อุ๊งอิ๊งค์ ลั่นเป็นนายกฯเจนวาย ไม่ขอชี้นิ้วใครเป็นผู้นำ แซะ ฝ่ายค้าน ปรามาสภาวะผู้นำ ชี้เวที ซักฟอก เดี๋ยวชี้แจงให้ดู วิสุทธิ์ ถาม ฝ่ายค้าน ฝันกลางวันหรือเปล่า หวังยุบสภาหลังซักฟอก ขู่กลับยุบฝ่ายค้านหรือเปล่า ส่วน "ทวี" ลั่น 6 มี.ค. ถก กคพ. ต้องจบ รับ-ไม่รับ "คดีฮั้ว สว."  แจงปมโพยหลุด พบชื่อตรงกัน "138 คน" อยู่ในสภา "สว.ฉัตรวรรษ" เมิน "ดีเอสไอ" กวาดสอบ 1,200 รายชื่อ ปม "ฮั้วเลือก สว." ขู่ระวังถูกฟ้อง ส่วน คลังรื้อเงื่อนไขคนเล่น คาสิโน ตัดออกมีเงินในบัญชี 50 ล้านเล่นได้ เปลี่ยนเป็นต้องยื่นแบบชำระภาษีย้อนหลัง 3 ปี

         ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อเวลา 10.05 น. วันที่ 3 มี.ค.68 น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์กรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ เดินทางเข้าบ้านพิษณุโลกเพื่อพูดคุยกับคณะที่ปรึกษานโยบายของนายกรัฐมนตรีได้เล่าอะไรให้ฟังหรือไม่ว่า คณะที่ปรึกษาได้เล่าให้ฟังเป็นการถามแนวทางกันมากกว่า เป็นเรื่องที่ภาพใหญ่ๆ ทีมที่ปรึกษาจะมีการเชิญหน่วยงานต่างๆ มาให้ข้อมูล อย่างวันนั้นที่นายทักษิณมาคงมีการถามเรื่องการมองภาพรวมหลังนายโดนัลด์ ทรัมป์ เป็นประธานาธิบดีสหรัฐ รวมถึงมองเศรษฐกิจของโลกอย่างไร แต่วันนั้นไม่ได้เจอเพราะนายทักษิณ ออกไปก่อนที่ปรึกษาจึงเล่าให้ฟัง แต่ตนยังไม่ได้คุยกับนายทักษิณ ในเรื่องดังกล่าว 
       
  เมื่อถามว่า ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจเตรียมความพร้อมอย่างไรที่บอกจะมีการตั้งองครักษ์จะให้ใครเป็นหัวหน้าทีม น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า ยังไม่มีรายละเอียดแต่ทุกคนให้ข้อมูลมาเยอะพอสมควรแล้วว่าจะเป็นอย่างไรบ้าง เพราะความจริงตนไม่เคยอภิปรายหรือโดนอภิปรายมาก่อน เดี๋ยวคงต้องลองดูว่าเป็นอย่างไรบ้าง แต่เอาแน่ๆคือต้องชี้แจงข้อเท็จจริงและเน้นย้ำในเรื่องของกฎหมาย 
        
 เมื่อถามว่า เวทีซักฟอก จะเป็นเวทีตัวชี้วัดประสิทธิภาพหลัก (KPI) ของแต่ละกระทรวงหรือไม่ น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า ไม่หรอกเดี๋ยวลองดูกัน เพราะตอนที่ได้คุยกันทุกกระทรวงพร้อมชี้แจงอยู่แล้ว เคพีไอหากจะเห็นได้ ก็เห็นตั้งแต่ที่ทำงานแล้วว่า นโยบายของแต่ละกระทรวงออกหรือไม่ 
       
  เมื่อถามว่า เตรียมข้อมูลอะไรเป็นพิเศษบ้างในการรับมืออภิปราย น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า อาจจะบอกไม่ได้ตอนนี้ แต่ได้เตรียมข้อมูลข้อเท็จจริงเรื่องตัวเลข ซึ่งเป็นข้อมูลที่จับต้องได้ 
     
