วันที่ 28 ก.พ.68 นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก "เทพไท - คุยการเมือง" ระบุว่า... อุ๊งอิ๊ง ประกาศตั้งองครักษ์อย่างเปิดเผย

หลังจากนายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ได้ยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีเพียงคนเดียว ทำให้ถูกใจคอการเมืองแบบฮาร์ดคอร์จำนวนมาก ที่พรรคฝ่ายค้านล็อคเป้าอภิปรายไม่ไว้วางใจ แบบเฉพาะเจาะจงมุ่งไปที่ตัวนางสาวแพทองธาร ซึ่งเปรียบเสมือนกล่องดวงใจของนายทักษิณผู้เป็นพ่อ และการอภิปรายไม่ไว้วางใจในครั้งนี้จะกระทบชิ่งไปยังนายทักษิณโดยตรง ซึ่งเป็นสิทธิ์ของฝ่ายค้านสามารถอภิปรายถึงนายทักษิณได้ เพราะได้เขียนไว้ในญัตติว่า “นอกจากนี้ยังสมัครใจยินยอมให้นายทักษิณ ชินวัตร ผู้เป็นบิดาชี้นำชักใยให้กระทำการ หรืองดเว้นกระทำการอันเป็นเรื่องสำคัญของชาติบ้านเมือง ประพฤติตนเป็นเสมือนนายกรัฐมนตรีหุ่นเชิด โดยมีบิดาเป็นนายกรัฐมนตรีตัวจริง ที่ไม่ต้องรับผิดชอบต่อการใช้อำนาจ”

ดังนั้นการที่ส.ส.พรรคเพื่อไทยออกมาข่มขู่และอ้างข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎรว่า ห้ามอภิปรายพาดพิงถึงบุคคลภายนอกนั้น ไม่สามารถใช้กับการอภิปรายในครั้งนี้ได้ เพราะนายทักษิณเป็นบุคคลที่ถูกระบุชื่อไว้ในญัตติ ถ้าหากผู้อภิปรายได้อภิปรายทำให้นายทักษิณเสียหาย ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกไม่มีกฎหมายคุ้มครอง ก็เป็นความรับผิดชอบของผู้อภิปรายเอง แต่เชื่อว่าไม่สามารถเอาผิดผู้อภิปรายได้ เพราะนายทักษิณเป็นบุคคลภายนอกก็จริง แต่เป็นบุคคลสาธารณะและเป็นบุคคลที่เกี่ยวข้องกับรัฐบาลนี้โดยตรง ตามญัตติที่เสนอต่อประธานสภาผู้แทนราษฎร

ส่วนตัวเชื่อว่าการอภิปรายไม่ไว้วางใจในครั้งนี้ เป้าหมายหลักคือ การอภิปรายไม่ไว้วางใจนายทักษิณโดยตรง ในฐานะที่เป็นนายกรัฐมนตรีตัวจริง ส่วนนางสาวแพทองธาร เป็นแค่นายกรัฐมนตรีหุ่นเชิด คงจะมาตอบคำอภิปรายตามข้อบัคับเท่านั้น และเชื่อว่าการอภิปรายครั้งนี้จะมีองครักษ์เป็นจำนวนมาก เพราะนางสาวแพทองธารได้ยอมรับกับสื่อมวลชนแล้วว่า จำเป็นต้องตั้งองครักษ์ขึ้นมาช่วยอย่างแน่นอน จึงเป็นการเปิดทางให้พวกองครักษ์ทั้งหลาย ที่ต้องการเสนอหน้าเอาความดีความชอบต่อนายทักษิณ ลุกขึ้นประท้วงกันอย่างวุ่นวายแน่นอน

ขอให้จับตาดูว่าการอภิปรายครั้งนี้ พรรคฝ่ายค้านจะกระแทกตรงไปยังนายทักษิณ และกระทบชิ่งมายังนางสาวแพทองธารอย่างไร และจะตอบคำถามของผู้อภิปรายได้มากน้อยเพียงใด จะเป็นการวัดกึ๋นว่าเหมาะสมกับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีหรือไม่