ชาวบ้านกาฬสินธุ์วิตกน้ำลดทำตลิ่งที่สูงชันสไลด์ตัว ผวาทำบ้านเรือน ตลาดสด อาคารเทศบาลและศูนย์พัฒนาเด็กเล็กพังทลายลงลำน้ำพาน ออกมาประณาม “7 ชั่วโคตรไม่พอ ขอเรียก 9 ชั่วโคตร” เรียกร้องผู้ว่าฯ ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งบรรเทาความเดือดร้อน
จากกรณีชาวบ้านใน จ.กาฬสินธุ์ ได้รับความเดือดร้อน จากโครงการก่อสร้างระบบระบายน้ำหลัก เพื่อบรรเทาปัญหาน้ำท่วมเมือง ซึ่งเป็นโครงการพัฒนาเมืองกาฬสินธุ์ ให้เจริญก้าวหน้าตามศักยภาพ งบประมาณของกรมโยธาธิการและผังเมือง กระทรวงมหาดไทย จำนวน 148 ล้านบาท เริ่มต้นสัญญา 19 เม.ย.62 สิ้นสุดสัญญา 21 พ.ย.65 เบิกจ่าย 80,166,000 บาท แต่กลับสร้างปัญหาและส่งผลกระทบขยายวงกว้างขึ้นเรื่อยๆ ทั้งมลภาวะ เศรษฐกิจพัง น้ำท่วม เกิดอุบัติเหตุ กระทั่งชาวบ้าน และผู้ประกอบการ ได้ออกมาร้องเรียนผ่านเครือข่ายธรรมาภิบาล จากการติดตารมยังพบเพิ่มอีก 7 โครงการ รวมเป็น 8 โครงการ งบประมาณรวมกว่า 545 ล้านบาท เบิกจ่ายไปแล้วกว่า 250 ล้านบาท นำมาสู่การลงพื้นที่ตรวจสอบขององค์กรอิสระ และมีหลายภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่ติดตามตามข่าวที่เสนอมาอย่างต่อเนื่อง
ล่าสุด วันที่ 23 ก.พ.68 ที่บริเวณด้านหลังตลาดสดปู่ปากพานบ้านวังยูง ต่อเนื่องกับศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก สำนักงานเทศบาลตำบลลำพาน อ.เมือง จ.กาฬสินธุ์ ซึ่งเป็นจุดก่อสร้างโครงการเขื่อนป้องกันตลิ่งริมลำน้ำพาน ของกรมโยธาธิการและผังเมือง นายบุญกอง ฤทธิ์เรือง อดีตประธานสภา เทศบาลตำบลลำพาน นายดวง ฉายอำไพ อายุ 62 ปีและนางวารุณี ภูนาใบ อายุ 55 ปี ตัวแทนชาวบ้าน ได้ออกมาเรียกร้องให้ผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการแก้ไขปัญหาผู้รับจ้างทิ้งงาน โดยเร่งจัดหาผู้รับจ้างรายใหม่เข้ามาดำเนินการโดยเร็ว ก่อนที่ฤดูน้ำหลากจะมาถึง ซึ่งจะเป็นอุปสรรคต่อการก่อสร้าง และอาจจะส่งผลกระทบรุนแรงถึงขั้นตลิ่งเกิดการสไลด์ตัว ที่จะส่งผลให้ตลาดสด ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก สำนักงานเทศบาล รวมถึงอาคารบ้านเรือนชาวบ้านตลอดแนว อาจเกิดการทรุดตัวจนพังลงในลำน้ำพาน
นางวารุณี ภูนาใบ อายุ 55 ปี ชาวบ้านวังยูง ต.ลำพาน อ.เมือง จ.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า หลังบ้านตนและเพื่อนบ้านนับ 10 หลังคาเรือนอยู่ใกล้กับตลิ่งลำน้ำพาน ซึ่งเป็นจุดก่อสร้างโครงการเขื่อนป้องกันตลิ่งฯ เดิมมีพื้นที่กว้างขวาง ฤดูน้ำหลากระดับน้ำขึ้นไม่ถึง มีกอไผ่และต้นไม้ใหญ่เป็นแนวกันน้ำและป้องกันการทรุดพัง พอมีโครงการสร้างเขื่อนเข้ามาในปี 2564 ผู้รับจ้างได้ใช้รถแบ็คโฮทำการขุดหน้าดิน รวมทั้งกอไผ่และต้นไม้ออกตลอดแนว เพื่อปรับพื้นที่ตอกสาเข็มและก่อสร้างเขื่อน แต่กลับทิ้งงานไปเสียเฉยๆ
“หลังบ้านที่เคยกว้างขวาง ปลูกผักสวนครัว คอกเลี้ยงสัตว์ ก็กลายเป็นหน้าผาดินทรายสูงชัน และเกิดการสไสด์ตัวเป็นระยะ ส่งผลให้หน้าดินพังทลาย หลายจุดทรุดตัวและมีรอยแตกร้าวเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เช่น บริเวณอาคารตลาดสดปู่ปากพาน หากถึงฤดูฝนที่จะถึงนี้ไม่มีผู้รับจ้างมาก่อสร้างต่อ คงเกิดความเสียหายอย่างรุนแรงแน่ ไม่รู้เหมือนกันว่ากรมโยธาฯ หรือผู้หลักผู้ใหญ่ที่เกี่ยวข้องกับโครงการนี้ทำอะไรกันอยู่ จึงไม่เร่งรีบแก้ไขปัญหาให้กับชาวบ้าน และรักษาผลประโยชน์ให้งบประมาณแผ่นดิน เบิกเงินไปแล้วก็เงียบหาย คำว่า 7 ชั่วโคตรคงไม่พอ จะขอเรียก 9 ชั่วโคตรล่ะทีนี้” นางวารุณีกล่าว
ด้านนายดวง ฉายอำไพ อายุ 62 ปี ชาวบ้านวังยูง กล่าวว่า จากการติดตามข่าว ที่ผ่านมาทราบว่ามีทั้งคณะธรรมาภิบาล, ปปท., สตง., อธิบดีกรมโยธาฯ, รองประธานสภาผู้แทนฯ, ผู้ตรวจกรมโยธาฯ, คณะกรรมาธิการ ปปช.ฯ, ผู้ตรวจกระทรวงมหาดไทย ลงพื้นที่ติดตามตรวจสอบอย่างต่อเนื่อง และมีข่าวออกมาว่ากรมโยธาฯได้ผู้รับจ้างรายใหม่แล้ว รวมทั้งกำหนดระยะเวลามาทำงานต่อเสร็จสรรพ คือโครงการป้องกันน้ำท่วมเมืองฯ และโครงการเขื่อนป้องกันตลิ่งวัดใหม่สามัคคี ต.เจ้าท่า อ.กมลาไสย เดือน ธ.ค. 67 โครงการเขื่อนป้องกันตลิ่งลำน้ำพานเดือน ก.พ.68 นี้ แต่จนถึงปัจจุบันนี้ยังเงียบหาย ไม่มีอะไรเกิดขึ้น คงเป็นแค่ข่าวลือหรือซื้อเวลาไปวันๆเท่านั้นเอง
“ในนามชาวบ้านผู้เดือดร้อน ก็อยากจะฝากไปถึงผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์ หากเรื่องอยู่กับท่านก็ขอให้ท่านแก้ไข ทุกข์สุขของชาวบ้านก็มอบให้ท่านผู้ว่าฯดูแล ทำอย่างไรชาวบ้านจะไม่ได้รับความเดือดร้อนก็ขอให้แก้ไข อย่างปัญหาที่ชาวบ้านวังยูงเดือดร้อน และหวาดผวาว่าตลิ่งจะทรุดตัวในฤดูฝน รวมทั้งคืนสภาพหาดทรายหลังวัดป่าแดนนาบุญ ที่เคยสวยงามที่สุดใน จ.กาฬสินธุ์ เคยใช้เป็นสถานที่จัดงานบุญประเพณี ที่ทุกวันนี้กลับสูญหายไป กลายเป็นกองดิน กองหินและเสาเข็ม ซึ่งเป็นเศษซากการก่อสร้าง เห็นแล้วหดหู่ใจ จึงอยากขอความอนุเคราะห์ท่านผู้ว่าฯ ส่งต่อความเดือดร้อนของชาวบ้านไปถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้เร่งแก้ไขปัญหาให้ชาวบ้านด้วย” นายดวง กล่าว
