สตูลฉาว! ครูอนุบาลทำร้ายเด็ก 4 ขวบกลางศูนย์เลี้ยงเด็ก สั่งย้ายด่วน-สอบสวนเข้ม พบผู้ปกครองร้องเพิ่มไม่น้อยกว่า 2 ราย
ที่องค์การบริหารส่วนตำบลทุ่งบุหลัง อำเภอทุ่งหว้า จังหวัดสตูล นายกริชชัย ภู่ฉุน นายอำเภอทุ่งหว้า เรียกประชุมทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง (ประกอบด้วย นายสัยยา ฤทธิ์เดช นายกองค์การบริหารส่วนตำบลทุ่งบุหลัง นายอัมฤทธิ์ แสงจันทร์ ผู้อำนวยการกองการศึกษาองค์การบริหารส่วนตำบลทุ่งบุหลัง, นายชยวัฒน์ ภูขะโร ผอ.กลุ่มพัฒนาการศึกษา สำนักงานศึกษาธิการจังหวัดสตูล และนางพิชญ์มาศ ปะจู นิติกรชำนาญการพิเศษสำนักงานศึกษาธิการจังหวัดสตูล, ตัวแทนนางสาวนิตยา อุสมาน นักพัฒนาสังคมชำนาญการสำนักงาน .พมจ.สตูล ,ตำรวจ,)
ซึ่งฝ่าย ท้องถิ่นนำโดย นายกองค์การบริหารส่วนตำบลทุ่งบุหลังซึ่งเป็นหัวหน้า โดยตรงของครูผู้ก่อเหตุทำร้ายเด็กวัย 4 ขวบ เหตุเกิดภายในศูนย์อนุบาล การประชุมหารือในครั้งนี้สืบเนื่องมาจาก ผู้ปกครองของเด็กได้เผยแพร่คลิป ในสื่อโซเซียล หลังได้คลิบพบว่า คุณครูภายในศูนย์อนุบาล ได้ทำร้ายร่างกายลูกของตน ซึ่งเป็นเด็กเล็กวัย 4 ขวบเพศชาย ขณะหกล้ม โดยคลิปดังกล่าวเป็นคลิปเกิดเหตุเมื่อวันที่ 6 มีนาคม 2567 ซึ่งผู้ปกครองเพิ่งจะพบหลักฐาน ถึงได้เดินทางไปแจ้งลงบันทึกประจำวันที่สถานีตำรวจ อำเภอทุ่งหว้า
นายกริชชัย ภู่ฉุน นายอำเภอทุ่งหว้า ได้สรุปการหารือกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ว่า โดยกล่าวว่า ในส่วนของคุณครูยังไม่ได้พูดคุยโดยตรงแต่มีการสืบทราบข้อมูลตรงนี้คุณครูน่าจะยอมรับในส่วนของการกระทำที่ได้กระทำไป และในส่วนของการพิจารณาย้ายไปสำนักงานอื่นได้รับทราบจากท่านนายกว่าครูก็ยินดี ไปปฏิบัติหน้าที่ที่อื่นก่อน เพื่อให้กระบวนการลุล่วงสำเร็จไปได้โดยความเรียบร้อยถูกต้องและรวดเร็ว
ส่วนสาเหตุการจูงใจนั้นนายอำเภอไม่ได้พูดกับเขาโดยตรง จึงไม่ทราบว่าเป็นภาวะการควบคุมอารมณ์หรือมีเหตุกระทบกระเทือนจิตใจมาก่อนหน้านี้ เราไม่สามารถสันนิษฐานได้ เพราะในส่วนของกระบวนการสอบข้อเท็จจริงยังไม่เริ่ม ซึ่งในการพูดคุยเขาก็ยังไม่เข้ามาพูดคุย โดยตรง แต่ในขั้นตอนการสอบสวนน่าจะปรากฏในรายงานข้อเท็จจริงว่าสาเหตุ แรงจูงใจ พฤติการณ์มีที่มาที่ไปอย่างไรมีความขัดแย้งอะไรหรือไม่ หรือจะมีความขัดแย้งกับผู้ปกครองอันนี้เป็นแค่สมมุติฐาน เราไม่สามารถจะไปชี้ชัดได้ว่าเป็นลักษณะอย่างไร เพราะจะทำให้รูปการไม่สอดคล้องกับข้อเท็จจริง
ตอนนี้ทราบว่ามีผู้ปกครองเข้ามาแจ้งให้ข้อมูลเพิ่มเติมน่าจะเกินสองราย จะต้องไปตรวจสอบเพื่อให้ทราบข้อแน่ชัดเกี่ยวกับพฤติการณ์ 1.ต้องรวบรวมทั้งหมดหลังจากเกิดเหตุการณ์ ก็เริ่มมีผู้ปกครองที่นำบุตรหลานประสานกับทาง ผอ.ท่านนายก ในส่วนนี้ก็ได้รวบรวมทั้งหมด
