แม่ร้องกลุ่มฟันน้ำนม 6 คน รุมโทรมเด็กหญิงวัย 13 ขู่จะปลิดชีพยกครัวถ้าบอกใคร
จากกรณีเมื่อวันที่ 19 ก.พ.68 นายนายชวภณ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 44 ปี ได้เข้ามาแจ้งความกับ พ.ต.ท.ภูสิทธิ์ ชาญศรี สว.สส.สภ.หนองแค ว่าเมื่อวันที่ 18 ก.พ.68 เวลาประมาณ 20.00 น. ด.ช.เอ (นามสมมุติ) อายุ 14 ปี ได้มารับ ด.ญ.บี (นามสมมุติ) บุตรสาวผู้แจ้ง อายุ 13 ปี ออกไปที่บ้านของนายเก้า จากนั้น ด.ช.เอ ได้บอกให้ ด.ญ.บี ไปรอในห้องจากนั้น ด.ช.เอ ได้ทำการกระทำชำเรา ด.ญ.บี จำนวน 1 ครั้ง โดยความยินยอมของ ด.ญ.บี หลังจากที่ ด.ช.เอ เสร็จแล้ว ได้ถาม ด.ญ.บี ว่าให้เพื่อนได้หรือไม่ จากนั้นได้ให้ ด.ช.ซี (นามสมุติ) เข้ามากระทำชำเรา ด.ญ.บี จำนวน 1 ครั้ง โดยไม่ได้รับความยินยอม หลังจาก ด.ช.ซี เสร็จแล้ว ได้มี ด.ช.ดี (นามสมุติ) ด.ช.เอฟ (นามสมุติ) ด.ช.จี (นามสมุติ) และ ด.ช.ยศ (นามสมุติ) ไม่ทราบชื่อสกุลจริงได้เข้ามารุมกระทำชำเรา ด.ญ.บี โดยผลัดกันทำ ขณะนั้น ด.ช.เอและ ด.ช.ซี ก็อยู่ในห้องในดูเหตุการณ์ด้วย หลังจากที่ทุกคนกระทำชำเรา ด.ญ.บี เสร็จแล้ว ได้ให้แต่งตัว จากนั้น ต.ช.ซีได้พา ด.ญ.บีกลับมาส่งที่บ้าน
ล่าสุด วันที่ 3 มี.ค.68 “ต้นอ้อ เป็นหนึ่ง” พร้อมทีมงาน พานางบัว (นามสมมติ) แม่ของเด็กหญิงบี วัย 13 ปี มาติดตามคืบหน้าคดีที่ สภ.หนองแค จ.สระบุรี หลังเคยแจ้งความไว้เมื่อวันที่ 19 ก.พ.68 ว่าลูกสาวถูกเพื่อนรุ่นพี่ต่างสถาบันและสถาบันเดียวกันลวงไปรุมโทรม โดยมีนางสุนิสา ไชยกุล เจ้าหน้าที่พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และนายประภาวิน พื้นชมพู เจ้าหน้าที่บ้านพักเด็กและครอบครัวสระบุรี เข้ารับฟังและปรับสภาพจิตใจ ด.ญ.บี
ด้านนางบัว แม่ ด.ญ.บี เล่าว่า ตนเองเห็นว่า คดีเกิดขึ้นนานแล้วแต่ทางคดียังไม่มีการจับกุมกลุ่มเด็ก ที่ร่วมกันรุมโทรม ด.ย.บี จึงได้เข้าร้องต่อ ต้นอ้อ เป็นหนึ่ง เพื่อให้ช่วยติดตามเร่งรัดคดีให้ โดยได้เล่าว่า ลูกสาว อายุ 13 ปีถูกเพื่อนรุ่นพี่ต่างสถาบันและสถาบันเดียวกันลวงไปรุมโทรม โดยคืนวันที่ 18 ก.พ. เวลาประมาณ 19.30 น. น้องไปขอย่าออกไปซื้อขนมกับเพื่อนโดยไม่ได้บอกแม่ ย่านึกว่าไปเพื่อนผู้หญิงเลยให้ไปกับเพื่อนชายที่สนิทกัน จากนั้นเพื่อนคนดังกล่าวได้เปลี่ยนจุดหมายซึ่งไม่ได้พาน้องไปซื้อขนม แต่ได้พาน้องเข้าบ้าน ซึ่งบ้านหลังนั้นค่อนข้างไกลบ้านคน โดยในบ้านมีเพื่อนชายอีกหลายคนอยู่ที่นั่น ตอนแรกเพื่อนคนที่ไปรับบอกให้น้องเข้าไปรอในห้องและพยายามขอมีอะไรด้วยบอกว่าถ้าไม่ยอมจะไม่ให้กลับบ้าน น้องเลยต้องยอมเพราะเกิดความกลัว แต่เมื่อฝ่ายชายกระทำน้องเสร็จ เขาได้บอกกับน้องว่าให้เพื่อนมาทำด้วยนะ น้องพยายามปฏิเสธแล้วแต่มันไม่ฟัง มันเปิดประตูแล้วเรียกเพื่อ เข้ามาและข่มขู่ว่าถ้าไม่ยอมจะไม่ให้กลับบ้านดีๆน้องกลัวเลยต้องจำยอม