รับสมัครเลือกตั้งนายกเทศมนตรีเทศบาลนครพิษณุโลก  วันแรกคึกคักอดีตแชมป์เก่า 5 สมัย “ เปรมฤดี ชามพูนท  ”   เบอร์ 3 เจอ   คู่แข่งหน้าใหม่สาย อบจ.เบอร์ 1- เสื้อส้ม เบอร์ 4  ส่วนอดีตผู้สมัคร ส.ส.พปชร.  ได้เบอร์ 2

ผู้สื่อข่าวรายงานถึงบรรยากาศการเปิดรับสมัครเลือกตั้งนายกเทศมนตรีนครพิษณุโลก ที่ห้องประชุมจุฬามณี 4 ชั้น 4 สำนักงานเทศบาลนครพิษณุโลก(อาคารหลังใหม่)  วันแรกวันนี้  (  24 ก.พ.  ) ถือว่า คึกคัก มีผู้สมัครนายกเทศมนตรี   มารอลงชื่อลงเวลากันก่อนเปิดรับสมัคร  ทำให้ต้องจับหมายเลขหรือเบอร์เพื่อหาเสียง ท่ามกลางบรรดากองเชียร์ของแต่ละทีมมาให้กำลังใจกันอย่างคึกคัก

 

โดย ผู้สมัครนายกฯ แชมป์เก่าคือ ดร.เปรมฤดี ชามพูนท จับได้เบอร์ 3 ซึ่งถือเป็นผู้สมัครที่เดินสายการเมืองท้องถิ่น”นายกเทศมนตรีนครพิษณุโลก”ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2538 ในนาม"ลูกนเรศวร" เที่ยวนี้ต้องแข่งกับนายศิริชิน หาญพิทักษ์พงศ์ อดีตรองนายก ประธานสภา อบจ.พิษณุโลก ในนามทีม”พัฒนานคร” จับได้เบอร์ 1 และตัวแทนสายสีส้ม อย่างนายธนากร กลิ่นผกา ที่ได้เบอร์ 4 ขณะที่ปลัดพิทักษ์ สันติวงศ์สกุล อดีตส.ส.พิษณุโลก ก็เปิดตัวลงเป็นทางเลือกด้วยเช่นกัน ชูป้าย “คณะพลังชุมชน” ชิงเก้าอี้นายกฯในครั้งนี้ด้วย

ทั้งนี้ ดร.เปรมฤดี  กล่าวว่า ลาออกจากตำแหน่งนายกเทศมนตรีนครพิษณุโลก 13 กุมภาพันธ์ 2568 ก่อนครบวาระ เนื่องจากการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา ตัวนายกและสมาชิก สับสนกัน มีบัตรเสียมาก จึงขอลงจากตำแหน่งก่อน ถามผู้ว่าฯแล้วก็ไม่ได้เสียหายอะไร อีกทั้งการเลือกตั้งจะง่ายขึ้น เพราะกาบัตรใบเดียว ไม่ต้องสับสนกับเลือกสมาชิก งบประมาณไม่ได้เพิ่มขึ้น มีแค่เบี้ยเลี้ยงหน่วยเลือกตั้งเท่านั้น

“ตนนี้แม้ตนจะอายุ 80 ปีแล้ว ตามกฎหมายยังมีโอกาสลงเลือกตั้งอีก 1 ครั้ง หลังเว้นไปหลายปี พร้อมจะพัฒนาเมืองพิษณุโลกให้เป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจ เป้าหมาย คือ 1. ให้มีคนเข้ามาอยู่ 2. มากินมาเที่ยว 3. ให้คนมาลงทุน เนื่องจากปัจจุบันเทศบาลนครพิษณุโลก ประชากรหายไป 2 หมื่นกว่าคน จาก 8 หมื่นคน เหลือ 6.2 หมื่นคน ซึ่งงานวิจัยของ ม.นิด้า ระบุว่า จะเหลือ 4 หมื่นคน หากพิษณุโลก ไม่ได้ทำอะไร ไม่ได้พัฒนา เมืองจะเงียบไป อาจเหลือกับผู้สูงอายุ ซึ่งปัจจุบันพบว่า มีอัตราสูงขึ้น ซึ่งตัวเทศบาลนครพิษณุโลกเป็นเหมือนห้องรับแขกของเมือง หากเทศบาลฯ แย่ลงหรือซบเซา ตัวจังหวัดก็จะเงียบไปด้วย”ดร.เปรมฤดี  กล่าว

