“นายกฯ” เผย “พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว” ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ รับผู้บาดเจ็บทุกรายจากเหตุรถทัวร์พลิกคว่ำที่ปราจีนฯ ไว้เป็นผู้ป่วยในพระบรมราชานุเคราะห์ “ด้าน “วราวุธ” ส่งทีม พม.ช่วยเหลือ “เยียวยา” ครอบครัวผู้เสียชีวิต “พิพัฒน์” สั่ง สปส. ลงพื้นที่ช่วยเหลือลูกจ้าง ตามมาตรา33 พร้อมเยียวยาทายาทกว่า 1 ล้านบาท

เมื่อเวลา 08.37 น. วันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2568 น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่านทางเฟซบุ๊ก ถึงกรณีอุบัติเหตุรถบัสคณะทัวร์โครงการพัฒนาศักยภาพและการศึกษาดูงานคณะกรรมการธนาคารขยะหมู่บ้าน เทศบาลตำบลพรเจริญ จ.บึงกาฬ ไปศึกษาดูงานที่ จ.ระยอง พลิกคว่ำบริเวณทางลงเขาศาลปู่โทนขาเข้ากบินทร์บุรี ในพื้นที่ ม.4 ต.บุพราหมณ์ อ.นาดี จ.ปราจีนบุรี ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บเป็นจำนวนมาก ว่า "พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ รับผู้บาดเจ็บทุกราย จากเหตุการณ์รถบัสศึกษาดูงานจากจังหวัดบึงกาฬประสบอุบัติเหตุพลิกคว่ำ ไว้เป็นผู้ป่วยในพระบรมราชานุเคราะห์ นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้"


ด้าน นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (รมว.พม.) เปิดเผยว่า ได้กำชับเจ้าหน้าที่ทีม ศรส. พม. หนึ่งเดียวจังหวัดบึงกาฬ เร่งลงพื้นที่ช่วยเหลือเยียวยาครอบครัวผู้เสียชีวิต และผู้บาดเจ็บอย่างใกล้ชิด โดยเจ้าหน้าที่ พม. ได้เข้าไปพูดคุยให้กำลังใจครอบครัวผู้เสียชีวิตครบทั้งหมดพร้อมประเมินสภาพจิตใจญาติผู้เสียชีวิต รวมทั้งให้คำแนะนำปรึกษาเกี่ยวกับสิทธิสวัสดิการสังคมตามภารกิจกระทรวง พม. 


ส่วน นายบุญสงค์ ทัพชัยยุทธ์ ปลัดกระทรวงแรงงาน กล่าวว่า ได้กำชับให้สำนักงานประกันสังคมเร่งตรวจสอบข้อเท็จจริง โดยขณะนี้ นางมารศรี ใจรังษี เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม ได้มอบหมายให้ประกันสังคมจังหวัดปราจีนบุรีและประกันสังคมจังหวัดบึงกาฬ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อมูล พบว่า ผู้เสียชีวิต เป็นผู้ประกันตนมาตรา 33 จำนวน 1 ราย คือ นางสาวอภิญญา บุตรวัง อายุ 34 ปี เป็นลูกจ้างของสำนักงานเทศบาลพรเจริญ จังหวัดบึงกาฬ ตำแหน่งผู้ช่วยนักวิชาการสาธารณสุข ทายาทผู้เสียชีวิตจะได้รับสิทธิประโยชน์จากกองทุนเงินทดแทน รวมทั้งสิ้น 1 ล้านกว่าบาท 


นอกจากนี้ยังพบว่า มีผู้ประกันตน มาตรา 40 ที่เสียชีวิต จำนวน 2 ราย คือ นางสาวสุจิตตรา วิเศษทรัพย์ อายุ 42 ปีทายาทผู้เสียชีวิตจะได้ตามสิทธิกองทุนประกันสังคม ได้เงินค่าทำศพและบำเหน็จชราภาพ รวมทั้งสิ้นประมาณ 5 หมื่นกว่าบาท  และนายบุญโฮม จันทร์อ่อน อายุ 58 ปี ทายาทผู้เสียชีวิตจะได้ตามสิทธิกองทุนประกันสังคม ได้เงินค่าทำศพและบำเหน็จชราภาพ รวมทั้งสิ้นประมาณ 3 หมื่นกว่าบาท