วันที่ 26กุมภาพันธ์ 2568 ผู้สื่อข่าวรายงาน ว่า ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ นายประวิทย์ ผู้เสียหายพร้อมทนายความเข้ายื่นหนังสือร้องขอความเป็นธรรมต่อ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ โดยมี พ.ต.อ.สาโรช พลพินิจ รอง ผบก.งป. พันเวรอำนวยการเป็นผู้รับเรื่อง เพื่อเสนอต่อๆไปยังผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ
นายประวิทย์ กล่าวว่า ตนถูก ร.ต.อ.พิษณุ ยุติธรรมนนท์ รองสารวัตรสืบสวน สภ.เมืองชลบุรี จ.ส.ต.ขยากร ใจสระ ,จ.ต.ต.ณรงค์เดช ใจเที่ยง ,ส.ต.อ.วัฒน์ชีระ สองอุทา ,ส.อ.จ.ราวุฒิ เป้าน้อย กับพวก กลั่นแกลังเพื่อให้ต้องรับโทษทางอาญา โดย ร.ต.อ.พิษณุ นั้นได้รู้อยู่แล้วว่าตนมิได้กระทำความผิดและควบคุมตัวตนไปทำให้ขาดจากอิสรภาพ โดยมิชอบ
ซึ่ง นายประวิทย์ กล่าวว่าเมื่อประมาณช่วงเดือน ตุลาคม 2567 ตนมีความประสงค์ที่จะหาซื้อรถยนต์มือ 2 ต่อมา เมื่อวันที่ 19 ตุลาคม 2567 นายจุตรงค์ (สงวนนามสกุล)
ได้แนะนำรถยนต์ ยี่ห้อ โตโยต้า รุ่น ฟอร์จูนเนอร์ รุ่นปี 2019 โดยแจ้งว่ามีผู้ประกาศชายทางกลุ่มเฟซบุ๊ก กลุ่มสาธารณะ บุคคลทั่วไปสามารถเข้าถึงได้ มีสมาชิกในกลุ่มกว่า 109,000 คน โดยกลุ่มดังกล่าวมีวัตถุประสงค์ให้ ผู้ซื้อและผู้ขายรถยนต์ ซื้อขายกันตามกุฎหมาย โดยเป็นไปในทางลักษณะของการโฆษณาให้เห็น รูปรถ รุ่นรถ และให้ผู้ซื้อกับผู้ชายนั้นนัดหมายกัน
โดยตนได้แจ้งนายจุตรงค์ หรือตั้ม ว่าสนใจรถยนต์คันดังกล่าว แล้วมอบหมายให้นายจุตรงค์ นัดหมายกับผู้ขายเพื่อขอดูรถ ในวันที่ 22 ตุลาคม 2567 เวลาประมาณ 12.30 น.ต่อมาเมื่อวันที่ 22 ตุลาคม 2567นายจุตรงค์ เข้ามารับตนที่บ้าน เพื่อไปสถานที่นัดหมายดูรถ ปรากฏเมื่อไปถึงสถานที่ก็เจอ รถยนต์ที่จะซื้อจะขายกันจอดอยู่บริเวณลานจอดรถหน้าทางเข้าห้างฯโดยตนได้เข้าไปจอดรถบริเวณใกล้เคียงรถยนต์คันดังกล่าว และ นายจุตรงค์ ได้โทรหาผู้ขาย หลังจากนั้นมีชายวัยอายุประมาณ 40 ใส่เสื้อชุดบอลสีเหลือง ลายหนุมาน และผู้หญิงอายุประมาณ 30 ปีเดินลงจากรถยนต์ โตโยต้าฟอร์จูนเนอร์ หมายเลขทะเบียน 8 กศ 2563 กทม และแสดงตัวว่าเป็นว่าเป็นน้องสาวของเจ้าของรถ
ทั้งนี้ นายประวิทย์ กล่าวต่อว่า ตนจึงตรวจสอบเอกสารพร้อมมอบเงินก่อนจะดำเนินการทำการซื้อขายกัน ขณะเดียวกันมีกลุ่มชายฉกรรจ์จำนวน 6-7 นายวิ่งเข้ามาล็อคพวกตนไว้ปล่อยให้ผู้ขายทั้งสองถือเงินวิ่งหนีไป ทำให้ตนได้รับความเสียหาย และมาแจ้งความต่อ เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองชลบุรี เรื่องกลับเงียบ จึงทำให้ตนเห็นว่าไม่รับความเป็นธรรมจึงมาร้องทุกข์ต่อผู้บัญชาการแห่งชาติและจเรตำรวจแห่งชาติเพื่อดำเนินการต่อไป