กรณี “ยุ้ย” ติ๊กต๊อกเกอร์ชื่อดัง ป่วยหนักกะทันหัน ไข้ขึ้นสูง คอบวมทั้งสองข้าว ก่อนเข้ารักษาตัวที่รพ. แพทย์วินิจฉัยว่าเป็นโรคต่อมน้ำเหลืองโตบริเวณคอ  ต่อมาเกิดอาการแพ้ยารุนแรง เปลี่ยนไปรักษาอีกหลายรพ.  กระทั่งแม่ของยุ้ยแจ้งข่าวเศร้าว่าลูกสาวเสียชีวิตแล้ว ครอบครัวสูญเสียเสาหลัก พร้อมร้องขอความเป็นธรรมให้ลูกสาว เชื่อหากรู้เร็วกว่านี้ ลูกคงไม่จากไป

รายการ โหนกระแส วันที่ 28 ก.พ. 68 “ปุ้ย รสริน ประกอบธัญ” ดำเนินรายการแทน “หนุ่ม กรรชัย กำเนิดพลอย” ผลิตในนามบริษัท ดีคืนดีวัน จำกัด ออกอากาศทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 12.35 น. ทางช่อง 3 กดหมายเลข 33 สัมภาษณ์ แม่ขวัญ แม่น้องยุ้ย , มอส สามียุ้ย , ทนายสายหยุด เพ็งบุญชู, ดร.ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงสาธารณสุข , นพ.อดิสรณ์ วรรธนะศักดิ์ รองอธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข, รศ.นพ.วีระศักดิ์ จรัสชัยศรี แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านนิติเวชศาสตร์ มศว.

น้องมอสช่วยน้องยุ้ยทำงานตลอด เล่าตั้งแต่เริ่มต้นว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมต้องเข้ารพ.?

มอส : วันที่ 3 ธ.ค. ยุ้ยมีอาการไข้ มีบวมๆ ที่คอ เลยไปรพ.ที่หนึ่ง เขาก็งดน้ำ งดอาหาร แล้วตรวจเจอในวันนั้นว่าเป็นต่อมน้ำเหลืองโตได้นอนแอดมิทที่รพ. ของคืนวันที่ 3 ธ.ค. พอคืนวันที่ 4 ธ.ค. ยุ้ยมีอาการคันทั้งตัว คันไปหมดเลย อาการยิบๆ เหมือนไฟช็อตนิ้วมือนิ้วเท้า แจ้งผู้ช่วยหมอไป เขาก็ให้ยาที่อยู่ในเอกสาร ให้มาสองรอบ ประมาณตีสี่ เขามีอาการปวดท้องร่วมด้วย เป็นสามอย่างเลย ก็แจ้งไป เขาก็ให้รอหมอประจำ ยุ้ยบอกผมตั้งแต่ตีสี่ว่าเขาไม่ไหวแล้ว ให้ไปแจ้งหมออีกที แต่ยังไงก็ต้องรอหมอ 8 โมง จน 8 โมงยุ้ยเขารอไม่ไหวแล้ว เขามีอาการปวดท้องเริ่มหนักตอนก่อนเช้ามืด อาการคันจะเบาลงไป หลักๆ คือปวดท้อง

เหมือนน้องแพ้ยา?

มอส : ตอนนั้นยังไม่ทราบว่าแพ้ยา เขาคัน แล้วเหมือนไฟฟ้าช็อต เขาบอกช่วงเช้าๆ ว่ารู้สึกเหมือนแพ้ยา เขาบอกกับหมอเวรครับ หมอก็บอกยุ้ยว่าคิดไปเองหรือเปล่า ผมได้ยินเต็มสองหูเลยครับ

น้องมีอาการยังไง?

มอส : ปวดท้อง คัน เหมือนมีไฟฟ้าช็อตตามนิ้วมือนิ้วเท้า

ก็เลยคิดว่าตัวเองแพ้ยา?

มอส : ใช่ครับ

แม่ขวัญ :   น้องมีไข้สูง มีก้อนที่คอ หมอทำการรักษา ระบุว่าเป็นต่อมน้ำเหลืองโต คืนวันที่ 4 น้องมีอาการคัน ออกอาการชัดคือคัน เหมือนไฟฟ้าช็อตตามปลายมือปลายเท้า ชายิบๆ ตามตัว ตอนนั้นประมาณ 5 ทุ่มนี่แหละค่ะ

มีผื่นมั้ย?

แม่ขวัญ : เราไม่เห็น เพราะไม่มีหมอมาตรวจ ด้วยตาเปล่าแม่ไม่อยู่ เขาอยู่กับมอสสองคน

มอส : ไม่ได้สังเกตครับ

ได้ไปบอกพยาบาล?

