วันที่ 24 ก.พ.68 นายจักรภพ เพ็ญแข อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี โพสต์เฟซบุคส่วนตัว ถึงการอสัญกรรมของอดีตนายกรัฐมนตรีและองคมนตรี ศาสตราจารย์ธานินทร์ กรัยวิเชียร ว่า เป็นการเปลี่ยนบทขนาดใหญ่และสำคัญในหนังสือประวัติศาสตร์การเมืองไทย

นี่คืออาจารย์นักกฎหมายผู้ตั้งฉายาให้กับรัฐบาลของตนเองว่า “รัฐบาลหอย” โดยมีคณะทหารเป็นเปลือก 

นี่คือครูผู้มีอิทธิพลต่อลูกศิษย์นักกฎหมายตัวตึงระดับชาติและครองอำนาจได้ยาวนาน ก็ขนาด บวรศักดิ์ อุวรรณโณ วิษณุ เครืองาม ธงทอง จันทรางศุ เป็นอาทิ นั่นล่ะครับ

นี่คือนักวิชาการอาวุโสผู้มีบทบาทต่อต้านลัทธิคอมมิวนิสต์อย่างเปิดเผยและรุนแรงในเวลานั้น โดยการเขียนตำรับตำราและเดินสายบรรยายทางด้านนิติศาสตร์และรัฐศาสตร์ทั่วประเทศและในโทรทัศน์

และนี่คือผู้ที่ชื่อถูก “แนะนำ” จากระดับสูงมากของบ้านเมืองในขณะนั้น ให้แก่หัวหน้าคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดินผู้เข้าสู่อำนาจใหม่หมาดในชั่วโมงนั่นเช่นกัน พลเรือเอกสงัด ชลออยู่ เมื่อวันที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2519 คำแนะนำนี้มาในทำนองว่า “มีปัญหาติดขัดอะไร ก็ให้ไปปรึกษาอาจารย์ธานินทร์ กรัยวิเชียร“

แล้วต่อมาคนไทยทั้งประเทศที่ส่วนใหญ่ได้ยินชื่อ ธานินทร์ กรัยวิเชียร เป็นครั้งแรกในชีวิต ก็รับรู้ต่อมาว่า นี่ล่ะคือนายกรัฐมนตรีคนต่อไปของประเทศ ต่อจาก ม.ร.ว. เสนีย์ ปราโมช ผู้ถูกยึดอำนาจเมื่อตอนหกโมงเย็นของวันนั้น

อาจารย์ธานินทร์มีเจตนาและประกาศจะอยู่ในอำนาจเบ็ดเสร็จเพื่อปกครองประเทศไทยยาวนานถึง 12 ปีกว่าจะคืนประชาธิปไตยให้อย่างสมบูรณ์ โดยให้เหตุผลว่า อย่างน้อย 12 ปี ประเทศไทยจึงจะโตพอที่จะเป็นประชาธิปไตยบนขาของตนเอง

แต่แล้ว 12 ปีก็กลายเป็น 1 ปีเมื่อได้เกิดการยึดอำนาจการปกครองแผ่นดินอีกครั้งเมื่อ พ.ศ. 2520 หลังจากรัฐบาลธานินทร์มีอายุครบหนึ่งปีไม่นานนัก รัฐบาลใหม่ที่ก้าวขึ้นมาอยู่ภายใต้อำนาจและอิทธิพลของ พลเอกเกรียงศักดิ์ ชมะนันท์ ซึ่งเข้ารับหน้าที่นายกรัฐมนตรีทั้งในรูปแบบของระบอบทหารและระบอบประชาธิปไตยแบบเสี้ยวใบในเวลาต่อมา จนกระทั่งแผ่นดินได้คนที่ลงตัวที่สุดในระบบการปกครองแบบไทยก้าวเข้ามาแทนที่ นั่นคือผู้ที่เป็นดาวฝ่ายขวาที่มีชื่อว่า พลเอกเปรม ติณสูลานนท์

หากถามว่า ชื่อชั้นของ ธานินทร์ กรัยวิเชียร บอกอะไรบ้างเกี่ยวกับประเทศไทยเราบ้าง ก็ต้องตอบว่า รัฐบาลของท่านก็คือความพยายามจัดตั้งรัฐบาลขวาจัดอนุรักษ์นิยมที่นำโดยพลเรือน มิใช่ทหาร ขึ้นมาเป็นครั้งแรก แต่ผลการทดลองครั้งนั้นต้องตีตราไว้ว่าเป็นความล้มเหลว

หลังจากนั้นเป็นต้นมาทหารก็มีบทบาทสำคัญทางการเมืองบ้านเมืองมากขึ้นเรื่อย ๆ โดยเฉพาะเมื่อเกิดภาวะคับขันหรือเกิดความไม่มั่นใจของชนชั้นนำขึ้น รัฐบาลนั้นจึงเป็นการทดลองทางรัฐศาสตร์ครั้งใหญ่ของประเทศไทย ส่วนใครจะชอบจะชังอย่างไรยังถือเป็นประเด็นสำคัญรองลงไป เรื่องหลักคือเราศึกษาอะไรได้บ้างเกี่ยวกับประเทศชาติและตัวเราเอง ผ่านรัฐบาลที่นำโดยผู้ที่มีชื่อว่า ศาสตราจารย์ธานินทร์ กรัยวิเชียร

ในเชิงสีสัน นี่คือผู้นำรัฐบาลไทยคนแรกที่มีคู่สมรสเป็นชาวต่างชาติคือชาวเดนมาร์ก คุณหญิงคาเรน กรัยวิเชียร ตัวเองคือนักศึกษาวิชาโหราศาสตร์อย่างเอาจริงเอาจังจนเข้าขั้น ”ครู“ นายกรัฐมนตรีที่สวมใส่เครื่องแบบสีกากีอยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าจะไปไหน เพราะเชื่อเคล็ดที่ว่าเมืองไทยจะต้องถูกปกครองโดยคนในเครื่องแบบเท่านั้น