วันที่ 4 มี.ค. 2568 ที่รัฐสภา ในการประชุมวุฒิสภา ที่มีนายบุญส่ง น้อยโสภณ รองประธานวุฒิสภา คนที่สอง ทำหน้าที่ประธานในการประชุม พล.ต.ต.ฉัตรวรรษ แสงเพชร สว. สว. ในฐานะประธานคณะกรรมมาธิการ (กมธ.) กิจการองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ การป้องกันและปราบปรามการทุจริต ประพฤติมิชอบ และการเสริมสร้างธรรมาภิบาล วุฒิสภา เสนอญัตติ เรื่อง ขอเสนอญัตติให้วุฒิสภาพิจารณาปัญหาด้านกระบวนการยุติธรรมและการบังคับใช้กฎหมาย
จากนั้นพล.ต.ท.บุญจันทร์ นวลสาย สว. อภิปรายอย่างดุเดือด ว่า ตนเป็นผู้แทนปวงชนชาวไทยตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พร้อมขอให้เพื่อนสมาชิกเปิดลิ้นชักออกมา นำรัฐธรรมนูญมาอ่าน และติดตามที่ตนจะอภิปราย ที่ผ่านมาเป็นข่าวอึกทึกครึกโครมมาก ประชาชนตื่นเต้นมากว่าวุฒิสภาเป็นอะไร เป็นอั้งยี่ตั้งแต่เมื่อไหร่ เป็นไปได้อย่างไร พวกเรามาตามบทบาท มาตามหน้าที่ มาตามครรลองของการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และมาตามรัฐธรรมนูญปี 2560 แต่คำกล่าวของบางท่าน เขียนป้ายใส่หน้าอกแล้วกล่าวหาว่าเป็นอั้งยี่ มันอะไรกันนักหนามันคืออะไร แต่คำว่าอั้งยี่ เป็นการรวมกลุ่มตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป รวมตัวกันเป็นสมาคมหรือองค์กรที่กระทำความผิดทางอาญา ซึ่งหากเป็นแบบนั้น ขอให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ไปตรวจสอบการเลือกตั้งทั่วประเทศเลย แบบนี้มันเป็นอั้งยี่หมดทั่วประเทศ ตีความผิดหรือไม่ จินตนาการหรือไม่ว่าที่ผ่านมาเป็นอั้งยี่
“ท่านบุญส่ง สมมติว่าท่านไม่สบาย ไปโรงพยาบาล โรงพยาบาลจะมีเจ้าหน้าที่ใช่หรือไม่ครับ อยู่ไหน อะไรยังไง ป่วยเป็นอะไร แล้วส่งต่อรายละเอียดไปให้หมอเป็นคนพิจารณาใช่หรือไม่ครับ แต่ตอนนี้ดีเอสไอเป็นเพียงเจ้าหน้าที่เบื้องต้น แต่ประกาศปาวๆ ว่าสว. เป็นอั้งยี่ซ่องโจร คนทั้งประเทศแตกตื่นหมด ไปไหนมาไหนก็ถามหมด ชี้หน้าหมด ตอนนี้ไม่กล้าเดินแล้ว” พล.ต.ท.บุญจันทร์ กล่าว
พล.ต.ท.บุญจันทร์ กล่าวอย่างมีอารมรณ์ ว่า เราไม่กลัวการตรวจสอบ แต่ขออนุญาต ทำงานทำหน้าที่ไป แต่อย่าเอาปากทำ อย่าพูดมาก ลิ้นมันจะพันคอท่าน สิทธิเสรีภาพของ สว.รัฐธรรมนูญเขียนไว้ ป้องคุ้มครอง มีสิทธิในความเป็นอยู่ส่วนตัว ชื่อเสียง เกียรติยศและครอบครัว
“อธิบดีดีเอสไอและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม อย่าใช้ปากทำงาน ใช้ส่วนอื่นทำ ทำหน้าที่ไป ถ้าทำไปพูดไป ความผิดจะตามมาหลายเรื่อง ยกตัวอย่าง หมิ่นประมาท ผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ เห็นได้ชัดเจนแล้วว่าตอนนี้ สว. ทุกท่านที่นั่งอยู่ในห้องเกือบ 200 คน ถึงเวลาที่ต้องลุกขึ้นมายืนปกป้องสิทธิว่าพวกเรามาโดยชอบ มาโดยถูกต้องพิสูจน์ให้พี่น้องประชาชนทั่วประเทศได้เห็น ตอนนี้หลายกรรมาธิการ (กมธ.) ลงพื้นที่ตรวจสอบทำงานเพื่อพี่น้องประชาชน เพื่อให้เห็นว่า สว. มีไว้ทำไม แต่ขณะเดียวกัน มีบางคนมันกระตุกขา กระตุกทำไม กระตุกเพื่ออะไร ตอนนี้เรากำลังทำทุกอย่างเดินไปด้วยดี แต่มีมารผจญ บางอย่างมากระตุก มาใส่ร้ายป้ายสีพวกเราตลอดเวลา เพราะฉะนั้น ทุกคนต้องลุกขึ้นมายืนหยัด” พล.ต.ท.บุญจันทร์ กล่าว
พล.ต.ท.บุญจันทร์ ย้ำว่า ดีเอสไอเป็นแค่เจ้าหน้าที่ ไม่ใช่หมอ พร้อมยกตัวอย่างว่า นายบุญส่งป่วยจะตายแล้ว มันเสียหายหรือไม่ ถ้าหมอยังไม่ทันได้พูดเลย แต่เจ้าหน้าที่เบื้องต้นมาก่อน คนที่พูดออกสื่อตลอดเวลา ความรับผิดมันจะเกิดกับท่านตลอดเวลาด้วย เราห่วงใยในการทำงาน เรามาร่วมมือกันทำงาน เพื่อพัฒนาประชาธิปไตย พัฒนาประเทศชาติพัฒนาบ้านเมืองให้ดีขึ้นดีหรือไม่ ดีกว่ามาคอยกระตุกขากัน
ต่อมานายชินโชติ แสงสังข์ สว.อภิปรายว่า ขอปรักปรำฟันธงว่า ถ้าวันที่ 6 มี.ค.นี้ ดีเอสไอรับคดีเลือกสว.มาทำ แสดงว่า มีวาระซ่อนเร้น รับใช้กลุ่มบุคคล กลุ่มการเมือง การเลือกสว.ไม่ใช่หน้าที่ดีเอสไอ เป็นหน้าที่กกต.จะทำงานช้า ผิดพลาด ก็ไปฟ้องกกต.ละเลยปฏิบัติหน้าที่ ที่เจ็บปวดคือ โยนข้อหาอั้งยี่ ซ่องโจร ให้สว. โจรอั้งยี่มีจริง โจรคอลเซ็นเตอร์มีจำนวนมาก ดีเอสไอทำเรื่องนี้หรือยัง จะทำกี่โมง ถ้าดีเอสไอทำเรื่องเลือกตั้งเองก็เอายางลบลบองค์กรอิสระออกจากสารบบได้เลย ต่อแต่นี้ดีเอสไอจะต้องรับทุกเรื่อง ในฐานะทำงานด้านแรงงาน ต่อไปถ้าโกงค่าแรง ไม่ต้องร้องกระทรวงแรงงาน วิ่งไปร้องดีเอสไอ ตนไม่มีอคติ แต่มีความรู้สึกดีเอสไอเล่นการเมืองมากเกินไป ดีเอสไอไม่มีหน้าที่เรื่องนี้