มอส :   ตั้งแต่มีอาการก็แจ้งเลย บอกพยายามหน้าวอร์ดว่ายุ้ยมีอาการแบบนี้ พยาบาลบอกว่าเดี๋ยวเข้ามาดูให้ ผมไม่รู้ว่าเขาเอายาอะไรมาให้

แม่ขวัญ : รู้แค่ว่าแจ้งพยาบาลแล้ว ไม่รู้พยาบาลติดต่อหมอเวรยังไง พยาบาลเข้ามาให้ยาแบบไหนเราไม่รู้ รู้แค่ว่ามีพยาบาลเข้ามาช่วงนึง มีประวัติการรักษาว่าเขาให้ยาอะไร

มอส : น่าจะฉีดทางสาย ผมไม่แน่ใจ ฉีดเสร็จเขาก็ไป อาการก็ไม่ดีขึ้นเลย เหมือนเป็นยาลดอาการคัน

น้องหายมั้ย?

แม่ขวัญ : ไม่หาย แล้วปวดท้องหนักขึ้นเรื่อยๆ หายใจไม่ได้ ทุรนทุราย ลงไปนอนดิ้น นอนไม่หลับ เขาก็ให้แฟนเขาไปแจ้งอีก ก็ยังไม่มีหมอขึ้นมา เขาบอกให้รอดูอาการ แจ้งหมอแล้ว

จาก 5 ทุ่มเป็นนานมั้ย?

แม่ขวัญ : จนถึงเช้าเลย ตั้งแต่ตี 4 หนักไปเรื่อยๆ เขาทนไม่ไหวแล้ว เดินออกมาหน้าวอร์ดเองเลย เขาบอกเขาจะตาย เขาต้องแพ้ยาแน่ๆ เขาพูดแบบนี้ พอดีหมอเวรมาพอดี ไม่ใช่หมอเจ้าของไข้ ยุ้ยบอกอาการไปแบบนี้ บอกว่าตัวเองเหมือนแพ้ยา เขาก็บอกกลับยุ้ยมาว่าวิตกไปเองหรือเปล่า คิดไปเองหรือเปล่า ใช้น้ำเสียงไม่ดี ยุ้ยเล่าว่าเหมือนตะคอกใส่ว่ามารักษาด้วยโรคอะไร อาการเป็นอะไรมาตอนแรก แล้วทำไมตอนนี้อาการเป็นแบบนี้ บอกยุ้ยว่าตัวเองเข้ามารักษาด้วยโรคอะไร เป็นอะไร ก็จำไว้นะ (เสียงสั่นเครือ)

5 ธ.ค. 67 ยุ้ยเป็นยังไง?

แม่ขวัญ : ไม่ไหวแล้วค่ะ ทุรนทุราย ดิ้นกระสับกระส่าย หายใจไม่ออก ปวดท้อง ปวดถ่ายบิด นั่งห้องน้ำก็ถ่ายไม่ออก แต่ปวดท้องตลอดเวลา หมออยากให้รักษาตัวต่อ เพราะยังไม่จบการรักษา แต่ยุ้ยบอกว่าถ้ารักษาต่อหนูต้องตายแน่ๆ เลย ขอออก ตอนกลางคืนยุ้ยขอออฟยาเองเลย เขาให้พยาบาลเอาออกให้เขา

ตัดสินใจออกจากรพ.แรกวันไหน?

แม่ขวัญ : ตอนเช้า 5 ธ.ค. แล้วกลับไปบ้านได้ไม่ถึงชม. ก็ไปรพ.ที่ 2 แต่รอไม่ได้ เพราะยุ้ยลงไปดิ้นอยู่ด้านล่าง รพ.ที่สองช้า ตอนนั้นไปด้วยอาการหลักๆ คือปวดท้องมาก จะถ่ายแต่ถ่ายไม่ออก หมอตรวจแล้วบอกว่าตับอักเสบ ค่าตับสูง ลำไส้อักเสบ ค่าตับสูงมาก ตับวายได้ ตาเหลือง ตัวเหลือง

หมอบอกสาเหตุมั้ย?

แม่ขวัญ : ยังไม่ได้บอกสาเหตุ อาการที่เขาให้ยาก็เริ่มดีขึ้นที่รพ.ที่สอง ปวดท้องเริ่มดีขึ้น แต่อาการตัวบวม ไข้ไม่ลด ไข้สูงตลอดเวลา ค่าตับเขาสูง เขาเลยให้ยาลดไข้ไมได้

ได้แจ้งรพ.ที่สองมั้ยว่าไปรักษารพ.ที่หนึ่งมาแล้ว?

แม่ขวัญ : แจ้งค่ะ เขารู้ แล้วก็เริ่มมีผื่นวันที่ 6-7 ธ.ค. ผื่นเริ่มเยอะขึ้นเรื่อยๆ เลยไปแจ้งหมอ มือจากแดงก็กลายเป็นดำ ปากก็เริ่มพองไหม้ ตัวบวมไปหมด ปิดตาปิดปาก ปากพุพองเหมือนน้ำร้อนลวก ตาบวมมาก มือค่อยๆ เป่ง รพ.ที่สองช่วยดูดน้ำเหลือง จากแดงเป็นดำ ดำแล้วเป็นพุพอง น้ำเหลืองออกตลอดเวลา เขาก็ดูดออก ปลายมือปลายเท้าเด่นชัดมาก พอผื่นขึ้นหมอบอกว่าแพ้ยาแน่เลย ก็เลยติดต่อกลับไปที่รพ.แรก ว่าให้ยาอะไรไปบ้าง มันมีประวัติการรักษาของเขา

ธนกฤต : มารพ.ที่สอง พอมีอาการ ทำไมไม่กลับไปรพ.ที่หนึ่ง

แม่ขวัญ : เจ้าตัวไม่เอาแล้วค่ะ ถ้าเขาจะรักษาต้องช่วยตั้งแต่ตอนแรกที่ลูกบอกเหมือนจะแพ้ยา แล้วอาการที่เขาเป็นอยู่น่าจะรักษาในอาการที่น้องบอกว่าคัน โน่นนี่นั่น แต่ไม่ได้ให้การช่วยเหลืออะไร

ธนกฤต : คนที่ดุ เป็นหมอ

แม่ขวัญ : แม่รับฟังจากน้อง น้องบอกว่าเป็นคุณหมอเวรค่ะ ไม่ใช่หมอเจ้าของไข้ เหมือนเขาจ้างมา เป็นเวรดึกประมาณนั้น ไม่ได้อยู่ประจำที่รพ.

นพ.วีระศักดิ์ : พอหมอสองท่านเอาข้อมูลมาชนกันสองรพ. มีแจ้งเรามั้ยว่ามียาตัวไหนที่เป็นปัญหา

แม่ขวัญ : รพ.แรกไม่ได้พูดอะไร เราขอแค่ประวัติยาเอามาให้หมอที่รพ.ที่สองดู เขาก็บอกว่าน้องแพ้ยา รอบแรกเขาให้ยาตัวเดียวกับที่รพ.แรก พอมีอาการไข้ไม่ลง เขาก็เปลี่ยนไปอีก ตอนนั้นผื่นยังไม่ขึ้น เขาก็เปลี่ยนยาไปอีก แต่ไข้ไม่ลง พอเปลี่ยนยาก็มีผื่นขึ้น เขาถึงรู้ว่าแพ้ยา เขาก็เปลี่ยนยา แต่น้องก็ไม่ดี ลงไอซียู อาการออกเยอะมากแล้ว

นพ.อดิสรณ์  : เข้าใจว่าเภสัชกรรพ.ที่สองคงซักประวัติว่ารพ.ที่หนึ่งให้อะไรมาบ้าง สองตัวแรกเป็นยาฆ่าเชื้อ ตัวที่สามเป็นยาแก้อักเสบ การแพ้ยาจริงๆ แพ้อะไรก็ได้ ที่เจอบ่อยๆ คือยาฆ่าเชื้อ สองคือยากันชัก สามคือยาที่เราใช้รักษาโรคเก๊าต์ แต่ยาทุกชนิดหรือสารแปลกปลอมเราสามารถแพ้ได้อยู่แล้ว เพียงแต่จะแพ้เล็กน้อยหรือรุนแรง กลุ่มพวกนี้มีความเสี่ยงแพ้รุนแรงได้

รพ.ที่สองระบุแล้วว่าเกิดจากการแพ้ยา?
นพ.อดิสรณ์  : เขาระบุว่า ten แสดงว่าแพ้ยารุนแรง ซึ่งถ้าระบุเป็นแบบนี้ โดยหลักการรักษาต้องหยุดยาเลยทันที เวลาเราเห็นผื่น พวกนี้ไม่ใช่ผื่นที่ผิวหนังธรรมดา อวัยวะเยื่อบุภายในก็จะเป็นด้วย จะมีการอักเสบของอวัยวะภายในด้วย ที่น้องบอกว่าปวดท้องก็เป็นไปได้ว่าอาจมีการอักเสบของลำไส้ ของเยื่อบุภายในด้วย สุดท้ายก็ไปด้วยเรื่องอวัยวะภายในต่างๆ ทำงานผิดปกติ ทำให้ตับวาย ทำให้ปอดอักเสบ

แม่ขวัญ : ก่อนหน้าดีขึ้น พองตลอดเวลา ต้องดูดน้ำเหลืองออกตลอดเวลา ถ้าไม่ดูดน้องจะทรมานมาก พอได้ยาน้ำเหลืองแห้ง ก็เหลือหนังที่ติดแล้วก็หลุดเอง

ที่มีข่าวว่าน้องเป็น Stevens-Johnson Syndrome ก็ไม่ใช่?

นพ.อดิสรณ์  : มันเป็นโรคกลุ่มเดียวกัน โรคแพ้ยา แต่แบ่งความรุนแรง ถ้า Stevens-Johnson Syndrome พื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจะน้อยกว่า 10 เปอร์เซ็นต์ของผิวหนัง แต่ถ้าเป็น ten คือมากกว่า 30 เปอร์เซ็นต์ แต่จริงๆ คือโรคเดียวกัน

อยู่รพ.ที่สองตั้งแต่ 5 ธ.ค. ถึงวันที่เท่าไหร่?

แม่ขวัญ : 23 ธ.ค. ค่ะ

ทำไมถึงย้ายไปรพ.ที่สาม?

