SA โชว์ผลงานปี 2567 กวาดรายได้รวม 4,740.05 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 137.56% สร้างสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ กำไรแตะ 386.32 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 100.11% อานิสงส์ยอดโอนโครงการ Landmark @MRTA Station ทั้งปีพุ่งกระฉูด ธุรกิจโรงแรม-บริการ ร้านอาหาร ไปได้สวย บอร์ดไฟเขียวจ่ายปันผลเป็นเงินสดอัตรา 0.08 บาท/หุ้น รับทรัพย์ 23 พ.ค.นี้ ฟากซีเอฟโอ "รีย์ฐิตา อักษรจิรารัตน์" ระบุพร้อมเดินหน้าพัฒนาโครงการ Branded Residence และ Mixed Use เจาะกลุ่มนักลงทุนรุ่นใหม่ แย้มปี 2568 ตั้งเป้ารายได้เติบโต 10-15% นิวไฮต่อเนื่อง

เมื่อวันที่ 26 ก.พ.68 นางสาวรีย์ฐิตา อักษรจิรารัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่สายงานการเงินและบัญชี บริษัท ไซมิส แอสเสท จำกัด (มหาชน) (SA) ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์แบบครบวงจร ภายใต้แนวคิด “Asset of Life สร้างกำไรให้กับทุกการใช้ชีวิต” เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานของกลุ่มบริษัทฯ ในปี 2567 มีรายได้รวม 4,740.05 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2,744.74 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 137.56% เทียบปีก่อน ซึ่งถือเป็นการสร้างสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยได้รับปัจจัยสนับสนุนจากรายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์และสินค้า 4,105.01 ล้านบาท รายได้จากการประกอบธุรกิจโรงแรม 406.84 ล้านบาท รายได้จากการบริการ 58.20 ล้านบาท และรายได้อื่น 175.51 ล้านบาท ส่งผลทำให้มีกำไรสุทธิ 411.20 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 74.47% เทียบปีที่ผ่านมา โดยเป็นกำไรจากส่วนที่เป็นของบริษัทใหญ่ 386.32 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 100.11% เทียบปีที่ผ่าน

สำหรับปี 2567 บริษัทฯ รับรู้รายได้ส่วนใหญ่มาจากการรขายอสังหาริมทรัพย์จาก 5 โครงการหลัก ได้แก่ Landmark @MRTA Station (ชื่อเดิม Siamese Praramkao), Siamese Kin Ramintra (Phase 2),Monsane Exclusive Villa Ratchaphruek Pinklao, Monsane Ratchapruek – Chaengwattana และ Siamese Blossom Phahol-Vibhavadi รวม 3,764.08 ล้านบาท และรับรู้รายได้จากโครงการอื่นๆ 340.93 ล้านบาท โดยรายได้ส่วนใหญ่มาจากโครงการ Landmark @MRTA Station ซึ่งเป็นโครงการใหญ่ของบริษัทฯ ทั้งนี้หากพิจารณาสัดส่วนรายได้ตามประเภทโครงการ บริษัทฯ มีรายได้จากโครงการแนวสูงคิดเป็นสัดส่วน 78.62% ส่วนโครงการแนวราบคิดเป็นสัดส่วน 21.38%

ขณะเดียวกันบริษัทฯ มีการรับรู้รายได้จากการประกอบธุรกิจโรงแรม เท่ากับ 406.84 ล้านบาท คิดเป็น 8.58% ของรายได้ เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน 163.34 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นถึง 67.08% โดยรายได้เติบโตขึ้นจาก อัตราการเข้าพักที่สูงกว่า (Occupancy rate) ราคาเฉลี่ยห้องพักต่อคืนที่ปรับสูงขึ้น รวมถึงจำนวนห้องที่สูงขึ้น ซึ่งปัจจุบันบริษัทฯ เปิดให้บริการโรงแรมจำนวน 6 แห่งได้แก่ 1.Wyndham Bangkok Queen Convention Center 2. Wyndham Garden Sukhumvit 42 3.Ramada Plaza Sukhumvit 48 4.Ramada Sukhumvit 87 5.Tribe Living Bangkok Sukhumvit 39 และ 6. Cassia Residence Rama 9 Bangkok ที่เพิ่งเปิดดำเนินการในช่วงปลายปีที่ผ่านมา

"ปี 2567 ถือเป็นอีกปีที่กลุ่มบริษัทฯ สามารถเติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง ทั้งในด้านรายได้และกำไร โดยมาจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่ยังคงเป็นปัจจัยหลักในการขับเคลื่อนองค์กร แม้เผชิญกับความท้าทายหลายปัจจัยจากสภาวะอุตสาหกรรม อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ได้มีการปรับกลยุทธ์ด้วยการพัฒนาโครงการ Branded Residence เพิ่มโครงการแบบ Mixed Use และขยายโครงการแนบราบสู่กลุ่มลูกค้าที่หลากหลาย ประกอบกับการเจาะตลาดนักลงทุนที่สนใจอสังหาริมทรัพย์เพื่อปล่อยเช่า ซึ่งถือเป็นกลุ่มที่มีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในทำเลที่มีดีมานด์สูง ทั้งจากชาวไทยและชาวต่างชาติ ขณะเดียวกัน ธุรกิจโรงแรมและธุรกิจบริการ ร้านอาหาร มีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง จากแผนพัฒนาธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการอยู่อาศัย เพื่อสร้างประสบการณ์การอยู่อาศัยที่สมบูรณ์แบบ ตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างครบวงจร"

นอกจากนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ มีมติอนุมัติให้จ่ายเงินปันผลสำหรับงวดปี 2567 (มกราคม-ธันวาคม 2567) ให้กับผู้ถือหุ้นเป็นเงินสดจากกำไรสะสมปี 2567 ในอัตราหุ้นละ 0.08 บาท รวมเป็นเงินปันผลทั้งสิ้นไม่เกิน 95,912,560 บาท โดยกำหนดให้ผู้ถือหุ้นที่จะมีชื่อปรากฏ ณ วันกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้น (Record Date) ในวันที่ 12 มีนาคม และกำหนดจ่ายเงินปันผล ในวันที่ 23 พฤษภาคม 2568

สำหรับปี 2568 บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายการเติบโตของรายได้อยู่ที่ประมาณ 10-15% จากปีก่อน สร้างสถิติสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง โดยประเมินจากยอดขายรอโอน (Backlog) อยู่ที่ 5,000 ล้านบาท คาดทยอยรับรู้ในปี 2568 กว่า 2,000 ล้านบาท และมีโครงการ Branded Residence ซึ่งบริษัทฯ พัฒนารูปแบบขึ้นมา เพื่อให้บริการแก่ผู้ใช้บริการห้องพักให้สามารถเลือกใช้บริการได้เสมือนหนึ่งการเข้าพักในโรงแรม เพื่อตอบสนองความต้องการแก่กลุ่มลูกค้าที่ซื้อห้องชุดเพื่อพักอาศัยเอง และกลุ่มลูกค้าที่เป็นนักลงทุนที่ซื้ออสังหาฯ เพื่อปล่อยเช่า โดยบริษัทฯ เชื่อมั่นว่ากลยุทธ์เหล่านี้จะช่วยเพิ่มโอกาสในการขยายธุรกิจให้เติบโตได้อย่างมั่นคงและยั่งยืนในระยะยาว