“สอบสวนกลาง” บุกทลายเว็บพนันรายใหญ่กลางกรุง รวบนักแสดงตัวประกอบช่องดังร่วมแก๊ง ผงะพบเงินหมุนเวียนกว่า 1,500 ล้านต่อปี

ที่บช.สอท.เมื่อวันที่ 27 ก.พ.68 พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สอท., พล.ต.ต.วิวัฒน์ คำชำนาญ รอง ผบช.สอท., พล.ต.ต.ทินกร รังมาตย์ รอง ผบช.สอท., พล.ต.ต.ชัชปัณฑกาณฑ์ คล้ายคลึง ผบก.สอท.3, และ พ.ต.อ.ชัยรัตน์ วรุณโณ รอง ผบก.สอท.2, พร้อมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องร่วมแถลงข่าว 


พล.ต.ท.ไตรรงค์ กล่าวว่า ตามนโยบาย นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้กำหนดนโยบายในการเร่งแก้ปัญหาอาชญากรรมออนไลน์เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของประชาชน และ “นโยบายรัฐบาลในการจัดการปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติยุค Digital Disruption” แก่ข้าราชการตำรวจระดับผู้บริหารทั่วประเทศ ในโครงการสัมมนาผู้บริหาร ระดับผู้บัญชาการหรือเทียบเท่า และผู้บังคับการหรือเทียบเท่า ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2568 โดยพล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร., พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จตช.ในฐานะ ผอ.ศปอส.ตร. ได้ขับเคลื่อนนโยบายผ่าน พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี ผู้ช่วย ผบ.ตร. ในฐานะผู้รับผิดชอบควบคุมสั่งการ บช.สอท. และ พล.ต.ท.อิทธิพล อัจฉริยะประดิษฐ์ ผู้ช่วย ผบ.ตร. ในฐานะ รอง ผอ.ศปอส.ตร. ได้สั่งการให้ พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สอท. นำเจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัดสืบสวนจับกุมผู้ต้องหาที่กระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมออนไลน์และดำเนินคดีให้ถึงที่สุด จนนำมาสู่ปฏิบัติการดังกล่าว  


สืบเนื่องจาก พ.ต.อ.สุวัฒชัย ศรีทองสุข ผกก.1 บก.สอท.2  พร้อมด้วย พ.ต.ท.กัณห์พิพัฒน์ ปันแสน สว.กก.1 บก.สอท.2, ร.ต.อ.ณัฐพล ผลชอบ รอง สว.กก.1 บก.สอท.2 และเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.1 บก.สอท.2 ได้สืบสวนพบการกระทำผิดของเว็บพนันออนไลน์เครือข่าย จากข้อมูลเส้นทางการเงินพบว่ามียอดเงินหมุนเวียนกว่า 100 ล้านบาทต่อเดือน รวมกว่า 1,500 ล้านบาทต่อปี จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานขออำนาจศาลออกหมายจับผู้ต้องหาในเครือข่ายได้นับ 10 ราย 


ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.1 บก.สอท.2 ได้นำกำลังพร้อมหมายค้นศาลอาญาเข้าตรวจค้นเป้าหมาย จำนวน 2 จุดในพื้นที่ กทม. จุดที่ 1 เป็นห้องพัก ชั้น 3 ภายในคอนโดแห่งหนึ่ง แขวงดอนเมือง เขตดอนเมือง กทม. และบ้านพักในหมู่บ้านหรูแห่งหนึ่ง ซ.รามอินทรา 34 แยก 15 แขวงท่าแร้ง เขตบสางเขน กทม. ผลการตรวจค้น สามารถจับกุม ผู้ต้องหาได้ 3 ราย ได้แก่ 1. นายอมร อายุ 31 ปี นักแสดงประกอบละครของช่องดัง ทำหน้าที่จดทะเบียนบริษัท เปิดบัญชีนิติบุคคลและเบิกถอนเงินสดผ่านเคาน์เตอร์ธนาคาร 2. นายอิศรา อายุ 37 ปี ทำหน้าที่เป็นผู้เบิกถอนเงินสดผ่านเคาน์เตอร์ธนาคาร และ 3. นายไพรัช อายุ 38 ปี เป็นผู้รับเงินต่อจากนายอมร  พร้อมของกลาง 1. รถยนต์ จำนวน 5 คัน,2. สมุดบัญชีธนาคาร จำนวน 46 เล่ม,3. บัตรกดเงินสด จำนวน 6 ใบ,4. โทรศัพท์มือถือ จำนวน 10 เครื่อง,5. คอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊ค จำนวน 1 เครื่อง,6. กระเป๋าแบรนด์เนม จำนวน 10 ใบ,7. แท็บเลต จำนวน 1 เครื่อง,8. ซิมโทรศัพท์มือถือ จำนวน 4 ซิม,9 ตรายางแต่ละบริษัท กว่า 20 บริษัท และเอกสารการจดทะเบียนบริษัทต่างรวมมูลค่าของกลางที่ตรวจยึดได้ทั้งหมด ประมาณ 10.5 ล้านบาท


