หนังสือพิมพ์สยามรัฐ ขายข่าวขายความจริงให้ประชาชนคนไทยได้อ่านมาอย่างต่อเนื่องยาวนานที่สุดในประเทศไทยฉบับนี้ ประจำวันพุธที่ 26 ก.พ.68 ดีเอสไอไม่มีอำนาจดำเนินคดีอาญาฮั้วเลือก สว. ...*...
การที่ คณะกรรมการคดีพิเศษ ดีเอสไอ ที่มี นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีกลาโหม เป็นประธาน ดำเนินการประชุม พิจารณารับคดีฮั้วเลือก สว.ให้ ดีเอสไอรับเป็นคดีพิเศษ เมื่อช่วงบ่ายวันวันวาน วันอังคารที่ผ่านมา เป็นเวลา ที่ บารอน ต้องเขียนข่าวล่วงหน้า อาศัยสามัญสำนึกเบื้องต้น การเลือก สว. เป็นไปตาม พ.ร.บ.เลือกตั้ง ที่ มีกฎหมายรองรับ ให้ไปอยู่ใน อำนาจของคณะกรรมการการเลือกตั้ง มากกว่าครับ ...*...
คณะกรรมการคดีพิเศษ ดีเอสไอ ประกอบด้วย นายภูมิธรรม เวชยชัย เป็นประธาน และ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรียุติธรรม เป็นรองประธาน แล้วยังประกอบไปด้วย คณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิระดับปลัดกระทรวงต่างๆ รวมๆแล้ว 22 คน ต้องมีมติเห็นด้วย 2 ใน 3 หรือ อย่างน้อย 15 คน ถึงจะ ให้ ดีเอสไอรับเป็นคดีพิเศษได้ ในขณะเดียวกัน 138 สว.ที่ถูกกล่าวหาว่าฮั้วการเลือก สว. ก็สามารถ ฟ้องร้องกลับได้ว่าคณะกรรมการคดีพิเศษฯมีเจตนากลั่นแกล้ง มีความผิดตาม มาตรา 157 ซึ่ง ศาลอาญาเพิ่งมีคำพิพากษาลงโทษจำคุก 2 ปี และ ไม่มีการรอลงอาญา ในคดีที่เจ้าหน้าที่รัฐใช้อำนาจเจตนากลั่นแกล้ง...*...
บรรทัดนี้ บารอน ยอมหน้าแตก แลกกับการเขียนข่าวล่วงหน้า ว่า คณะกรรมการคดีพิเศษ ดีเอสไอ คงดูทางหนีทีไล่แล้ว ยื้อการลงมติออกไปก่อน เพื่อ รักษาอำนาจต่อรองทางการเมืองไว้ในมือ และ จะมีคณะกรรมการไม่ครบองค์ประชุม หรืออย่างน้อยๆ มีกรรมการหลายคนไม่เข้าร่วมประชุมพิจารณา รู้รักษาตัวรอดให้ปลอดภัย ...*...
“บารอน” ก็เหมือนคนไทยส่วนใหญ่ ที่มั่นใจว่ามีการฮั้วเลือก สว.จริงๆ แต่ว่าไปแล้ว ทุกสี ทุกค่าย ต่างก็มีรูปแบบการฮั้วกันทั้งนั้น โดย วิธีการแตกต่างกันออกไป แต่แปลกใจ ทำไม กกต.จึงจับไม่ได้ไล่ไม่ทัน แถมยัง รับรองผลการเลือก สว.อีกต่างหาก แทนที่จะ มาดำเนินคดีฮั้วเลือกตั้งกับ 138 สว. ซึ่งน่าจะผิดฝาผิดตัว ดำเนินคดีกับ กกต. ที่ ปล่อยให้มีการฮั้วเลือก สว.อย่างโจ๋งครึ่มได้อย่างไร ถูกหัวใจตรงๆเลยครับ ...*...
การตั้งข้อหา 138 สว.เป็นอั้งยี่ซ่องโจร ที่นี่ บารอน มองว่า เป็นการบิดเบือนกระบวนการยุติธรรม เพื่อผลประโยชน์ทางการเมืองมากกว่า หวังว่าจะสามารถรับเป็นคดีพิเศษได้ คิดผิดคิดใหม่ได้ หยุดการกระทำเสียเถิดครับ ข้อกล่าวหา อั้งยี่ซ่องโจร ต้องมีพฤติกรรม คดีที่มีความผิดต่อประชาชน แต่ ความผิดฮั้วเลือก สว. เป็น ความผิดต่อ พ.ร.บ.เลือกตั้ง ที่ อยู่ในอำนาจหน้าที่ของ กกต. ซึ่ง มีบทกำหนดลงโทษอยู่แล้ว ...*...
ว่าไปแล้ว พ.ร.บ.เลือก สว. แบบพิสดารพันลึกฉบับนี้ เหมือนกับเปิดช่องให้มีการฮั้วกัน เช่น ให้มีการรวมตัวกัน หรือ ให้มีการประชุมปรึกษาหารือกัน ก็กำหนดไว้ใน พ.ร.บ.เลือก สว. ก็ กกต.ยังต้องจัดห้องประชุมให้ผู้ผ่านการคัดเลือก สว.ประชุมกันในรอบสุดท้ายถึง 2 ครั้ง 2 หน ตั้งแต่ รอบเลือกไขว้ และ เลือกตรง ...*...
ที่ไปกล่าวหาว่า มีการถือโพยจะเลือกใครเข้าห้องประชุม เพื่อ เป็นพยานหลักฐานว่ามีการฮั้วเลือก สว. ที่นี่ บารอน ขอยก คำพิพากษาศาลฎีกา ที่เคยวินิจฉัยยกฟ้องมาแล้ว ไม่เป็นการกระทำความผิด ตราบใดที่ ยังไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่ามีการซื้อสิทธิขายเสียง ยิ่งการเลือก สว. แต่ละคน ต้องเลือกถึงคนละ 20 คน ใครจะไปจำกันได้หมด ถ้าไม่มีถือโพยเข้าไป...*...
ข่าวการนัดพบกัน ระหว่าง สองผู้นำจิตวิญญาณ ของ 2 พรรคการเมืองคือ พรรคเพื่อไทย คือ นายทักษิณ ชินวัตร กับ พรรคภูมิใจไทย คือ นายเนวิน ชิดชอบ อดีตนายกับลูกน้อง ที่ถูกหมากบังคับทางการเมือง ให้เป็นสองพรรคใหญ่ร่วมรัฐบาลเดียวกัน ในสภาพถือมีดเหน็บไขว้หลังกันคนละเล่ม เมื่อช่วงสายแก่ๆวันจันทร์ที่ผ่านมา พลันที่ บารอน ได้รับรายงานจากหัวหน้าข่าวสยามรัฐ ก็ปฏิเสธไปทันที ว่า ไม่มีทางเป็นไปได้ ที่ ทักษิณ ชินวัตร จะเดินทางไป จุดหมายนัดพบ คือ โรงแรมพูลแมน ซอยรางน้ำ ซึ่งถือเป็นถ้ำบัญชาการ ของ นายเนวิน ชิดชอบ ...*...
แต่สายๆวันจันทร์ที่ผ่านมา นายเนวิน ชิดชอบ เดินทางจากบุรีรัมย์ มาเข้าถ้ำพลูแมน อันเป็นปกติวิสัย ต้องมาประชุมรัฐมนตรีกับ สส.ภูมิใจไทย เป็นประจำสัปดาห์อยู่แล้ว มีความพยายามจัดให้สองผู้นำจิตวิญญาณพบกัน เพียงแต่ เกี่ยงกันเรื่องสถานที่นัดพบ ระหว่าง จันทร์ส่องหล้า กับ พลูแมน ที่ ต่างฝ่ายต่างก็ไม่ยอมออกจากถ้ำ ที่น่าเป็นห่วง เรื่องเสถียรภาพของรัฐบาลจะสั่งคลอน แต่ บารอน ว่า สุดท้ายต้องยอมงอ เพื่อ รอเวลาถึงวันหัก ...*...
เพียงแค่ข้ามเดือนแรก เก้าอี้ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ของ โดนัลด์ ทรัมป์ ก็ เริ่มสั่นคลอน ซะแล้ว คะแนนนิยมต่ำกว่าห้าสิบเปอร์เซ็นต์ จากการ ปลดประธานเสนาธิการทหารร่วม คือ พลเอกบราว์น นายทารใหญ่ผิวสี ที่มีความสามารถไต่เต้าถึงตำแหน่งทางทหารสูงสุด ย่อมมีโปรไฟล์ไม่ธรรมดา ทั้งๆที่ เพิ่งทำหน้าที่อันสำคัญนี้ได้เพียงครึ่งเทอม ...*...
อีกคำสั่ง ที่เล่นเอาอเมริกันแทบคลั่ง ไม่คิดว่า รัฐมนตรีกลาโหม จะกล้าออกคำสั่ง ปลดแม่ทัพเรือ ที่เป็นสตรีอเมริกาผิวขาว พลเอกหญิงริซ่า แฟรนเซทตี้ ไม่เก่งจริง คงไม่เป็นทหารหญิงที่ก้าวขึ้นตำแหน่งนายพล ทั้งยังก้าวขึ้นถึงเก้าอี้แม่ทัพเรือใหญ่ ของ กองทัพเรืออเมริกัน เก้าอี้ประธานาธิบดีสหรัฐฯเริ่มสั่นคลอน จะรอดสันดอนครบเทอม 4 ปีหรือ