    เมื่อถามอีกว่า เวทีซักฟอกจะเป็นเวทีโชว์ศักยภาพภาวะผู้นำของนายกฯ หรือไม่ เพราะผลนิด้าโพลล่าสุดประชาชนไม่พอใจผลงานและไม่เชื่อมั่นภาวะผู้นำของนายกฯ น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า ที่ฝ่ายค้านตั้งหัวข้อเรื่องภาวะผู้นำ เดี๋ยวจะต้องชี้แจง ความจริงภาวะผู้นำให้ประชาชนตัดสิน เราไม่อยากไปชี้นิ้วว่า ใครเป็นผู้นำหรือไม่เป็นผู้นำในแบบของเรา ถ้าเราจะว่าใคร เราต้องเป็นผู้นำให้ได้ก่อนแล้วค่อยพูดถึงคนอื่นได้ แต่ตนคิดว่าต้องทำเต็มที่ เตรียมข้อมูลที่จริงไปเล่าให้ประชาชนฟัง น่าจะเป็นสิ่งที่ถูกต้องกว่า ส่วนผลโพลสำนักไหนๆ ออกมารับฟังหมดเพราะถือว่าได้เก็บความคิดเห็นของประชาชนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งมาแล้ว ซึ่งน่ารับฟังทั้งนั้นและพร้อมจะปรับตัว ทั้งนี้นิด้าโพลก็มีโพลมาทุกกระทรวง คิดว่าทุกกระทรวงควรรับฟังความคิดเห็นของประชาชนไปปรับตัวเพิ่มเติม เป็นสิ่งที่เราควรทำอยู่แล้ว 
        
 เมื่อถามว่า จะพลิกวิกฤติตรงนี้เป็นโอกาสเพื่อชี้แจงประชาชน น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า  เป็นเวทีที่ดีที่จะได้ทำให้ประชาชนเข้าใจในข้อมูลที่แท้จริง และเข้าใจความเป็นดิฉันที่เป็นนายกฯ เจนวาย ก็อยากให้ทุกคนเข้าใจว่า บางที่เราอาจยังไม่มีนายกฯเจนวาย เพราะฉะนั้นก็จะได้เข้าใจซึ่งกันและกัน 
     
    ด้าน นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯและรมว.กลาโหม กล่าวถึงการอภิปรายไม่ไว้วางใจที่ฝ่ายค้านเหมือนจะไม่พอใจที่รัฐบาล ในการให้เวลาเพียงวันเดียวว่า เพิ่งทำงานมาประมาณ 5 เดือน และจะอภิปรายนายกฯเพียงคนเดียวคงไม่มีอะไรให้อภิปรายมาก ไม่เช่นนั้นทำไมไม่อภิปรายรัฐมนตรีทุกคนเลย ถ้าเป็นอย่างนั้นจะเอา 5 วันก็ให้ได้ แต่นายกฯคนเดียวจะเอา 3 วัน 5 วัน จึงขออย่าใช้เวทีนี้มาประลองฝีปาก 
      
   เมื่อถามว่า ที่สุดแล้วจะให้อภิปรายเพียงแค่ 1 วันใช่หรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า เป็นเรื่องของสภาที่จะตกลงกันมา 2 วัน 3 วัน หรือ5 วัน รัฐบาลรับได้อยู่แล้ว อยู่ที่สภากำหนดรัฐบาลต้องทำตาม 
       
  ส่วนนายชูศักดิ์ ศิรินิล รมต.ประจำสำนักนายกฯกล่าวว่า หากการอภิปรายมีชื่อพาดพิงถึงนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ เชื่อว่าจะมีการประท้วงกันแน่นอน ซึ่งพูดกันแล้วว่า ห้ามพูดถึงบุคคลภายนอก โดยไม่จำเป็น ก็อยู่ที่ประธานสภา ไม่เช่นนั้นจะลำบาก
       
