ถือเป็น “ลูกไม้ใต้ต้น” ของคุณแม่สายฮา บุญญาวัลย์ พงษ์สุวรรณ หรือ “ส้มเช้ง สามช่า” สำหรับ หยก-พชรพร พงษ์สุวรรณ ที่ได้รับโอกาสที่ดีจาก คุณณัฐธนาวรรน เพ็ญชาญวัฒนกิจ หรือ เจ๊ใหญ่ ผู้อำนวยการสร้างภาพยนตร์รักโรแมนติกเรื่อง “เพราะรักต้องมี Why We Love” ค่ายบลูแซม พิคเจอร์ โดยมี สำรวย รักชาติ นั่งเก้าอี้กำกับหนังเป็นครั้งแรก!!!
สาวหยก บอกว่าเป็น คนชอบการแสดงและงานด้านภาพยนตร์อยู่เป็นเดิมทุน เพราะเรียนจบด้านภาพยนตร์มาโดยตรง แต่พอมีคนติดต่อให้เล่นหนังเรื่องแรก เจ้าตัวกลับบอกว่า
“ตอนมีคนติดต่อให้มาเล่นหนัง หนูก็คิดว่าเป็นมิจฉาชีพ พอเรียกมาแคสหนูก็ไม่ไป เพราะคิดว่าเป็นมิจฉาชีพ จนกระทั่งหนูเห็นพิธีบวงสรวงตอนเช้า เห็นรูปลงแล้ว โอเค. เค้าบวงสรวงจริงๆ ตอนบ่ายหนูก็เลยมาเวิร์กช้อปเลย คือตอนแรกหนูไม่กล้ามาเจอใครเลย เพราะคิดว่าเป็นมิจฉาชีพ (หัวเราะ)”
บทบาทในภาพยนตร์เรื่องแรก เธอรับบทเป็น “ชมพู่” เพื่อนนางเอก “น้ำแข็ง” (หลิน มาลิน) แต่ก็เป็นเพื่อนเก่า “มีน” (เข้ม หัสวีร์) ด้วย โดยเธอได้รับโจทย์จากผู้กำกับฯ ว่า ต้องเล่นแบบไหน
“พี่รวย บอกว่าเอาแบบแกๆ รักเพื่อน ห้าวๆ ไม่เป็นผู้หญิงมาก ชมพู่ก็เลยเป็นบทที่ไม่ต้องทำการบ้านหนักมากเพราะพี่รวยหาคาแร็กเตอร์ที่เป็นเราอยู่แล้ว ชมพู่ก็เป็นคนห้าวๆ แต่ก็ไม่ได้มีความเป็นผู้หญิงจ๋า ก็เฮฮา รักเพื่อน เป็นคนสนุก บทนี้ใกล้กับหนูมาก แต่ชมพู่เค้าจะมีความโตกว่านิดนึง เป็นผู้ใหญ่ ทำงานแล้ว ซึ่งก่อนหน้านี้หนูก็เคยเรียนการแสดงมาก่อน เรียนกับ ครูเงาะ (รสสุคนธ์ กองเกตุ) ตอนเด็กๆ พอโตมาก็เรียนที่มหาวิทยาลัยค่ะ
ตอนเรียนกับครูเงาะ หนูอยากไปเรียนเอง และแม่ก็อยากให้เรียนด้วย อย่างน้อยถ้าเราไม่ได้ทำงานตรงนี้ มันก็เป็นความสามารถที่เราเก็บไว้ได้ตลอด แล้วก็มีเวิร์กช้อปด้วย ดูเคมีกับคู่ที่เราเล่นด้วย คือ กิมจุ้ย (เอื้ออังกูร เพ็ญชาญวัฒนกิจ) แล้วก็มีการอ่านบท ทำความเข้าใจกับบท ตอนนั้นชมพู่คิดอะไรอยู่ ทำไมแสดงออกไปแบบนั้น ซึ่งหนูก็มองว่ามันไม่ยาก แต่ก็ไม่ง่าย ก็ต้องพยายามค่ะ มันเป็นชาเลนจ์ใหม่ หนูเป็นคนมองว่า ไม่มีอะไรที่เราทำไม่ได้เน๊าะ มันก็จะชาเลนจ์เราไปเรื่อยๆ ค่ะ”
แม้จะเคยเรียนการแสดง แต่เจ้าตัวก็รู้สึกตื่นเต้น และเกร็ง รวมทั้ง “กดดัน” ด้วย
