Krungthai GLOBAL MARKETS เผยค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ที่ระดับ 33.53 บาทต่อดอลลาร์ “อ่อนค่าลงเล็กน้อย แทบไม่เปลี่ยนแปลง” จากระดับปิดวันที่ผ่านมา ณ ระดับ  33.50 บาทต่อดอลลาร์

เมื่อวันที่ 25 ก.พ.68 นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า นับตั้งแต่ช่วงคืนวันที่ผ่านมา เงินบาท (USDTHB) ยังคงเคลื่อนไหวในกรอบ Sideways ใกล้โซนแนวรับ 33.50 บาทต่อดอลลาร์ (แกว่งตัวในกรอบ 33.45-33.55 บาทต่อดอลลาร์) แม้ว่า เงินบาทจะมีจังหวะอ่อนค่าลงบ้าง ตามการแข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์ โดยเฉพาะในช่วงเช้าตรู่ของวันที่ 25 กุมภาพันธ์ หลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ได้ส่งสัญญาณว่า รัฐบาลสหรัฐฯ จะยังคงเดินหน้าขึ้นภาษีนำเข้ากับสินค้าจากเม็กซิโกและแคนาดา หลังจากที่ได้ชะลอการปรับขึ้นภาษีนำเข้าดังกล่าว ซึ่งภาพดังกล่าวได้กดดันให้ เงินเปโซของเม็กซิโก (MXN) และเงินดอลลาร์แคนาดา (CAD) ทยอยอ่อนค่าลง อย่างไรก็ดี เงินบาทยังพอได้แรงหนุนอยู่บ้าง ตามการปรับตัวขึ้นของราคาทองคำ (XAUUSD) ที่กลับมาแกว่งตัวแถวโซน 2,950 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ได้อีกครั้ง 

บรรยากาศในฝั่งตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยังคงถูกกดดันจากแรงขายบรรดาหุ้นเทคฯ ใหญ่ โดยเฉพาะหุ้นธีม AI/Semiconductor ท่ามกลางความกังวลแนวโน้มความต้องการลงทุนในธีม AI นอกจากนี้ ผู้เล่นในตลาดต่างก็รอลุ้น รายงานผลประกอบการของ Nvidia -3.1% ในช่วงวันพุธนี้ เพื่อประเมินทิศทางการลงทุนในธีม AI ทำให้โดยรวมดัชนีหุ้นเทคฯ Nasdaq ลดลง -1.21% ส่วน ดัชนี S&P500 ปิดตลาด -0.50% 

ทางฝั่งตลาดหุ้นยุโรป ดัชนี STOXX600 ย่อตัวลงเล็กน้อย -0.08% แม้ว่าตลาดหุ้นยุโรปจะถูกกดดันบ้าง จากความไม่แน่นอนของการเจรจาสันติภาพเพื่อยุติสงครามรัสเซีย-ยูเครน ทว่าตลาดหุ้นยุโรปยังพอได้แรงหนุนจากการปรับตัวขึ้นของตลาดหุ้นเยอรมนี ตอบรับผลการเลือกตั้งทั่วไปที่เป็นไปตามคาดการณ์ของผู้เล่นในตลาดและสอดคล้องกับผลโพลก่อนการเลือกตั้ง 

ในส่วนตลาดบอนด์ ภาวะปิดรับความเสี่ยงของตลาดการเงินโดยรวม รวมถึงมุมมองของผู้เล่นในตลาดที่กลับมาเชื่อว่า เฟดจะสามารถทยอยลดดอกเบี้ยได้ 2 ครั้ง ในปีนี้ และอีก 1 ครั้ง ในปีหน้า แบบ Fully-Priced In ได้กดดันให้บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ทยอยปรับตัวลงสู่ระดับ 4.38% อย่างไรก็ดี เรากังวลว่า บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ยังมีโอกาสรีบาวด์สูงขึ้นได้บ้าง ซึ่งต้องติดตามแนวโน้มการดำเนินนโยบายกีดกันทางการค้าของรัฐบาลสหรัฐฯ ที่จะส่งผลกระทบต่อแนวโน้มการปรับดอกเบี้ยนโยบายของเฟดได้ หลังล่าสุดประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ระบุว่า รัฐบาลสหรัฐฯ จะเดินหน้าขึ้นภาษีนำเข้ากับสินค้าจากเม็กซิโกและแคนาดา หลังจากได้ชะลอการปรับขึ้นภาษีนำเข้าดังกล่าวในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ เป็นระยะเวลา 1 เดือน