  ขณะที่ นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล หรือ วิปรัฐบาล ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าการอภิปรายไม่ไว้วางใจของฝ่ายค้านว่า ยังไม่แน่ใจว่าประธานสภาผู้แทนราษฎรจะนัดหารือเพื่อกำหนดกรอบวันประชุมแล้วหรือไม่ ซึ่งจะมีการเรียกประชุมวิป 3 ฝ่าย เพื่อหารือถึงกรอบเวลากัน โดยได้คุยคร่าวว่าเป็นวันที่ 24 มี.ค. แต่ยังไม่มีมีการนัดคุยเรื่องนี้โดยตรง ซึ่งหากจะอภิปรายนายกรัฐมนตรีคนเดียว ตนคิดว่าวันเดียวน่าจะเหมาะสม เที่ยงคืนก็น่าจะจบ ทุกท่านก็เห็นว่า เมื่อก่อนเราอภิปรายกัน 3 วัน แล้วไปลงมติกันวันที่ 4 เป็น เพราะอภิปรายรัฐมนตรีหลายคน
     
  เห็นฝ่ายค้านออกมาเรียกร้อง 5 วัน ซึ่งโดยปกติ ตามกติกามารยาท ต้องรอให้เรียกมาประชุมพร้อมกันก่อน ทั้ง 3 ฝ่าย เพื่อหารือกัน ครั้งนี้เห็นออกมาเรียกร้องกันตั้ง 5 วัน ก่อนหน้านี้ตั้ง 2-3 อาทิตย์แล้ว บอกว่าถ้าไม่ให้ 5 วัน ก็ถือว่าใจไม่กว้าง งั้นก็ร้องให้ฝ่ายค้านเป็นรัฐบาลก่อน ค่อยมาให้ 5 วัน หรือ 10 วัน ตอนนี้ผมให้แค่วันเดียวก่อน นายวิสุทธิ์ กล่าว
      
   เมื่อถามว่าการอภิปรายของฝ่ายค้าน แม้จะลงมติแค่นายกรัฐมนตรีคนเดียว แต่อภิปรายหลายกระทรวง นายวิสุทธิ์ กล่าวว่า รัฐธรรมนูญและข้อบังคับเขียนไว้ชัดเจน จะอภิปรายถึงกระทรวงไหนก็แล้วแต่ คนที่รู้ดีที่สุดคือเจ้ากระทรวง ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาโดยตรง นายกฯก็สามารถใช้ข้อบังคับ บอกให้รัฐมนตรีลุกขึ้นมาตอบได้ในเรื่องนั้นๆ
     
  นายกฯคงไม่สามารถตอบได้ทุกเรื่อง แต่ท่านก็สามารถตอบได้อยู่แล้ว ขอให้เชื่อมั่นในตัวนายกฯในการชี้แจงแถลงไข ผมฟังแล้ว ก็ถือว่าสุดยอด ท่านเกิดมาในบ้านนักการเมือง มีความรู้ความสามารถความเชี่ยวชาญด้านต่างๆ ถือว่า เป็นคนที่เก่งคนหนึ่งนายวิสุทธิ์ กล่าว
     
    เมื่อถามว่านายกฯระบุว่าต้องตั้งองครักษ์ เพราะคอแห้ง วิปรัฐบาลได้เตรียมการไว้หรือยัง นายวิสุทธิ์ กล่าวว่า องครักษ์ในที่นี้หมายถึงคนชี้แจงแทน จะให้นายกรัฐมนตรีชี้แจงทุกเรื่องคงเป็นไปไม่ได้ จะต้องมีพรรคอื่น ที่ดูแลกระกระทรวงนั้นๆ เป็นคนชี้แจง ส่วนในพรรคเพื่อไทยก็เตรียมการไว้แล้ว ถ้าอภิปรายอยู่ในข้อบังคับ ไม่มีพาดพิงถึงบุคคลภายนอกก็ไม่มีประท้วง จะไม่ทำให้เสียบรรยากาศ ยกเว้นทำผิดข้อบังคับ   
      
   เมื่อถามว่านายกฯจะต้องอยู่อภิปรายตั้งแต่ต้นจนจบหรือไม่ นายวิสุทธิ์ กล่าวว่า ตนมั่นใจว่าถึงนายกรัฐมนตรี ไม่อยู่ก็จะฟังอภิปราย และมีทีมงานสรุปให้ แต่อาจจะไม่ได้นั่งอยู่ตลอดเวลา 24 ชั่วโมง
       