“ตอนที่ชัวร์แล้วว่าได้เล่นแน่ๆ รู้สึกตื่นเต้น เกร็ง เพราะว่านักแสดงที่เราเล่นด้วย ส่วนใหญ่จะเป็น ดารา เป็นนักแสดง อยู่แล้ว อย่าง พี่เข้ม หรือ พี่หลิน ที่เป็นนางงาม ทุกคนดังอยู่แล้ว หนูว่าหนูเกร็งที่อยู่ร่วมกันมากกว่า กลัวแบบไปถ่วงงานคนอื่นไหม ก็จะกดดันเรื่องนั้นมากกว่า
วันแรกที่เข้าฉากกับพี่เข้ม หนูกลัวมาก เพราะพี่เข้มเค้าทำหน้านิ่งใส่หนู แต่ว่าพอเหมือนฉากวันนั้นถ่ายไปเรื่อยๆ ก็เริ่มคุยกัน อ๋อ...เปล่าพี่เข้มแค่หน้านิ่งเฉยๆ ไม่ได้ทำหน้าดุ แต่เค้าแค่หน้านิ่ง แต่จริงๆ พี่เข้มเป็นคนตลกมาก เค้าก็น่ารัก ส่วนพี่หลินน่ารักมากๆ ทุกคนในกองน่ารักหมดเลย”
ได้ชื่อว่าเป็น “ลูกส้มเช้ง สามช่า” ทำให้ สาวหยก เกิดความกดดันอย่างที่สุด
“หนูกดดันค่ะ เพราะหนูทำอะไรจะมีฟีดแบ็กตลอด ความกดดันเกิดจากรอบข้าง จากแม่ด้วย เราก็ไม่อยากให้แม่อายใครเน๊อะว่า...หูย...ไม่เทรนด์ลูกเลยเหรอ คนก็จะเข้าใจว่า อ๋อ..หยกได้งาน เพราะว่าแม่ดันมาแน่ๆ เลย จริงๆ เปล่าเลยค่ะ แล้วแม่ก็ไม่เคยแนะนำอะไรนะคะ ไม่เคยซ้อมบทกับแม่ ไม่ชอบให้แม่มากองด้วย เพราะมันจะกดดันกว่าเดิม ซึ่งแม่ไม่ค่อยพูดอะไร เค้าก็ไม่ค่อยเชื่อเท่าไหร่ว่าหนูได้เล่นหนัง จนไปเวิร์กช้อปจริงๆ แล้วโทรเล่าให้เค้าฟัง เค้าก็บอกดีแล้ว ตั้งใจทำงานนะ เค้าก็คอยสอนว่าทำงานจะได้รู้ว่าหาเงินมันยาก ถ่ายละครเรื่องนึง ถ่ายหนังเรื่องนึง มันเหนื่อยขนาดไหน กว่าแม่จะหาเงินมาเลี้ยงลูกได้แต่ละบาท
เรื่องการแสดงแม่ก็ไม่ได้สอนค่ะ หนูว่ามันสอนยาก คือแม่ก็เป็นด้วยตัวเค้าไง หนูรู้สึกว่าตัวแม่เองก็ไม่น่าจะมีวิธีการสอน กับคนที่สอนเป็น หนูว่ามันต่างกัน แม่เองก็ไม่รู้จะสอนยังไง แต่เค้าบอกว่าทำให้ดี ตั้งใจทำ อย่าทำให้คนอื่นเสียเวลา ซึ่งสิ่งที่หนูได้จากการเล่นหนังเรื่องนี้ คือ ประสบการณ์ที่ได้ทำงานในกองถ่ายหนังจริงๆ ได้ดูว่าเค้าทำงานกันยังไง แล้วก็เพื่อนร่วมงาน ทุกคนน่ารักมากๆ แน่นอนว่า หนังเรื่องแรก มันท้าทายกับหนูมาก หนูเคยทำงานเป็นเจ้านายตัวเอง ก็เลยไม่มีเวลาตายตัว ทำงานตามใจตัวเองมาตลอด แต่พอมาอยู่ในจุดที่เราต้องมีความรับผิดชอบมากๆ เราก็ต้องปรับตัวเองให้ได้ ทำออกมาให้ดีที่สุด ก็หวังว่าทุกคนจะชอบบทบาทของ ชมพู่ กับหนังเรื่องแรกของหนูค่ะ”
ไปเป็นกำลังใจให้ สาวหยก กับหนังเรื่องแรก “เพราะรักต้องมี Why We Love” หนังรักโรแมนติกที่จะสร้างความอบอุ่นในหัวใจ และเติมเต็มส่วนที่ขาดไปพร้อมกับเขาและเธอ วันนี้ในโรงภาพยนตร์!!!
#เพราะรักต้องมีwhywelove #bluesampicture