ทั้งนี้ ดร.เปรมฤดี ชามพูนท ย้ำว่า จะขอพัฒนาต่อเนื่อง ไม่ใช่เพียงแค่การเริ่มต้นใหม่ซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่ต้องอาศัยการทำงานเป็นทีมระหว่าง ภาครัฐ เอกชน และประชาชน ที่ได้ริเริ่มไว้ เดินหน้าสู่ความสำเร็จเป็นรูปธรรม โดยจะนำทีม "ลูกนเรศวร"ผนึกคนรุ่นใหญ่และคนรุ่นใหม่ทำงานร่วมกัน สานต่อโครงการที่วางระบบไว้แล้ว และผลักดันให้เป็นรูปธรรม

ด้านหนึ่งในผู้ท้าชิงที่น่าจับตา คือ นายศิริชิน หาญพิทักษ์พงศ์ หัวหน้าทีม”พัฒนานคร” อดีตรอง นายก/ประธานสภาอบจ.พิษณุโลก ที่พาอดีตทีม”พลังพิษณุโลก“ (สายอบจ.พล.) อย่างนางสุวิมล ปราบศรีภูมิ อดีต สมาชิก เทศบาลนครพิษณุโลกพา สท. ทั้ง 24 คนใน 4 เขต ช่วยหาเสียงนายกเทศมนตรีนครพิษณุโลก ก่อนจะลง สท. ที่กำลังหมดวาระลงในเร็วๆนี้

ซึ่ง นายศิริชิน เปิดเผยว่า จะเปลี่ยนแปลงพิษณุโลกให้เป็นรูปธรรมภายใน 2 ปีแรก และสำเร็จลุล่วงภายใน 4 ปี เป้าหมาย คือ พัฒนาระบบประปาและสาธารณูปโภคให้ได้มาตรฐาน / การตั้งศูนย์รับแจ้งเรื่องราวตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อให้ประชาชนสามารถติดตามและแก้ไขปัญหาเรียลไทม์ บริหารงานที่โปร่งใส

 

โดย จากประสบการณ์วงการการเมืองท้องถิ่น 20 ปี เคยเป็น รองนายก อบจ. มาก่อน เข้าใจปัญหาของประชาชน อดีตก็เคยลงสมัคร ส.ส.เขต 2 พิษณุโลกในนามพรรคพลังประชารัฐมาแล้ว จึงขอพัฒนาพิษณุโลกอย่างยั่งยืน ตามสโลแกน "ทำทันที 2 ปีเห็นผล 4 ปีสำเร็จ"พร้อมเดินหาเสียงแบบเคาะประตูบ้าน

อีกหนึ่งคู่แข่งสำคัญในศึกเลือกตั้งนายกนครพิษณุโลกครั้งนี้ หลายฝ่ายจับตาไปที่ “เสื้อสีส้ม” เพิ่งผ่านการประกาศคัดสรรมาสดๆร้อนๆ ก็คือ นายธนากร กลิ่นผกา (มะต้อง) เดินลงพื้นที่หาเสียงทันที พร้อมประกาศสู้ศึกชิงเก้าอี้นายกเทศบาลนครพิษณุโลก จับได้เบอร์ 4 ที่ผ่านมาถือว่า พลังเงียบ วัยหนุ่มวัยสาว อาจมีคะแนนเฉพาะกลุ่มอันเหนียวแน่น  

สำหรับ นายธนากร  เป็นทายาทเจ้าของหมู่บ้าน พงศ์ผกาลากูน เป็นผู้บริหารโรงแรมผกาวรรณ, โรงแรมอื่นๆอีกหลายแห่งในพิษณุโลก กทม.และเขาค้อ ระบุว่า มีทีมงานคุณภาพ ที่จำร่วมผลักดันการเปลี่ยนแปลงการเมืองท้องถิ่น ร่วมกันสร้างการเมืองที่ดี โปร่งใส ใกล้ชิดประชาชน ผนึกกำลังของคนรุ่นใหม่ และคนรุ่นใหญ่ ที่ต้องการสร้างเมืองพิษณุโลกให้สะอาด ทันสมัย เศรษฐกิจดี สิ่งแวดล้อมดี เมืองพิด’โลกที่น่าอยู่ จะขอออกแบบเมืองฯตามความต้องการของประชาชน ความคิดเห็นของแต่ละท่านคงจะมีทั้งเหมือนและต่างกัน

“ผมอยากเป็นนายกเทศมนตรี ที่เปิดใจและรับใช้ทุกคนครับ ขอเชิญร่วมออกแบบเมืองที่ทุกคนต้องการ ทุกๆ ความคิดเห็นนำพาสู่การพัฒนาเมืองให้ดียิ่งขึ้นไปร่วมแชร์และแบ่งปันไอเดียสร้างสรรค์”นายธนากร กล่าว

อย่างไรก็ตาม กกต.กำหนดให้มีการรับสมัครเลือกตั้งระหว่าง 24-28 ก.พ. โดยวันนี้ มีผู้สมัครลงรับเลือกตั้งจำนวน 4 คน กำหนดวันเข้าคูหาเลือกตั้งเป็นวันที่ 30 มีนาคม 68