  เมื่อถามว่านายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จะต้องเข้ามาสังเกตการณ์ในรัฐสภาหรือไม่ นายวิสุทธิ์ กล่าวว่า ในข้อบังคับไม่อนุญาตให้อภิปรายคนนอก จะอภิปรายได้ก็ต่อเมื่อเป็นรัฐมนตรีหรือผู้บริหาร ไม่ใช่อภิปรายคนที่อยู่นอกสภา จะอภิปรายไม่ได้ ข้อบังคับเขาไม่ให้ ไม่เคยมีในประวัติศาสตร์ไปอ่านข้อบังคับให้ดีก่อน
      
   เมื่อถามย้ำว่าในญัตติเขียนชัดเจนว่าบิดาของนายกฯ นายวิสุทธิ์ กล่าวว่า แน่นอน นายทักษิณเป็นบิดาของนายกรัฐมนตรี ใครก็ทราบกันทั่วแผ่นดิน ทั่วโลก และเป็นเรื่องธรรมดา ถ้าจะไปปรึกษา นายทักษิณ เพราะเป็นอดีตนายกรัฐมนตรี 2 สมัย ทำให้คนไทยอยู่อย่างมีความสุข เป็นที่ปรึกษาประธานอาเซียน ถือว่าเป็นคนมีความรู้ความสามารถ ไม่ใช่เรื่องก้าวก่ายการบริหารราชการแผ่นดิน
       
  เมื่อถามว่ากังวลหรือไม่ ถ้ามีการอภิปรายเสี้ยมพรรคร่วมรัฐบาลให้แตกกัน นายวิสุทธิ์ กล่าวว่า วิธีการใช้บ่าง มันคงไม่บังเกิดผลในการอภิปรายครั้งนี้ ส่วนกังวลหรือไม่ เพราะฝ่ายค้านตั้งเป้าไปถึงการยุบสภา นายวิสุทธิ์ ทวนคำถามก่อนกล่าวทันทีว่า ฝันกลางวันหรือไม่ ระวังนะ คอยดูก็แล้วกัน ว่าจะยุบสภา หรือยุบพรรคฝ่ายค้าน
      
   ฝ่ายค้านระบุว่าหากคะแนนรัฐบาลหายไปเสียงเดียว อาจจะสะเทือนได้ นายวิสุทธิ์ กล่าวว่า มันไม่สะเทือนหรอก ในการอภิปรายไม่มีใครได้คะแนน 100% ต้องมีบ้างคนที่ไม่สบาย ป่วย หรือสุขภาพไม่ดีมาไม่ได้ ตั้งแต่อยู่มา 20 ปี คนที่ได้คะแนนเสียง 100% ไม่เห็นเคยได้ แต่มั่นใจในพรรคร่วมรัฐบาลว่ามีทิศทางเดียวกัน แม้จะมีความคิดแตกต่างกันบ้างเป็นเรื่องธรรมดา เป็นความสวยงามของระบอบประชาธิปไตย
       
  ส่วนที่มีการวิเคราะห์กันว่าอาจจะมีการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) นายวิสุทธิ์ กล่าวว่า ตนอยู่ฝ่ายนิติบัญญัติ นายกฯอยู่ฝ่ายบริหาร เป็นหน้าที่ของนายกรัฐมนตรี ตนไม่ก้าวล่วง
        
 เมื่อถามว่า จะพลิกวิกฤติตรงนี้เป็นโอกาสเพื่อชี้แจงประชาชน น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า  เป็นเวทีที่ดีที่จะได้ทำให้ประชาชนเข้าใจในข้อมูลที่แท้จริง และเข้าใจความเป็นดิฉันที่เป็นนายกฯ เจนวาย ก็อยากให้ทุกคนเข้าใจว่า บางที่เราอาจยังไม่มีนายกฯเจนวาย เพราะฉะนั้นก็จะได้เข้าใจซึ่งกันและกัน
    
     ขณะที่ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม กล่าวถึงกรณีเอกสารหลุดรายชื่อผู้สมัคร สว. และผู้ได้รับเลือก สว. ประมาณ 1,200 ราย เป็นบุคคลที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เตรียมเรียกสอบปากคำในฐานะพยานในคดีฮั้วเลือก สว. ว่า เอกสารดังกล่าวไม่ได้หลุดจากดีเอสไอ แต่ได้สอบถามไปว่าในวันที่มีการเลือก สว. ที่เมืองทองธานี มีการเลือกประมาณ 3,000 รายเศษ ทราบว่ามีโพยและรายชื่อประมาณ 1,000 คน ซึ่งน่าจะเป็นข้อมูลชุดนี้มากกว่า
            
     ในส่วนของดีเอสไอจะตรวจสอบรายชื่อที่เข้ามา และอาจมีมากกว่าประมาณ 1,200 คน ซึ่งการที่มีรายชื่อไม่ได้ยืนยันว่าเขาทำผิดหรือไม่ ตามหลักการของดีเอสไอ จะพยายามเรียกทุกคนที่รู้เห็นมาให้ข้อมูล ส่วนจะเป็นข้อมูลใหม่หรือไม่ ต้องไปถามพนักงานสอบสวน แต่ไม่ว่าจะอยู่ในหรือนอกเมืองทองธานี ก็ต้องมาให้ข้อมูล แต่ขอให้มีการประชุมคณะกรรมการคดีพิเศษ (กคพ.) ในวันที่ 6 มี.ค.นี้ก่อน เพราะยังไม่มั่นใจว่าเป็นคดีพิเศษหรือไม่

  ผู้สื่อข่าวถามว่า มีแนวโน้มที่จะรับเป็นคดีพิเศษหรือไม่ พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า ในสำนวนมีมากและเข้มข้นกว่านี้ เมื่อถามถึงกระแสข่าวว่าทางเลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกาแสดงความเห็นในที่ประชุมว่า ดีเอสไอไม่มีอำนาจสอบในเรื่องดังกล่าวนั้น พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า ก็จะนำมาพิจารณา แต่ในวันนั้นท่านไม่ได้พูดแบบนี้ ท่านพูดหลักการว่าไม่อยากให้ไปแทรกแซงองค์กรอิสระ ผู้ทรงคุณวุฒิก็ตอบแล้วว่าอันนี้เป็นคนละส่วน ซึ่งเราต้องยึดกฎหมาย ก็ไม่มีประเด็น โดยความเป็นจริงแล้วท่านมีความเห็นที่ดีหลายความเห็น ก็ให้ดีเอสไอไปดูให้ละเอียด เพราะในความผิดอาญา หรืออื่นๆ มันเป็นความผิดของดีเอสไออยู่แล้ว ไม่คงไม่มีไม่มีปัญหาอะไร และเชื่อว่าการทำงานจะไม่มีปัญหา
 
       เมื่อถามถึงกรณี สว. ยื่น ป.ป.ช. ตรวจสอบ พ.ต.อ.ทวี และ พ.ต.อ.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีดีเอสไอ จะทำให้การทำงานมีปัญหาหรือไม่ รมว.ยุติธรรม กล่าวว่า ไม่มีปัญหา ในระบบประชาธิปไตยหากรู้สึกไม่ได้รับความเป็นธรรมก็มีการใช้สิทธิ์ได้ และยืนยันว่าไม่ใช่เรื่องการเมือง แต่คนที่ยื่นคำร้อง หากดูเอกสารที่เป็นตัวเลข หรือในโพย อาจเป็นตัวเลขที่ตรงกัน ซึ่งก็มีเอกสารที่ปรากฏว่ามีรายชื่อที่ยื่นในจำนวน 140 คน คือมี 138 คนที่อยู่ในสภา มีชื่อที่ปรากฏอยู่ในโพย และมีอีกประมาณ 62 คนที่ไม่ปรากฏ

  เมื่อถามว่า ถือเป็นหลักฐานที่ชัดเจนหรือไม่ พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า ไม่ใช่หลักฐานที่ชัดเจน แต่เป็นหลักฐานที่ได้มาในแต่ละแห่ง มายื่นให้  ส่วนในการประชุม กคพ. วันที่ 6 มี.ค.จะได้ข้อสรุปว่าจะรับหรือไม่เป็นคดีพิเศษ และเรื่องต้องจบ