จากการสืบสวนพบว่า นายอมร ทำหน้าที่จดทะเบียนบริษัท เปิดบัญชีนิติบุคคล และเป็นผู้เบิกถอนเงินสดผ่านเคาน์เตอร์ธนาคาร จากนั้นนำไปส่งให้นายไพรัช โดยเบิกถอนอาทิตย์ละ 2-4 ครั้ง ครั้งละประมาณ 1-3 ล้านบาท ต่อครั้งโดยครั้งล่าสุดนั้น พบข้อมูลว่าถอนเงินไปวันเดียวจำนวนกว่า 9 ล้านบาท จากหลักฐานพบว่านายอมรได้ถอนเงินมากกว่า 15 ครั้งต่อเดือน รวมเป็นเงินจำนวนกว่า 30 ล้านบาท ซึ่งเมื่อรวมระยะเวลา 4 เดือนตั้งแต่จัดตั้งบริษัทแล้ว ทราบว่าได้ถอนเงินสดไปแล้วกว่า 120 ล้านบาท  จากนี้การตรวจสอบข้อมูลพบว่า นายอมร มีอาชีพเป็น นักแสดงประกอบละครของช่องดังช่องหนึ่ง เคยรับบทเป็นเพื่อนพระเอกของละครดัง เคยแสดงเป็นพระเอกมิวสิควิดีโอ ถ่ายแบบนิตยสาร งานเดินแบบ งานประกวด และรับงานต่างๆ ในวงการบันเทิง


ส่วนนายอิศรา ทำหน้าที่เป็นผู้เบิกถอนเงินสดผ่านเคาน์เตอร์ธนาคาร โดยได้เบิกถอนเงินจากบัญชีบริษัทต่างกัน จำนวน 3 บริษัท แล้วนำไปส่งตามจุดต่างๆ ตามที่นายไพรัชแจ้งโดยไม่ซ้ำจุดกัน เมื่อไปถึงแล้วจะนำเงินใส่ไว้ในรถที่จอดไว้ตามที่นายไพรัชแจ้งข้อมูลรถและสถานที่ จากข้อมูลพบว่านายอิศราเดินทางไปทำธุรกรรมทางการเงินไม่น้อยกว่า 4 วันต่อสัปดาห์ โดยทำการถอนมากกว่า 40 ครั้งต่อเดือน ประมาณ 1.5 – 2 ล้านบาทต่อครั้ง เป็นจำนวนเงินกว่า 80 ล้านบาท โดยรับจ้างทำมาแล้วกว่า 4 เดือน เมื่อรวมระยะเวลาทั้งหมดแล้ว นายอิศราได้ถอนเงินสดมากกว่า 320 ล้านบาท และนายไพรัช ผู้ต้องหาอีกรายที่ถูกจับกุมในวันเดียวกัน ยังคงให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา  อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ระหว่างการขยายผลไปยังผู้ร่วมขบวนการรายอื่นๆ และอยู่ระหว่างติดตามตัวผู้ร่วมขบวนการที่ยังหลบหนี เพื่อนำตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป