ดนตรี / ทิวา สาระจูฑะ

Strumming my pain with his fingers

Singing my life with his words

Killing me softly with his song

Killing me softly with his song

Telling my whole life with his words

Killing me softly with his song…

ข้างต้นนั้นคือท่อนจำของเพลงอมตะ “Killing Me Softly with His Song” จากปี 1973 ของยอดนักร้อง โรเบอร์ตา แฟล็ค ผู้จากไปเมื่อวันจันทร์ 24 กุมภาพันธ์ 2025 ที่ผ่านมา ในวัย 88 ปี

ก่อนหน้านี้ในปี 2022 แฟล็ค ประกาศว่า เธอเป็นโรคเซลล์นำประสาทเสื่อมจนเกิดอาการสโตรก และไม่สามารถร้องเพลงได้อีกต่อไป นั่นเป็นสัญญาณว่าวาระสุดท้ายของเธอใกล้มาถึงแล้ว

"เธอเสียชีวิตอย่างสงบท่ามกลางแวดล้อมของครอบครัว ทำลายเส้นแบ่งดนตรีและสถิติต่างๆ เธอยังเป็นครูที่น่าภาคภูมิใจ” เป็นการประกาศของฝ่ายประชาสัมพันธ์ของเธอ

โรเบอร์ตา แฟล็ค เกิดในนอร์ธ แคโรไลนาและไปเติบโตในอาร์ลิงตัน รัฐเวอร์จิเนีย เริ่มเรียนเปียโนคลาสสิค เธอได้รับทุนการศึกษาในการเข้าเรียนมหาวิทยาลัยฮาเวิร์ดเมื่ออายุเพียง 15 ปี หลังจากนั้นเธอก็เป็นครูสอนดนตรี ส่วนกลางคืนก็เล่นเปียโนในคลับให้นักร้องโอเปร่า และมีโอกาสได้ร้องเพลงสแตนดาร์ด-ป็อปในช่วงพักของนักร้องหลัก

พื้นฐานจากการเรียนดนตรีคลาสสิคัลที่แวดล้อมด้วยผลงานของคีตกวี อย่าง บ๊าค, โชแปง และ ชูมานน์ มาถึงอาชีพนักดนตรีกลางคืนที่ต้องเล่นเพลงป็อปหรือโซลประสานเสียงแบบดู-ว๊อบ คือการสั่งสมประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมสำหรับอนาคตที่จะมาถึง

อาชีพศิลปินบันทึกเสียงเริ่มเมื่อเธอถูกค้นพบในคลับแจ็ซซ์แห่งหนึ่งโดย เลส แม็คแคนน์ นักดนตรีมากประสบการณ์ เขานำเธอไปพบกับผู้บริหารบริษัทเพลงใหญ่ และเซ็นสัญญาออกผลงาน แต่ โรเบอร์ต้า ก็ไม่ได้มีเพลงฮิททันที ความสำเร็จมาถึงเมื่ออายุ 30 ปี เธอได้บันทึกเสียงเพลง “The First Time Ever I Saw Your Face” ของ อีแวน แม็คคอลล์  และถูกใช้ประกอบฉากรักในหนัง Play Misty For Me ของ คลิ้นท์ อีสต์วู้ด เมื่อปี 1971

ต่อมาเพลง “The First Time Ever I Saw Your Face” ก็ได้รางวัล แกรมมี่ สาขาเพลงแห่งปี ในการแจกรางวัลตอนต้นปี 1972 เพียงปีเดียวถัดมา เธอก็ได้รางวัล แกรมมี่ เป็นครั้งที่ 2 จากเพลง “Killing Me Softly with His Song” ในสาขาเพลงในการบันทึกเสียงแห่งปีและเสียงร้องป็อปยอดเยี่ยม ซึ่งทั้งสองเพลงขึ้นไปติดอันดับ 1 บนตารางซิงเกิ้ล บิลล์บอร์ด ฮ็ฮท 100 และไม่เท่านั้น ในปี 1974 เธอมีเพลงขึ้นอันดับ 1 อีกครั้งกับ “Feel Like Makin' Love”

ทศวรรษ 1970 เป็นห้วงเวลาที่ โรเบอร์ตา เก็บเกี่ยวความสำเร็จมากมาย ทั้งผลงานเดี่ยวและร่วมกับศิลปินชั้นยอดหลายราย และมีเพลงฮิทติดอันดับ อย่าง “The Closer I Get to You” (ร่วมกับ ดอนนี ฮาธาเวย์) , “Where Is the Love” (ร่วมกับ ดอนนี ฮาธาเวย์), “Set the Night to Music” (ร่วมกับ แม็กซี พรีสต์), “Tonight, I Celebrate My Love” (ร่วมกับ พีโบ ไบรสัน), “Making Love”, “You’ve Got A Friend” (ร่วมกับ ดอนนี ฮาธาเวย์) และ“If Ever I See You Again”

หลังจากมีการทำคัฟเวอร์โดยศิลปินมากหน้าหลายตา “Killing Me Softly with His Song” ซึ่งเป็นเพลงโด่งดังที่สุดของ โรเบอร์ต้า กลับมาได้รับความนิยมอีกครั้งในหมู่คนรุ่นใหม่ เมื่อ ลอรีน ฮิลล์ นักร้องนำแห่งวงฮิป-ฮ็อป เดอะ ฟูจีส์ นำเพลงนี้มาบันทึกเสียงในอัลบั้ม The Score ปี 1996 ซึ่งติดอันดับ 1 ทั่วโลก

หลังจากทศวรรษ 1980 เป็นต้นมา โรเบอร์ต้า หันไปเคลื่อนไหวด้านการกุศลมากขึ้น รวมถึงการเปิดโรงเรียนสอนดนตรี แต่อีกด้านหนึ่ง เธอก็ยังคงทำงานเพลงอยู่

อาจจะเพราะเธอมีน้ำเสียงและความสามารถในการร้องที่ช่วยเลื่อนขอบเขตจำกัดของดนตรีแนวต่างๆ บางคนจึงมองว่าเป็นนักร้องสแตนดาร์ด-ป็อป บ้างก็เรียกเธอเป็นนักร้องแจ็ซซ์ และบางทีถูกประทับตรานักร้องโซล/อาร์แอนด์บี แต่ โรเบอร์ต้า มองตัวเธอเองว่าเป็นนักร้องที่เต็มไปด้วยจิตวิญญาณ “ฉันพยายามร้องด้วยความรู้สึกแท้จริงที่ฉันมีในร่างกายและจิตใจ” และ “ฉันพยายามมาตลอดอาชีพของฉันที่จะเล่าเรื่องราวผ่านดนตรีของฉัน”

โรเบอร์ต้า แฟล็ค ไม่อยู่แล้ว แต่เพลงของเธอจะยังถูกนำไปขับขานตลอดไป ตราบที่โลกนี้ยังมีเสียงเพลง