ทางด้านตลาดค่าเงิน เงินดอลลาร์ทยอยแข็งค่าขึ้น ในลักษณะ Sideways Up หนุนโดยความกังวลแนวโน้มการดำเนินนโยบายกีดกันทางการค้าของรัฐบาลสหรัฐฯ หลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ระบุว่า จะเดินหน้าขึ้นภาษีนำเข้ากับสินค้าจากเม็กซิโกและแคนาดา หลังจากที่ชะลอการขึ้นภาษีนำเข้าในช่วงก่อนหน้า ทำให้โดยรวมเงินดอลลาร์ทยอยปรับตัวขึ้นสู่โซน 106.8 จุด (แกว่งตัวในกรอบ 106.4-106.8 จุด) ในส่วนของราคาทองคำ แม้ว่าเงินดอลลาร์จะทยอยแข็งค่าขึ้น ทว่า ราคาทองคำ (สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน เม.ย. 2025) ยังพอได้แรงหนุนจากการทยอยปรับตัวลงของบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ท่ามกลางภาวะปิดรับความเสี่ยงของตลาดการเงิน รวมถึงมุมมองของผู้เล่นในตลาดที่กลับมากังวลแนวโน้มการดำเนินนโยบายกีดกันทางการค้าของรัฐบาลสหรัฐฯ อีกครั้ง ทำให้ ราคาทองคำสามารถปรับตัวขึ้นสู่โซน 2,960-2,970 ดอลลาร์ต่อออนซ์ 

สำหรับในช่วง 24 ชั่วโมงหลังจากนี้ ในฝั่งเอเชีย ผู้เล่นในตลาดจะรอติดตามผลการประชุมธนาคารกลางเกาหลีใต้ (BOK) ซึ่งบรรดานักวิเคราะห์ต่างประเมินว่า BOK มีแนวโน้มลดดอกเบี้ยลง 25bps สู่ระดับ 2.75% ตามแนวโน้มการชะลอตัวลงของเศรษฐกิจและทิศทางอัตราเงินเฟ้อที่ชะลอลงเข้าสู่เป้าหมายของ BOK 

ส่วนในฝั่งไทย ผู้เล่นในตลาดจะรอลุ้นรายงานยอดการค้าระหว่างประเทศ (Exports & Imports) ในเดือนมกราคม เพื่อประกอบการประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจของไทย ท่ามกลางความไม่แน่นอนของนโยบายการค้าของสหรัฐฯ 

นอกจากนี้ ผู้เล่นในตลาดจะรอติดตามถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) ธนาคารกลางยุโรป (ECB) และเฟด เพื่อประเมินแนวโน้มการดำเนินนโยบายการเงินของบรรดาธนาคารกลางหลักดังกล่าว 


สำหรับ แนวโน้มของค่าเงินบาท เรามองว่า เงินบาทเสี่ยงที่จะเผชิญแรงกดดันฝั่งอ่อนค่าได้บ้าง ท่ามกลางความกังวลแนวโน้มการดำเนินนโยบายกีดกันทางการค้าของรัฐบาลสหรัฐฯ อย่างไรก็ดี การอ่อนค่าของเงินบาทก็อาจมีลักษณะค่อยเป็นค่อยไปได้ ตราบใดที่ราคาทองคำยังคงสามารถปรับตัวขึ้นต่อได้ หรืออย่างน้อยก็แกว่งตัว Sideways แต่หากราคาทองคำปรับตัวลดลงต่อเนื่อง ก็จะยิ่งกดดันให้เงินบาทอ่อนค่าลงชัดเจนมากขึ้น 

โดยเราประเมินว่า เงินบาทก็อาจยังพอมีโซนแนวรับแถว 33.50 บาทต่อดอลลาร์ เนื่องจากในช่วงนี้อาจมีแรงซื้อเงินดอลลาร์จากบรรดาผู้นำเข้า ขณะเดียวกัน ฟันด์โฟลว์นักลงทุนต่างชาติในตลาดทุนไทยก็ยังมีความไม่แน่นอนอยู่ โดยนักลงทุนต่างชาติก็อาจกลับมาทยอยขายสินทรัพย์ไทยเพิ่มเติมได้ โดยเฉพาะในกรณีที่บรรยากาศในตลาดการเงินกลับมาอยู่ในภาวะปิดรับความเสี่ยงจากความกังวลแนวโน้มการดำเนินนโยบายกีดกันทางการค้าของสหรัฐฯ 

ท่ามกลางความผันผวนในตลาดการเงินที่ยังอยู่ในระดับสูง โดยเฉพาะในช่วงปีหน้าที่จะเผชิญกับ Trump’s Uncertainty ทำให้เรายังคงแนะนำว่า ผู้เล่นในตลาดควรใช้กลยุทธ์ในการปิดความเสี่ยงที่หลากหลายมากขึ้น ทั้งการใช้เครื่องมือเช่น Options หรือ สกุลเงินท้องถิ่น ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการปิดความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนได้ มองกรอบเงินบาทในช่วง 24 ชั่วโมง คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 33.45-33.65 บาท/ดอลลาร์

#เงินตรา #กรุงไทย #ตลาดการเงิน #เงินบาท #สยามรัฐ #สยามรัฐออนไลน์