ได้เตรียมการติดตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงทั้งในส่วนของเคสนี้และเคสอื่นตามมาก็ได้สอบข้อเท็จจริงไปในกรณีเดียวกันไปเลย เพื่อจะได้ทราบทั้งเรื่องของพฤติการณ์และข้อเท็จจริงทั้งหมดว่าเป็นอย่างไร หากผลเรียบร้อยแล้วจะได้ดำเนินการแต่งตั้งคณะกรรมการสอบเรื่องของวินัยของพนักงานส่วนตำบลตรงนี้ให้เรียบร้อย จะได้เข้าพิจารณาในส่วนของคณะกรรมการ พนักงานส่วนตำบลระดับจังหวัด ซึ่งตรงนี้ไม่ต้องกังวลเพราะว่าประธาน อบต.เองยืนยันว่าจะให้ความยุติธรรม ส่วนตัวผมเองก็จะได้เข้ามาช่วยควบคุมดูแลตรวจสอบให้เป็นที่พึ่งช่วยเหลือท่านนายกฯ เพราะว่าบางส่วนที่อาจจะติดขัดอะไร ต้องขอความเห็นจากจังหวัด อันนี้ก็ยินดีที่จะประสานให้ ช่วยให้เกิดความเป็นธรรมขึ้น โดยเฉพาะกับทั้งเด็กและผู้ที่ถูกกล่าวหาที่ปรากฏตามหลักฐาน
ส่วนที่ 2 เรื่องของการย้ายส่วนแรกได้ย้ายพนักงานรายดังกล่าวที่เป็นข้าราชการออกมาจากศูนย์เด็กเล็กแล้ว ตอนนี้อยู่ในระหว่างขั้นตอนการพิจารณาในการส่งตัวไปปฏิบัติหน้าที่ที่สำนักงานอื่นนอกเขตพื้นที่ระหว่างกระบวนการสอบสวน เพื่อเป็นการลดความขัดแย้งและกันไม่ให้ ผู้ถูกกล่าวหายุ่งเกี่ยวกับพยานหลักฐานการจะครอบงำอะไรต่างๆเพื่อที่จะทำให้การสอบสวนเป็นกลางตามข้อเท็จจริง
กระบวนการที่สองเรื่องของคดีทางตำรวจรับไปแล้ว ซึ่งจะต้องมีการทบทวน ได้มีหนังสือทางจังหวัดสตูลได้แจ้งทางสถานีตำรวจภูธรทุ่งหว้า ดำเนินการพิจารณาว่า ทางคดีที่ผู้เสียหายได้ลงแจ้งความไว้ ถูกต้องประการใดเรื่องของโทษที่จะได้รับ
เรื่องที่สาม เรื่องของเด็กอันนี้ต้องขอบคุณทางสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์วันนี้เราจะได้ไปประเมินเรื่องของสภาพจิตใจของเด็ก หลังจากนี้ก็จะลงพื้นที่ไปประเมินสภาพจิตใจว่าเด็กต้องการความช่วยเหลืออะไรมีผลกระทบด้านจิตใจในระยะยาวหรือไม่
ต่อไปเป็นเรื่องของการที่จะต้องดูแลกำชับกวดขันกันมากขึ้น ได้พูดคุยกับท่านนายกฯแล้วท่านก็ยินดีที่จะดำเนินการเรื่องของมาตรการรักษาความปลอดภัย การตรวจสอบเพิ่มขึ้น การติดตั้งกล้องวงจรปิดภายในห้องเรียน สร้างความสบายใจให้กับผู้ปกครอง มากขึ้น ส่วนนี้ทางองค์การบริหารส่วนตำบลและเทศบาลในพื้นที่ก็ได้มีการประสานเบื้องต้นจะได้มีการปรับจะได้ตรวจสอบกันมากขึ้นทั้งในพื้นที่อำเภอทุ่งหว้า
ส่วนสุดท้ายเรื่องของใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู ก็ได้ปรึกษาไปทางศึกษาธิการจังหวัด ทางศึกษาธิการจังหวัดนำเรียนว่า จะต้องขอความร่วมมือรอผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงและเอาสำนวนการสอบสวนไปประกอบพิจารณาการพักใช้ใบอนุญาต หากเป็นเรื่องของคดีอาญาที่มีปรากฏขึ้นมาและมีโทษก็จะได้นำเสนอทางคุรุสภาเพราะอำนาจในการออกใบอนุญาตหรือการพักใช้เพิกถอนเป็นอำนาจของทางคุรุสภา ซึ่งทางศึกษาธิการ จังหวัดยินดีที่จะช่วยเหลือตรงนี้และดำเนินการต่อไป
สำหรับคุณครูคนดังกล่าวมีอายุประมาณ 48 ปี เคยทำงานอยู่ในพื้นที่เมื่อปี 2563 แหล่งข่าวชาวบ้านยังบอกว่า คุณครูผู้ก่อเหตุเป็นภรรยาของกำนัน ในอำเภอ