เพราะพวกมันมีกัน 6 คน ครั้งหลังมันเข้ามาพร้อมกันผลัดกันกระทำน้อง หลังเสร็จมันขู่น้องห้ามบอกใครถ้าบอก มันจะฆ่าน้อง ฆ่ายกครัวเลย แล้วมันก็พาน้องมาส่งที่บ้านตอนสี่ทุ่ม ตอนแรกน้องยังไม่กล้าเข้าบ้าน พ่อเดินไปรอหน้าบ้านถึงเจอน้อง พ่อน้องโกรธมาก น้องยังไม่ยอมบอก มาบอกเรื่องราวจริงๆตอนห้าทุ่มค่ะ เลยพากันมาแจ้งความเกือบเที่ยงคืนแล้ว ระหว่างที่น้องหายออกจากบ้านไปแม่ตามหาน้องตลอด ไม่มีเพื่อนคนไหนรู้เรื่องเลยแม่ก็รออย่างเป็นห่วงมาก ไม่รู้จะตามที่ไหน ในใจกลัวเรื่องแบบนี้มากแล้วสุดท้ายมันก็เกิดขึ้น ซ้ำทางผู้ปกครองของกลุ่มเด็กที่ก่อเหตุไม่มีท่าทีจะแสดงความรับผิดชอบ บอกว่าให้ไปจับเอาเองเลย ขอไม่ยุ่งเกี่ยว แม่น้องผู้เสียหายพยายามติดต่อไปทางโรงเรียนต้นสังกัดของกลุ่มเด็กผู้ก่อเหตุ ทางโรงเรียนแจ้งว่าเด็กเหล่านั้นไม่มาโรงเรียนหลายเดือนแล้ว
ขณะที่ “ต้นอ้อ เป็นหนึ่ง” เผยว่า หลังทราบเรื่องตำรวจไม่ได้ทำงานช้า แต่ติดเรื่องกระบวนการคุ้มครองเด็กที่ตำรวจยังไม่ได้แจ้งกับทางสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดสระบุรี (พมจ.สระบุรี) จึงนัดกันมาลงพื้นที่ในวันนี้ / ซึ่งหลังเกิดเรื่อง ผอ.ของบางโรงเรียนที่เป็นต้นสังกัดที่กลุ่มผู้ก่อเหตุเรียน ได้บอกว่า เหตุนั้นไม่ได้เกิดในโรงเรียน จึงไม่ให้ข้อมูลเด็กผู้ก่อเหตุมา ซึ่งทางเราทราบดี แต่ผู้ก่อเหตุคือเด็กในต้นสังกัดของท่าน ท่านควรต้องให้ข้อมูลว่าเด็กเหล่านี้มีประวัติความเป็นมาเป็นอย่างไร และมีพฤติกรรมอย่างไรบ้าง โรงเรียนควรมีแอ็คชั่นในการเยียวยาสภาพจิตใจ และช่วยเหลือผู้เสียหายมากกว่านี้ อย่างไรก็ตามตอนนี้ผู้ปกครองของผู้ก่อเหตุต้องทราบพฤติกรรมของลูก ๆ ของท่าน ซึ่งเด็กกลุ่มผู้ก่อเหตุ อายุมากสุด 15 ปี บางคนอายุน้อยสุดเพียง 12 ปีเท่านั้น ยอมรับว่าตกใจช็อก ถึงจะเป็นเด็กแต่ทำตัวแบบนี้ก็ไม่ควร
นางสุนิสา ไชยกุล เจ้าหน้าที่ สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดสระบุรี (พมจ.สระบุรี) ระบุว่า หลังรับแจ้ง เราได้เชิญบ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดสระบุรีมาร่วมด้วย เราได้พูดคุยกับเด็กสภาพแล้ว น้องอยู่ในช่วงฟื้นฟูจิตใจ จึงให้คำแนะนำด้านสุขภาพจิตไป พร้อมกับแจ้งว่า หากเด็กประสงค์จะพบแพทย์จิต ทางเราจะประสานและพาไปทันที ซึ่งเรื่องนี้ต้องให้เด็กตัดสินใจว่าอยากพบจิตแพทย์หรือไม่ ส่วนในเรื่องความเป็นอยู่ ผู้ปกครองประสงค์จะเลี้ยงดูบุตรเอง ซึ่งทางเราทราบว่าครอบครัวของเด็กประกอบอาชีพสุจริตและไม่ได้เดือดร้อนเรื่องเงินมากนัก ก็จะมีพูดคุยแจ้งเรื่องรับเงินเยียวยาจากจังหวัด / นอกจากนี้ยังมีเรื่องการศึกษา ที่ทางเราจะไปคุยกับสถานศึกษาว่าเด็กต้องได้รับการศึกษาต่อ เพราะเด็กยังเรียนอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 เท่านั้น