจากผู้ป่วยด้วย อย่างไรก็ตาม ประชาชนทั่วไปควรตรวจสุขภาพเพื่อรู้โรคและรักษาตั้งแต่ต้น เพื่อไม่ต้องไปถึงขั้นตอนการผ่าตัดจะดีที่สุด และสามารถเข้ามาปรึกษากับแพทย์ที่คลินิกโรคอ้วนและเบาหวานได้ทันที เพื่อแพทย์จะให้คำแนะนำและยาที่เหมาะสมกับแต่ละคน นอกจากนี้ สามารถนัดหมายหรือติดตามการรักษาต่าง ๆ ได้ที่แอปพลิเคชั่น หมอ กทม.