ขณะที่แหล่งข่าวแจ้งว่า การตรวจสอบปัญหาก่อสร้างโครงการก่อสร้างท่อระบายน้ำเทศบาลเมืองกาฬสินธุ์ และเขื่อนป้องกันตลิ่ง งบประมาณ 545 ล้านบาท ของกรมโยธาธิการและผังเมือง กระทรวงมหาดไทย แต่ถูก 2 หจก.ขาใหญ่เทงาน กลายเป็นผู้รับเหมาทิ้งงาน กรณีนี้เชื่อว่าผู้บริหารกระทรวงมหาดไทย รับรู้มาตลอด แต่เนื่องจาก หจก.ทิ้งงาน เจ้าของ หจก.มีนามสกุลไปตรงกับ สส. ในพื้นที่ จึงทำให้การตรวจสอบล่าช้าเพราะมีความพยายามโบ้ยรายงานไปถึงผู้ใหญ่เป็นเรื่องอื่น โดยเฉพาะการโยงว่าเป็นเรื่องการเมือง แต่ในขณะนี้ข้อเท็จจริงทั้งหมดถูกเปิดเผยขึ้นว่าการทิ้งงานครั้งนี้สร้างความเดือดร้อนของประชาชนจังหวัดกาฬสินธุ์ ทำให้ประชาชนไม่มีความสุขกาย สบายใจ ขาดโอกาสในการพัฒนาบ้านเมืองของตนเอง เศรษฐกิจพังเสียหายในเขตเทศบาลเมืองกาฬสินธุ์ และทั้ง 8 โครงการที่ก่อสร้างไม่เสร็จถูกเบิกเงินออกไปกว่า 250 ล้านบาท ชาวบ้านเชื่อว่าเป็นการใช้จ่ายงบประมาณที่ไม่คุ้มค่าผู้บริหารสัญญาทำงานไม่รัดกุม มีการปล่อยปละละเลยในการควบคุมงานก่อสร้าง ข้าราชการผู้มีหน้าที่ดูแลงบประมาณแผ่นดินรวมถึงผู้บริการจังหวัดนิ่งเฉยไม่สนใจจะเข้ามาตรวจสอบเนื่องจากกลัวอำนาจแฝง มีการข่มขู่ประชาชน ผู้บริหารท้องถิ่นที่ออกมาร้องเรียนสร้างความหวาดกลัวให้กับประชาชน ก่อให้เกิดผลความเสียหายเป็นวงกว้างเนื่องจากไม่มีความพยายามระงับยับยั้งป้องกันปัญหานี้ และยังพบว่าก่อนหน้า กรมบัญชีกลาง ประกาศเวียนห้างในช่วงปลายเดือนมกราคมที่ผ่านมา หจก.ทิ้งงาน ยังไปชนะการประมูลได้อีกหลายโครงการในหลายหน่วยงาน คำถามจึงมีอยู่ว่า เมื่อถูกยกเลิกประกาศเวียนห้างไปแล้ว กรณีที่มีงานติดมือผู้รับเหมาทิ้งงาน จะถือว่าเป็น หจก.ที่ขาดคุณสมบัติด้วยหรือไม่
“กรณีนี้คนกาฬสินธุ์ติดตามความเคลื่อนไหวทุกวัน เพราะหวังว่าจะมีอัศวินขี่ม้าขาวลงมาแก้ไขปัญหา 7 ชั่วโคตร ให้กับประชาชน ไม่ใช่จ้องที่จะกลบปัญหาปิดปากประชาชนไม่ให้พูดถึงความเสียหายผลกระทบความเดือดร้อนของประชาชนและงบประมาณแผ่นดิน เพราะเหตุการณ์ที่ผู้บริหารท้องถิ่นออกมาเปิดเผยข้อมูลกำลังถูกปิดปากโดยอาศัยการจัดทำงบประมาณปี 2569 ที่มีการข่มขู่ว่าถ้า นายก หรือผู้บริหารคนไหนออกมาให้ข่าว การพิจารณางบประมาณในปีนี้จะไม่ได้รับการพิจารณาอนุมัติ จากผู้บริหารระดับจังหวัดก่อนที่จะส่งไปยัง กรม กระทรวงที่รับผิดชอบ เพราะที่ผ่านมาอิทธิฤทธิ์ในเรื่องงบประมาณที่ไม่เป็นธรรมงบประมาณปี 2568 (งบอุดหนุนเฉพาะกิจ) ก็เกิดขึ้นมาแล้ว จนนายก อบต.และนายกเทศมนตรีฯ บุกยื่นหนังสือถึง นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาคนที่ 1 สภาผู้แทนราษฎร์ ที่รัฐสภาฯ เนื่องจากงบประมาณที่ผ่านมามีการพิจารณาอนุมัติไม่เป็นธรรม ปัญหานี้เป็นไปได้ สตง.กาฬสินธุ์ ที่กำลังตรวจสอบโครงการนี้ ก็ควรที่จะเข้าตรวจสอบติดตามในเรื่องการเบิกจ่ายงบประมาณรายจ่ายปี 2568 (งบอุดหนุนเฉพาะกิจ) เพื่อพิทักษ์งบประมาณแผ่นดินด้วย” แหล่งข่าว กล่าว