วันที่ 28 ก.พ.68 ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจาก น.ส.สุมลฑา (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 26 ปี อยู่แขวงถนนเพชรบุรี เขตราชเทวี กรุงเทพมหานคร ว่า ตนเองมีอาชีพรับงานชงเหล้าเอนเตอร์เทน โคโยตี้ และเชียร์เบียร์ อยู่ที่ร้านแห่งหนึ่งในจังหวัดชุมพร โดยตนเองได้เปิดเฟซรับงานชื่อว่า “พีอาร์ ปาร์รีส”และได้รู้จักกับนายอุดมศักดิ์ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 28 ปี อยู่ ต.ตากแดด อ.เมือง จ.ชุมพร ซึ่งทำงานเป็นพนักงานอยู่ที่ร้านเดียวกัน หลังจากที่ได้รู้จักกันและได้เกิดชอบพอกัน และจบลงด้วยการอยู่ด้วยกันฉันสามีภรรยา โดยเราทั้งสองก็ได้จดทะเบียนด้วยกันอีกด้วย
น.ส.สุมลฑา กล่าวว่า ระหว่างที่อยู่ด้วยกัน ที่บ้านของนายอุดมศักดิ์ แรกๆความรักหวานฉ่ำดั่งข้าวใหม่ปลามัน ทุกอย่างดูดี สดใส สวยงาม จะมีบ้างเล็กน้อยก็คือนายอุดมศักดิ์ มักจะหึงหวงแล้วมักจะแสดงออก จนทางร้านตำหนิ แต่ก็จบลงด้วยดี โดยทางนายอุดศักดิ์ ลาออกไป แต่พอเข้าช่วง 2-3 เดือน พฤติกรรมเริ่มเปลี่ยน อาการเริ่มออก จากทะเลาะเพียงปากเสียงกัน กลับกลายมาลงไม้ลงมือ แต่ก็ไม่หนักแค่ลิ้นกับฟัน แต่หลังจากนั้นฤทธิ์เดชของนายอุดมศักดิ์ หนักขึ้นทุกครั้งที่ทะเลาะกัน จนตนเองเริ่มจะทนไม่ได้ จึงได้ขอหย่า แต่ทางนายอุดมศักดิ์ ไม่ยอม ตนเองจึงได้แยกกันอยู่โดยตนเองย้ายมาพักอาศัยที่ห้องเช่าร่วมกับเพื่อนที่ทำงานด้วยกัน เพื่อหลีกเลี่ยงการปะทะ
น.ส.สุมลฑา กล่าวต่อว่า แต่ทางนายอุดมศักดิ์ ก็ยังแวะเวียนมาหาและขอโอกาสกับตน จะปรับตัวใหม่ มาอ้อนวอนหลายครั้งจนตนเองใจอ่อนยอมกลับไปอยู่ด้วย แต่ไม่นาน พฤติกรรมก็ออกมาอีก ทะเลาะทุบตีกันหนักและบ่อย จนที่สุดตนเอง บอกขอหย่าแบบตัดขาดจากกัน ซึ่งทางนายอุดมศักดิ์ ก็รับปากว่าจะยอมหย่า โดยนัดไปเจอกันที่อำเภอ แต่เมื่อตนไปที่อำเภอกลับไม่เห็นหัวนายอุดมศักดิ์ มาตามคำพูดแต่อย่างใด
น.ส.สุมลฑา กล่าวต่ออีกว่า หลังจากที่นายอุดมศักดิ์ ไม่มาตามสัญญาที่รับปากว่าจะหย่าให้ ตนเองก็กลับบ้านและไม่ติดต่อกันอีกเลย แม้นายอุดมศักดิ์ จะพยายามโทรมาหา แต่ตนก็ไม่เคยรับสาย จนหลายๆครั้งที่โทรมาแล้วไม่รับสาย นายอุดมศักดิ์ ก็เริ่มส่งข้อความมาข่มขู่ อย่างต่อเนื่อง และบางครั้งก็ขับรถมาหาที่บ้านเช่า แต่ไม่พบตน พบเพียงเพื่อนและเพื่อนก็บอกที่หลังว่านายอุดมศักดิ์ มาหา และมีอาวุธปืนมาด้วย และเมื่อได้ยินอย่างนั้น ก็รู้สึกหวาดกลัวมาก และพยายามไม่เผชิญหน้า ทำงานก็ระมัดระวังตัว จนอยู่อย่างไม่เป็นสุข
“จนกระทั่งเมื่อช่วงประมาณ ตี 1 เศษ ของวันที่ 27 ก.พ.68 ขณะที่ตนเองเลิกจากทำงาน แล้วขับรถ จยย.มาที่บ้านเช่า รู้สึกแปลกไปเหมือนมีคนมาเปิดประตู จึงเปิดประตูเข้าไปในห้อง ก็พบว่าเสื้อผ้าของตนเอง หายไปจากที่แขวนไว้จนหมดเกลี้ยงราวผ้า ตนเองรู้ได้เลยว่า นายอุดมศักดิ์ เข้ามาแน่นอน จึงเดินออกไปหน้าบ้านเช่าอีกครั้ง ก็ต้องตกใจเพราะขณะที่ตนเองเปิดประตูและกำลังก้าวเท้าออกไป นายอุดมศักดิ์ ก็เดินสวนเข้ามาและลากตนเองเข้าไปในบ้านพร้อมปิดประตู ก่อนที่นายอุดมศักดิ์ อดีตแฟน จะเริ่มโวยวายต่อว่า ตนเองว่า ทำไมไม่รับสาย จะหายืมรถ จยย.ไปธุระ ทำไม่ให้ ด่าทอต่างๆนาๆอยู่สักพักใหญ่ แล้วก็เริ่มลงมือลงไม้ ชก เตะ ต่อย จนตนเองเมาหมัด มึนเท้า ล้มกลิ้งไปตามแรง ก่อนจะนอนกองทั้งจุกทั้งเจ็บ ไปทั้งตัว อยู่กับพื้นห้อง” น.ส.สุมลฑา กล่าว
น.ส.สุมลฑา กล่าวต่ออีกว่า หลังจากที่ล้มฟุบกองอยู่กับพื้น ตนเองได้พยายามจะพยุงตัวไป ขอความช่วยเหลือ แต่เพราะดึกมาก ประกอบกับนายอุดมศักดิ์ น่าจะกลัวเมื่อเห็นตนเจ็บหนัก เอ่ยปากจะพาไปหาหมอ แต่ตนเองบอกไม่ไปจนกระทั่ง อาบ้านข้างๆเปิดประตูออกมาและเข้ามาถาม และพยายามพูดคุยเกลี่ยกล่อม จนนายอุดมศักดิ์ หนีไปจากที่เกิดเหตุ จนกระทั่งช่วงเช้าตนเองได้ไปหาหมอและนำใบรับรองแพทย์มามอบให้พนักงานสอบสวน สภ.เมืองชุมพร เพื่อแจ้งความเอาผิดกับนายอุดมศักดิ์ อดีตแฟน ในข้อหาทำร้ายร่างกาย แม้ทางนายอุดมศักดิ์ จะพยายามให้ญาติโทรมาขอโทษ แต่ตนเองจะดำเนินการให้ถึงที่สุด พร้อมกันนี้ ได้นำใบแจ้งความเดินทางไปศาลเยาวชนเด็กและครอบครัว จ.ชุมพร เพื่อฟ้องหย่าอีกด้วย