แม่ขวัญ : น้องมีอาการหายใจไม่เต็มปอด เหมือนหายใจลึกไม่ได้ หายใจลึกแล้วเหมือนเข็มทิ่ม หายใจเหนื่อยหอบมาก จากใส่ออกซิเจน ก็ใส่เครื่องไฮโฟแรงดันสูง เขาลงไอซียูรอบสอง เพราะหายใจไม่ได้ ต้องไปลงสายไฮโฟ แล้วปรึกษากันว่าต้องไปหาหมอเฉพาะทางแล้ว เพราะรพ.ที่สองไม่มีหมอเฉพาะทาง ก็เลยปรึกษากันย้ายรพ.

ระหว่างนี้อาการน้องทรุดลง?

แม่ขวัญ : ทรุดลง รพ.ที่สองก็ให้ยาตามอาการ ที่ลูกแจ้งเขาไป รักษาตามนั้น

นพ.วีระศักดิ์ : นอกเหนือจากคำว่า ten เขาเขียนคำว่าภาวะเฉียบพลันและรุนแรง กรณีแบบนี้พอเกิดจะมีลักษณะหลายอย่าง หนึ่งหลอดลมจะตีบ หายใจไม่ออก เพราะมันบวมตรงเนื้อเยื้ออ่อน ก็หายใจไม่ได้ ก็ต้องใส่ท่อช่วยหายใจ แล้วตัวนี้ทำให้เกิดลักษณะเส้นเลือดขยายตัว เลือดไปเลี้ยงอวัยวะต่างๆ ไม่เพียงพอ ก็จะเกิดภาวะของการล้มเหลวของอวัยวะต่างๆ ตามมาเป็นลำดับ การแก้เชื่อว่าหมอหยุดยาให้เรียบร้อยหมดแล้วล่ะ ส่วนการรักษาต่อจากตรงนั้นคือการรักษาแบบประคับประคอง มีบางส่วนที่มันสูญเสียไปแล้ว ต้องประคับประคองและรักษา ซึ่งต้องใช้เวลา การลงไปไอซียู รักษาแน่นอน แต่บางอย่างรักษาให้ฟื้นฟูต้องใช้เวลา และอาจมีภาวะแทรกซ้อนอย่างอื่นตามมาด้วย เพราะร่างกายเริ่มมีภาวะที่อ่อนแอลง จนคุณแม่ตัดสินใจย้ายไปอีกรพ.เพื่อการรักษา

รพ.ที่สองมีแต่ทรงกับทรุด?

แม่ขวัญ : ตอนแรกที่รู้ว่าแพ้ยาหนักมากและลงไอซียู เขาให้ยาอะไรไม่รู้ เหมือนจะดีขึ้น แล้วประมาณ 14 วัน เหมือนครบการรักษาของเขา เขาต้องหยุด น้องหายใจไม่ได้เรื่อยๆ ก็ลงไอซียูอีกรอบ

นพ.อดิสรณ์  : เท่าที่ดู คิดว่าเขาให้ยากลุ่มสเตียรอยด์ มันจะไปกดการอักเสบไว้ แต่ให้นานไม่ได้ เพราะจะเกิดโรคแทรกซ้อนอย่างอื่น

แม่ขวัญ : พอหยุดน้องก็อาการหนักขึ้นเรื่อยๆ อาการทรุด หายใจเองไม่ได้

วิธีการรักษาคนแพ้ยา?

นพ.อดิสรณ์  : รู้ว่าอันไหนคือสาเหตุก็ต้องหยุดสาเหตุอันนั้นก่อน แล้วใช้ยากดอักเสบคือสเตียรอยด์ แผลผิวหนังก็รักษาเหมือนแผลถูกไฟไหม้ทั่วไป เราต้องฆ่าเชื้อ ทำความสะอาด เหมือนทำแผลทั่วไปทั้งตัว ที่เหลือรักษาตามอาการครับ

แม่อยากได้รับความเป็นธรรม แม่ติดใจตรงไหน?

แม่ขวัญ : แม่ติดในตรงที่ลูกบอกอาการเขาไปแล้ว ตอนที่ลูกรู้สึกเหมือนแพ้ยา มีอาการอย่างที่บอกไปเบื้องต้น หมอน่าจะขึ้นมาตรวจอาการเบื้องต้นก่อน ว่าจริงตามที่คนไข้แจ้งไปมั้ย (ร้องไห้) เขาน่าจะให้การรักษาตั้งแต่ตอนนั้น มันไม่ทันทีทันใด มันล่าช้า จนบานปลาย จนน้องทรุดหนัก จนน้องจากแม่ไป (ร้องไห้) น้องทรมานตั้งแต่สี่ห้าทุ่มยันเช้า จนน้องไม่ไหว น้องลงไปนอนดิ้นทุรนทุราย (ร้องไห้)

ทนายสายหยุด : รพ.แรกเป็นรพ.เอกชนด้วย พอคนไข้เกิดอาการ คนเฝ้าไข้คือสามี แจ้งทันทีว่ามีอาการผิดปกติ ไม่ใช่อาการที่เขาป่วยมาจากบ้าน ควรฉงนใจ เพราะมีอาชีพ วิชาชีพ ไม่ใช่อะไรก็รอหมอจนถึงเช้า ไม่งั้นเขาจะมารพ.ทำไม ถ้ารู้ว่าเขาแพ้ควรหยุดยาหรือเปลี่ยนยาหรือเปล่า พอเป็นก็ยังให้เขาไปอีก มิหนำซ้ำยังบอกว่าคิดไปเองหรือเปล่า ให้ยาซ้ำจนมีการตาย แล้วพอมารพ.ที่สองก็ให้ยาเดิมต่อเนื่องไปอีก ที่แพ้ก็แพ้ไปใหญ่ อาจเกิดจากความประมาทเลินเล่อจากรพ.แรก จากบุคลากรทางการแพทย์ของเขา จัดแพทย์เวรเพียงพอหรือเปล่าสำหรับคนดูแล ไม่ใช่ไปไหนไม่รู้ เขาแจ้งสี่ทุ่มแต่มาแปดโมง ผมคิดว่ารพ.แรกมีส่วนสำคัญในการเสียชีวิตเป็นอย่างมาก แต่ข้อเท็จจริงยังไม่ยุติ รอให้ผ่าตรวจก่อน แต่เท่าที่วิเคราะห์ ไม่ได้เสียชีวิตจากโรคที่เป็นมาจากบ้าน มันค่อนข้างยุติว่าน่าจะเกิดจากการแพ้ยาหรืออะไรที่ให้น้องไป

มีคนต่อว่าคุณยุ้ยไปกินผลิตภัณฑ์ทำให้ผิวขาวหรือเปล่าเลยป่วย กับบางคนบอกว่าทำงานหนัก พักผ่อนน้อยภูมิเลยตก มอสได้คุยอะไรกับภรรยาบ้างระหว่างรพ.ที่สองไปรพ.ที่สาม?

มอส : คุยปกติ เฝ้ารอดูอาการครับ

มีบางช่วงน้องบอกไม่ทนแล้ว เขาได้พูดอะไรมั้ย?

มอส : เขาบอกอาการเขา ผมก็แจ้งหมอทุกครั้งที่เขาเป็น

แม่ขวัญ : เขาทรมานตั้งแต่วันแรกจนถึงวันสุดท้าย ทรมานทุกวัน ทุกวินาที ทรมานมาก (ร้องไห้) แม่เห็นทุกช่วงเวลา ตั้งแต่วันแรกที่เขาเป็น จนวินาทีสุดท้าย น้องพูดว่าไม่อยากอยู่แล้ว ทรมาน (ร้องไห้) แม่ก็บอกว่าแม่ช่วยสุดความสามารถแล้ว

น้องยุ้ยหาเลี้ยงครอบครัว?

แม่ขวัญ : เขาเป็นเสาหลักค่ะ ก่อนหน้านั้นแม่ทำงานบริษัท ทำงานโรงงาน แล้วแม่ป่วย เป็นหมอนรองกระดูกผ่าตัด พอน้องเริ่มมีรายได้จากการทำอาชีพนี้ น้องก็ให้แม่ออกจากงานเลย เขาบอกเขาเลี้ยงได้ เขาก็เลี้ยงพ่อ เลี้ยงแม่ เลี้ยงย่า เลี้ยงลูก เลี้ยงคนเดียว (ร้องไห้)

เห็นว่าก่อนมาทำติ๊กต๊อก ไม่มีเงินติดตัว แม้แต่เงินจะซื้อข้าว?

มอส : เริ่มจากยุ้ยทำอาชีพออนไลน์ขายครีม ก็สู้กันมาจนถึงวันนี้ครับ ยุ้ยเขาเป็นคนดีมาก เขารักทุกคนมากๆ เขาไม่เคยรักตัวเองเลย เขานึกถึงทุกคน ทุกอย่าง ไม่เคยนึกถึงตัวเองเลย (เสียงสั่นเครือ)

ก่อนหน้าป่วยหนักจนเสียชีวิต น้องมีอาการป่วยมาก่อนมั้ย?

มอส :   มีบ้างครับ แต่ไม่ได้หนักขนาดนี้ เขาเป็นคนร่าเริง

แม่ขวัญ :   เป็นคนขยัน สร้างทุกอย่างให้พ่อให้ย่าเขา

คุณแม่อยากได้ความยุติธรรม ว่าจริงๆ แล้วอะไรกันแน่ทำให้น้องเสียชีวิต ต้นเหตุจริงๆ ก่อนบานปลายลุกลามคืออะไร พี่ธนกฤตพอมีข้อมูลเป็นแนวทางช่วยเหลือมั้ย?

ธนกฤต : เชื่อว่าไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น เราต้องมองดูอย่างรอบคอบและเป็นธรรม เบื้องต้นน้องป่วย รพ.เท่าที่ตรวจสอบมีสองส่วน ส่วนหนึ่งคือรพ.เอกชน อีกส่วนรพ.ของรัฐ ต้องบอกว่าของรัฐจะสังกัดหน่วยงานนึงที่ไม่ใช่ของกระทรวงสาธารณสุข ต่อมาอำนาจหน้าที่ในการเข้าไปดูการพิสูจน์ทราบข้อเท็จจริงว่าน้องเสียชีวิตจากสาเหตุอะไร ที่แม่เอามาให้ดูเป็นข้อมูลส่วนนึง แต่เราต้องยึดจากผลตรวจการรักษาทั้งรพ.ที่หนึ่งและสอง เดี๋ยวจะให้นพ.สาธารณสุขจังหวัดได้ลงไปตรวจ เพราะท่านมีอำนาจหน้าที่ไปตรวจรพ.เอกชนได้ เพื่อขอดูผลการตรวจรักษา แต่ฟังเบื้องต้น รพ.แรกมีการรักษา ให้ยา มาถึงรพ.ที่สอง ผลเกิดจากการให้ยาและแพ้ยาเกิดขึ้น ผิวหนังไหม้เกรียม เลยเกิดการรักษาต่อเนื่องมาที่รพ.ที่สอง และรีเฟอร์ส่งต่อรพ.ที่สาม เพราะรพ.ที่สองไม่มีแพทย์เฉพาะทางรักษาต่อ ซึ่งรพ.ที่สามเป็นรพ.เอกชนของกรุงเทพฯ สี่เป็นหน่วยงานรัฐที่นึง จะทำหนังสือไปขอความร่วมมือในการให้ข้อมูลเรื่องการรักษาตรงนี้มาประกอบ คุยกับคุณแม่แล้ว คุณแม่บอกว่าศพน้องน่าจะฌาปนกิจ แต่ผมมีความเห็นนะครับ ก็สุดแล้วแต่คุณแม่และครอบครัวไปปรึกษาหารือกัน เพราะการตรวจพิสูจน์ทราบ ผลการผ่าพิสูจน์ยังไม่ได้ระบุชัดว่าสาเหตุการเสียชีวิตเกิดจากอะไรกันแน่ ดังนั้นอาจต้องดูว่าถ้าเป็นไปได้ ก็อาจส่งศพน้องไปลองผ่าพิสูจน์ดูอีกครั้ง อย่างสถาบันนิติวิทยาศาสตร์กระทรวงยุติธรรมก็ได้ เราจะประสานให้เพื่อพิสูจน์ความจริงว่าเกิดอะไรขึ้น อันต่อมาสถาบันนิติเวชกรมตำรวจก็ได้ ก็จะมีอีกหลายหน่วยงานสามารถตรวจพิสูจน์การเสียชีวิต เพื่อยืนยันความเชื่อมั่น และความสบายใจของแม่ ที่ผมพูดคือการพิสูจน์หาความจริงว่าสาเหตุการเสียชีวิตที่แน่นอน เกิดจากอย่างไร เพราะเท่าที่คุยกับคุณหมอ การที่บริเวณต่อมน้ำเหลืองที่คอบวมขึ้นมา การรักษาเป็นไปตามมาตรฐานหรือเปล่า อันต่อมา คุณแม่ต้องร้องไปที่แพทยสภา เพื่อให้ท่านพิจารณาเรื่องการรักษาเป็นไปตามมาตรฐานการรักษาหรือไม่ ก็จะได้ความจริงปรากฏขึ้น ถ้ามีการกระทำความผิด ก็จะกลับไปที่ทนายสายหยุดพูด คือเรื่องการกระทำโดยประมาท เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายหรือไม่ ว่ากันไปเรื่องคดีอาญา ถ้าไปถึงส่วนนั้น เราอาจไปขอรับเงินเยียวยาจากกระทรวงยุติธรรม แต่ถ้าไม่ใช่ประตูนี้ก็ต้องปิดไป หรือเกิดจากการรักษาหน่วยงานรัฐที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ก็จะมีพรบ.สาธารณสุข ที่ต้องเยียวยาให้ส่วนหนึ่งเช่นเดียวกัน

นพ.วีระศักดิ์ : การผ่าชันสูตร จะสามารถตรวจให้เฉพาะเจาะจงลงไปได้ว่ามีลักษณะการแพ้ยาใช่หรือไม่ ถ้ามีเป็นยาตัวใด ตรงนั้นสามารถตรวจพิสูจน์ได้ด้วย ก็จะมาเชื่อมโยงถึงรพ.ที่หนึ่งและที่สอง ผมว่าเป็นประโยชน์ในแง่คดี

มอสมีอะไร?

มอส : ผมอยากบอกว่าถ้าทำแบบที่หมอพูดว่าต้องเอาศพยุ้ยไป แต่พรุ่งนี้เขาจะเผาแล้ว เขาจะไปสบายแล้ว ไม่อยากให้เขาทรมานเลย (ร้องไห้)

นพ.วีระศักดิ์ :   ถ้าจะชันสูตรโดยวิธีการตรวจ โดยไม่ผ่าชันสูตรก็จะเป็นเรื่องการเจาะเลือด อาจไม่จำเป็นเรื่องผ่าชันสูตรศพก็ได้ การะเจาะเลือดเพื่อพิสูจน์จะเป็นหลักฐานอีกอย่างนึง

ธนกฤต :   เรามารายการเพื่อหาความจริงและความเป็นธรรม หลายครั้งพอรับเรื่องมา พอตรวจหาสาเหตุการเสียชีวิต ท้ายที่สุดคือศพเผาไปแล้ว จะกลับไปหาสิ่งเหล่านี้จะยากขึ้น มันเหลือแค่เอกสารซึ่งไกลมากในการพิสูจน์ความจริงได้ ก็อยู่ที่ครอบครัวพิจารณาเอง สิ่งเหล่านี้ถ้าอยากพิสูจน์ทราบ มีสาเหตุต้องเก็บสารตัวอย่างในร่างกายน้องหรือเปล่า นี่เป็นแค่เพียงแนวทาง ให้ครอบครัวไปตัดสินใจ

ทนายสายหยุด : ตอนนี้ยังไม่มีข้อยุติว่าน้องเสียชีวิตเพราะแพ้ยามั้ย หรือมีอาการเดิมมา ถ้าน้องไม่ให้ผ่า มันก็ยังไม่ยุติ แต่เรื่องความเชื่อกับเรื่องความเป็นธรรมมันต้องแยกออกจากกัน เพราะถ้าไปผ่าจะสิ้นสงสัย น้องเสียชีวิตเพราะอะไร

ธนกฤต : เรากำลังสันนิษฐานว่าเกิดจากการแพ้ยา ถ้าวันนี้เราปิดทุกช่องประตู เพื่อให้คนที่คิดว่ากระทำผิดพลาดจะไม่มีความสงสัยใดๆ ถ้าไม่ผ่าเราก็สุดแล้วแต่ เราก็มีข้อมูลเท่าที่เรามีอยู่ แต่ท้ายที่สุดถ้าจบทุกด้าน ทางนี้ก็จะได้เกิดความสบายใจ อยู่ที่ครอบครัวเป็นหลัก

แม่ขวัญ : ขอไปปรึกษากับครอบครัว เพราะเขาเตรียมงานไปแล้ว

นพ.วีระศักดิ์ : ถ้าญาติต้องการพิสูจน์แต่ไม่ประสงค์ผ่า ก็ใช้วิธีเจาะเลือดเพื่อไปตรวจดูสารที่เป็นตัวบ่งชี้ว่ามีการแพ้ และแพ้ยาตัวใด อันนี้เป็นข้อเสนอแนะ ถ้าตัดสินใจจะทำแบบที่หมอบอก พิธีกรรมทางศาสนาอาจต้องชะลอไป เพราะถ้าเผาไปแล้ว ก็ไม่สามารถดำเนินการได้ ต้องไปปรึกษากัน ไม่ว่าผ่าหรือไม่ผ่า ถ้าต้องการพิสูจน์เพิ่มเติม เรื่องพิธีกรรมทางศาสนาอาจต้องชะลอไป ลองไปตัดสินใจดู ถ้าตัดสินใจได้ว่าอย่างไร ก็ติดต่อผ่านทางรายการ ประสานท่านธนกฤตได้เลย

แม่กับน้องมอสกังวลอะไร ถ้าอยากร้องขอความเป็นธรรม ธงของแม่จะไปสุดที่ไหน?

แม่ขวัญ : อยากให้ถึงที่สุดค่ะ อยากให้ลูกได้รับความเป็นธรรมค่ะ อยากหาสาเหตุการเสียชีวิตเขาจริงๆ

อยากเรียกร้องค่าเสียหายมั้ย?

แม่ขวัญ : อยากให้เขาออกมารับผิดชอบ แม่มีการติดต่อรพ.แรกไปตั้งแต่น้องยังรักษาตัวอยู่ พร้อมทนายของแม่ เขาบอกเอาเข้าแพทยสภาอยู่ เข้าสำนักงานใหญ่ รอเขาเรียกคุย รอจนน้องเสีย

แม่ตั้งทนายตั้งแต่น้องอยู่รพ.ไหน?

แม่ขวัญ : รพ.ที่สาม

จะเรียกร้องค่าเสียหายด้วยมั้ย?

แม่ขวัญ : มีบอกอยู่ค่ะ

ธนกฤต : แม่พยายามบอกว่าอยากไปให้มันสุด แต่น้องผู้ชายบอกว่าน้องทรมานมาเยอะแล้วอยากส่งน้องไปสวรรค์แล้ว แต่อย่างที่บอก สองคนยังไม่ตกผลึกกันว่าที่คุณแม่อยากให้ไปให้สุดจะสุดแบบไหน ถ้าวันนี้คุณหมอต่อสู้คดีว่าคุณป่วยเข้ามา เขาก็รักษาตามแนวทางปฏิบัติของเขา เขาให้ยาลดการอักเสบ ให้ยาฆ่าเชื้อทั้งหลาย เป็นวิธีการปฏิบัติของเขาอยู่แล้ว ตรงนี้ต่อให้ใครก็ตาม แม้แต่แพทยสภา หรือหมอส่วนกลางมา เขาก็ลงความเห็นว่ารักษาไปตามแนวทางคุณหมอปกติ ถ้าเขาบอกแบบนี้ ผมถามว่าอีกห้าสายหยุดก็จะไหวมั้ย ถ้าบอกว่ากระทำโดยประมาทหรือเปล่า เขาไม่ได้ทำโดยประมาทนะ เขาทำถูกต้อง เว้นแต่เราได้ตรวจพิสูจน์ว่ามันมีอย่างอื่นที่ต้องพิจารณาให้มากกว่านี้ เช่นเวชระเบียนเคยสอบถามมั้ยเขามีการแพ้ยาใดๆ มาก่อนหรือไม่อย่างไร ก็เป็นหนึ่งในข้อปฏิบัติที่คุณหมอก่อนให้ยาผู้ป่วยต้องสอบถามอยู่แล้ว ตรงนี้เป็นการหาพยานหลักฐาน ถ้าต้องการเดินให้สุด ต้องถามครอบครัว ครอบครัวจะว่าอย่างไรก็บอกมาทางรายการ ทนายจะได้ทำงานได้ง่ายขึ้น แล้วที่ให้คุณหมอทั้งสองท่านดู แค่เป็นหนังสือรับรองการตาย การผ่าพิสูจน์ยังไม่ได้เกิดขึ้น ถูกมั้ย ตกลงแพ้ยาหรือแพ้อาหารหรือเปล่า ต้องมีการพิสูจน์ทราบเกิดขึ้น หรือยาที่ให้ไปเป็นยาอะไร เกิดบอกว่าเป็นยาฆ่าเชื้อแต่ใส่ยาตัวอื่นเข้าไปได้หรือเปล่า ก็เป็นการตั้งข้อสังเกต เคยเห็นอยู่บ่อยๆ หยิบยาผิด ก็เกิดขึ้นได้อยู่ กลับไปคุยกันจะดีที่สุด

คุณแม่ตั้งทนายตอนน้องไปรักษารพ.สอง สาม เพราะอะไร?

แม่ขวัญ : อยากเรียกร้องให้เขาออกมารับผิดชอบ อยากให้เขาเยียวยา

นพ.วีระศักดิ์ : ตรงนั้นเป็นเรื่องการรักษาพยาบาล เพราะค่าใช้จ่ายเริ่มเดินไปข้างหน้า สูงแน่นอน

แม่ขวัญ :   เขาหนักๆ แล้วรพ.ที่สามบอกว่าแพ้ยา เราก็ย้อนไทม์ไลน์ไป น้องมีอาการตั้งแต่รพ.แรก

นพ.วีระศักดิ์ : เคยมีอาการแพ้ยามั้ย

แม่ขวัญ : ไม่เคยเลยค่ะ

นพ.วีระศักดิ์ : เคยเจอคนไข้ลักษณะที่บอกว่าแพ้ยาได้ แสดงว่าเคยรู้สึกมาก่อนว่าเคยมีอาการแบบนี้ แต่ตอนอยู่รพ.แรก เขาก็บอกคุณหมอว่าเขาแพ้ยา

แม่ขวัญ : เพราะมีอาการผิดปกติกับร่างกายเขา เขาเลยถามว่าเขาแพ้ยาหรือเปล่า 

วันนี้จะเพียงพอต่อสู้เรื่องคดีความมั้ย?

ทนายสายหยุด : เรื่องคดีทางการแพทย์ ภาระพิสูจน์จะตกอยู่ฝ่ายหมอ เพราะเอกสารต่างๆ อยู่กับรพ. ถ้าไม่ผ่า คุณแม่จะพิสูจน์ยังไงว่ารพ.ประมาท เพราะเอกสารอยู่รพ. ถ้าเราจะบอกว่าเขาผิดต้องตรวจเข้าไปให้ลึก ถ้าพิสูจน์ได้ว่ารพ.ประมาท รพ.ก็ต้องรับผิด

นพ.วีระศักดิ์ : การแพ้นานเกินไปอาจตรวจไม่ได้ เพราะสองเดือนกว่าแล้ว การตรวจเรื่องภูมิอาจมีข้อจำกัด จะระบุให้ชัดว่าแพ้ตัวไหนอย่างไรก็ลำบากพอสมควร ประเด็นคือการพิสูจน์อาจเริ่มลำบาก ต้องพึ่งพิงเรื่องเอกสารเป็นหลัก

ธนกฤต : น้องกินอะไรไปด้วยหรือเปล่า ยังไม่มีใครรู้เลย ก่อนมาถึงรพ. เขาทานอะไรมา หรือใครให้ทานอะไรเข้าไป ก็ต้องไปตรวจดู อาจเป็นสาเหตุอื่นก็ได้ ผมคิดว่าท้ายที่สุดครอบครัวต้องกลับไปคิดเอา

ทนายสายหยุด : การพิสูจน์ว่าใครผิด ต้องรับโทษ ต้องชำระเงินมากมาย ไม่ได้มีแค่คำพูด ความเชื่อ ต้องว่ากันด้วยพยานหลักฐาน ต้นเหตุก่อนมารพ. น้องทานอะไรที่น้องแพ้หรือเปล่า พอมารพ.อาจแพ้ยาร่วมด้วยหรือเปล่า อันนี้ก็ไม่มีใครทราบ เพราะระยะเวลามันยาวนาน