วันที่ 26 ก.พ.2568 ที่โบสถ์ชาบัด อ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอน นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย พร้อมด้วยนายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทยและคณะ ลงพื้นที่ติดตามตรวจสอบสถานที่ทำกิจกรรมทางศาสนาของชาวอิสราเอล ภายหลังเกิดกระแสข่าวชาวอิสราเอลเข้ามาตั้งถิ่นฐานและก่อความวุ่นวายในพื้นที่อำเภอปายของประเทศไทย

ทั้งนี้เมื่อนายอนุทินเดินทางมาถึงในเวลา09.30น. นางออร์นา ซากิฟ เอกอัครราชทูตอิสราเอลประจำประเทศไทยพร้อมด้วย นายนาเฮ็มยา วิลเฮ็ม ผู้นำศาสนายูดาห์ในชุมชน ได้ให้การต้อนรับ ก่อนจะนำชมสถานที่ และอธิบายถึงกิจกรรมทางศาสนา

ขณะที่นายเนเฮมยา วิลเฮม ผู้นำศาสนายูดาห์ในชุมชน เปิดเผยว่า มูลนิธิชาบัดในประเทศไทย มีอยู่ 6 แห่ง คือ ที่กรุงเทพฯ เชียงใหม่ ภูเก็ต สมุย เกาะพะงัน และที่อ.ปาย ซึ่งจะมีการจัดพิธีสวดมนต์ในทุกเย็นวันศุกร์ต่อเนื่องจนถึงเย็นวันเสาร์ และรับประทานอาหารร่วมกัน โดยทุกคนสามารถมาได้ ไม่ได้ปิดกั้นแต่ต้องผ่านการตรวจสอบเรื่องความปลอดภัย เนื่องจากอิสราเอลมีสงคราม ทำให้ต้องมีการตรวจสอบเพื่อให้ทุกคนมาอยู่ร่วมกันได้ ยืนยัน ไม่มีการปักป้ายห้ามคนไทยเข้ามาในเขตมูลนิธิ ถ้าผ่านการตรวจสอบด้านความปลอดภัยก็สามารถเข้าได้ทั้งหมด 

นายเนเฮมยา กล่าวต่อว่า ในระหว่างพิธีสวดมนต์จะห้ามผู้เข้าร่วมเล่นโทรศัพท์ สูบบุหรี่ ตลอด 24 - 25 ชั่วโมง ซึ่งที่ผ่านมาไม่เคยมีการร้องเรียน เรื่องปัญหาเสียงดังรบกวนชาวบ้าน แต่ในช่วงสองถึงสามสัปดาห์ที่ผ่านมามีการปล่อยข่าวปลอมว่ามีชาวอิสราเอล 30,000 คน แต่ความเป็นจริงแล้วมีชาวอิสราเอลที่อาศัยอยู่ที่อำเภอปายเพียง 50-40 คนเท่านั้น แต่มีนักท่องเที่ยวประมาณ 30,000 คนต่อปี ซึ่งจะอยู่เพียง 2-3 สัปดาห์ก็กลับ 

เมื่อถามว่ากังวลหรือไม่กับกระแสข่าวที่พุ่งเป้ามาที่นักท่องเที่ยวอิสราเอลจะยึดอ.ปาย ผู้นำศาสนายูดาห์ในชุมชนกล่าวว่า รู้สึกเสียใจมาก แม้คนอิสราเอลจะเสียงดัง และมีคนไม่ดีบ้าง แต่คนที่มาที่นี่ชอบประเทศไทย ชอบคนไทยไม่รู้ทำไมถึงมีคนพูดเช่นนั้น ซึ่งทุกครั้งที่คนอิสราเอลมาร่วมพิธีที่มูลนิธิ ทำให้เข้าใจตนเองจะเน้นย้ำให้เข้าใจถึงบริบทและวัฒนธรรมของประเทศไทย ซึ่งในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ตนได้พูดคุยกับประชาชนในพื้นที่เขาบอกว่าไม่มีปัญหากับคนอิสราเอล แต่มีคนไปเขียนในโซเชียลมีเดีย

“ยืนยันว่า คนอิสราเอลไม่ได้มีความเชื่อว่าอำเภอปายจังหวัดแม่ฮ่องสอนเป็นดินแดนพันธสัญญาตามหลักศาสนา ไม่มีใครคิดแบบนั้น เป็นข่าวเท็จ เราคิดว่าอิสราเอลพระเจ้าให้เรา แต่ที่นี่ประเทศไทยให้คนไทย” นายเนเฮมยา กล่าว

อย่างไรก็ตามจากการลงพื้นที่พบว่า โบสถ์ชาวยิว หรือ ชาบัด ตั้งอยู่หลังสภานีตำรวจภูธรปาย ด้านนอกมีรั้วสูง มีประตูมิดชิด และมีป้ายภาษาบูโครีแปลเป็นภาษาไทยว่า "ชาบัดปาย" 

ภายในมี 2 อาคาร อาคารแรกมี 2 ชั้น ถูกใช้เป็นสถานที่ประกอบพิธีทางศาสนาในวันศุกร์ และเสาร์ อย่างการสวดมนต์ มีโต๊ะ เก้าอี้ และคัมภีร์สวดมนต์ ส่วนอาคารอีกจุดใกล้กัน เป็นบ้านพักสำหรับผู้นำศาสนาในชุมชน นอกจากนี้ยังมีเต็นท์ขนาดใหญ่ ที่ก่อนหน้ามีภาพชาวอิสราเอลนั่งกินข้าวอยู่จำนวนมาก จุดนี้เจ้าหน้าที่บอกว่า เป็นสถานที่สำหรับกินอาหารร่วมกันในวันที่มีการประกอบพิธิทางศาสนา 

ส่วนจุดที่ถูกกล่าวหาว่า มีการสร้างห้องใต้ดินนั้น เจ้าหน้าที่พาลงไปสำรวจ พบอยู่ระหว่างการก่อสร้าง แต่ไม่ใช่ห้องใต้ดิน เป็นห้องอาบน้ำแยกหญิง และชาย ขณะที่บ่อลึกคือ สระน้ำศักดิ์สิทธิ์ สำหรับจุ่มล้างตัว ซึ่งการสร้างสระดังกล่าวใช้แบบแปลนเดียวกันกับชาบัดที่กรุงเทพฯ ซึ่งสร้างเสร็จไปแล้วก่อนหน้า