สยามรัฐ ยืนหยัดอยู่บนบรรณภิภพ และสังคมออนไลน์ทุกแพลตฟอร์ม ด้วยปณิธาณ “นิคฺคณฺเห นิคหารหํ ปคฺคณฺเหปคฺคหารหํ” แปลว่า “พึงชมคนที่ควรชม พึงข่มคนที่ควรข่ม” …*...

สวมหมวก 3 ใบ ลงพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ สำหรับ “ทักษิณ ชินวัตร” ในฐานะที่ปรึกษาประธานอาเซียน อดีตนายกรัฐมนตรี และพ่อของนายกรัฐมนตรี ในรอบ 19 ปี ...*...

โดยเฉพาะ “ทักษิณ” นั้นถูกวิจารณ์ว่าในช่วงที่เขาเป็นนายกรัฐมนตรีนั้นเป็นปฐมบทความรุนแรงในพื้นที่ หรือ “ไฟใต้” วันนี้ แน่นอนว่า เขาต้องการโอกาสในการ “แก้มือ” หรือ “ล้างตา” อีกครั้ง ...*...

โดยถือโอกาสการลงพื้นที่รอบนี้  กล่าวขอโทษต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในการสลายการชุมนุมที่หน้าสถานีตำรวจภูธรตากใบ อ.ตากใบ จ.นราธิวาส เมื่อปี 2547 ...*...

“ตอนเป็นนายกรัฐมนตรี มีความตั้งใจและห่วงใยประชาชน 100% แต่การทำงานก็มีผิดพลาดได้บ้าง ถ้ามีอะไรผิดพลาด ที่ไม่พอใจ ก็ขออภัยด้วย ให้ช่วยกันเพื่อแก้ปัญหา ซึ่งคนมุสลิมจะมีสิ่งที่สำคัญมาก คือ ความเข้าใจเกรงใจเเละการให้อภัย ผมก็ขออภัยด้วย” ...*.. .

แม้ก่อนที่เครื่องบินเจ็ทส่วนตัวของทักษิณจะแลนดิ้งสนามบินนราธิวาส จะเกิดเหตุระเบิดรถกระบะที่สนามบินก่อนหน้าประมาณ 1 ชั่วโมง   แต่เจ้าตัวก็ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงกำหนดการ โดยมองว่า เป็นเพียง “การแสดงเชิงสัญลักษณ์เท่านั้น” แม้จะทำให้เขาตกใจแต่รู้สึกใจแข็ง เนื่องจาก เคยถูกลอบฆ่ามาแล้วถึง 4 ครั้ง จึงไม่รู้สึกหวั่นไหว ...*...

 ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน 2549 ภายหลังรัฐประหาร พล.อ.สุรยุทธ์  จุลานนท์ ประธานองคมนตรี ในฐานะนายกรัฐมนตรีในขณะนั้น ได้กล่าวต่อผู้นำทางศาสนา และผู้นำชุมชนระดับต่างๆ ว่า“ผมขอโทษแทนรัฐบาลชุดที่แล้ว และขอโทษแทนรัฐบาลนี้ สิ่งที่เกิดขึ้นเพราะรัฐบาลชุดที่แล้ว ผมมาขอโทษแทน ผมอยากยื่นมือออกไปแล้วบอกว่าผมเป็นคนผิด ผมขอกล่าวคำขอโทษด้วยใจจริง” ...*...

 กระนั้น ก็เป็นความคาดหวังของ “ทักษิณ” ที่เขามองว่ามองเห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ในการแก้ไขปัญหาสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยเฉพาะความร่วมมือระหว่างประเทศจากอินโดนีเซีย ที่สำคัญคือความเป็นที่ปรึกษาอาเซียนของ นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ที่เขายืนยันว่าบุคคล 2 สัญชาติเดินทางข้ามไปมา ทั้งทำมาหากินหรือเยี่ยมเยียนญาตินั้นไม่มีปัญหา  แต่หากข้ามไปมา แล้วมีจุดประสงค์เกี่ยวข้องกับการก่อการร้ายในประเทศไทย ก็ต้องมีความร่วมมือมากขึ้นเพื่อป้องกัน ...*...

ไฟใต้จะดับสนิทหรือคุโชนขึ้นมาอีกครั้งหรือไม่ ขึ้นอยู่กับฝีมือของพ่อใหญ่ทักษิณ ที่ “ถอดบทเรียน” ที่สำคัญ โดยเฉพาะ วาทกรรม ที่ไม่มีใครเตือนได้นอกจากเตือนตนเอง ส่วนไฟในพรรคร่วมรัฐบาล ระหว่างพรรคเพื่อไทยกับพรรคภูมิใจไทย เห็นทีจะลุกลามบานปลาย ล่าสุด ดีเอสไอยื่นดาบให้ กกต.เชือดปม “ฮั้วเลือกตั้ง สว.” ที่ก็รู้กันดีว่า เป็นขุมกำลังสำคัญของค่ายสีน้ำเงิน เล่นใหญ่ไฟกระพริบขนาดนี้ เป๋นจังหวะไล่บี้เอาคืน ฝั่ง สว.ลูกศิษย์ครูใหญ่เนวิน จึงตั้งป้อมส่วนกลับว่าดีเอสไอไร่อำนาจ ก็ต้องดูเหลี่ยมคูจากสงครามตัวแทน ที่ “ครูใหญ่เนวิน” จะตั้งรับอย่างไร เพราะหากเดินหมากผิด อาจถูกกินทั้งกระดาน ...*...

ที่มา:ศรพระราม (25/2/68)