ต้องรอให้ชาวบ้านตายก่อน เปิดภาพชายเมาคลั่งด่ากราดอาละวาดถือเคียว-ท่อนเหล็ก บุกทำร้ายชาวบ้านจนจำใจต้องสู้แต่ไม่วายถึงขั้นกระดูกหัก แจ้งความต่อเนื่องแล้วตำรวจยังระอา ไม่รู้จะหันหน้าพึ่งใคร

ภาพจากกล้องวงจรปิดเมื่อช่วงค่ำที่ผ่านมา(21ก.พ.) หน้าบ้านที่เกิดเหตุหลังหนึ่ง ในซอยสันติ 5 ตำบลโพธิ์เสด็จ อำเภอเมืองนครศรีธรรมราช ขณะที่ชายรายนี้คือนายสถิต อายุประมาณ 70 ปีเศษ เป็นเพื่อนบ้านอยู่ในสภาพเมาอย่างหนัก เสียงด่าทออื้ออึง ถือท่อนเหล็กแป็บและเคียวเกี่ยวหญ้าเล่มเขื่อง โดยมีผู้เสียหายถือมีดพร้าอยู่ในบ้านเพื่อพยายามไว้ป้องกันตัว เนื่องจากเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นบ่อยครั้งแทบจะเป็นรายวัน นายสถิต หลังจากเกิดเหตุปรากฏว่าผู้หญิงในภาพคือนางสาวสุวิมล เจ้าของบ้านได้รับบาดเจ็บที่มีมือซ้ายเป็นแผลฉกรรจ์ หลังจากนั้นจึงได้มีการโทรศัพท์แจ้งตำรวจ ส่วนนายสถิตย์ ได้ถือเคียวหลบหนีหายไปในชายป่าใกล้ที่เกิดเหตุ

ต่อมาเจ้าหน้าที่กู้ภัยมูลนิธิไต้เต็กเซี่ยงตึ๊ง ได้เข้าให้การช่วยเหลือและนำตัวส่ง รพ.มหาราช และเมื่อมีการเอ็กซเรย์ปรากฎว่ากระดูกมือซ้ายหักต้องมีการเข้าเฝือกไว้ก่อน และแพทย์ได้นัดเข้าผ่าตัดเชื่อมต่อกระดูกอีกครั้งในวันพุทธที่ 26 ก.พ.ขณะนี้อยู่ระหว่างรักษาตัว

ชาวบ้านใกล้เคียงยืนยันว่าชายรายนี้มีบ้านติดกันแต่จะเมาแทบทุกวัน เมื่อเมาแล้วจะอาละวาดด่ากราดไปทั่วชาวบ้านที่อยู่ใกล้เคียงเดือดร้อนอย่างหนัก และยังถือมีดถือเคียวบ้างเป็นท่อนเหล็ก ทำร้ายคน บางครั้งใช้หนังสติ๊กยิงกลายเป็นภัยของชุมชน แม้กระทั่งลูกเมียของเขาเองต้องหนีไปโดยเฉพาะเมียเมื่อครั้งยังอยู่ด้วยกันถูกซ้อมทุบตีแทบทุกวันจนต้องหนีแยกทางไป เช่นเดียวกับลูกที่เอือมระอาต้องย้ายไปอยู่ที่อื่น

ส่วนครอบครัวของผู้บาดเจ็บนั้นยืนยันว่ามีกำแพงบ้านติดกันจะเจอปัญหานี้แทบทุกวันต้องระวังตัวเอง โทรศัพท์แจ้งตำรวจบ่อยครั้งจนสร้างความระอาให้กับตำรวจแล้ว เมื่อมีสายตรวจมาได้แค่ว่ากล่าวตักเตือนเมื่อตำรวจกลับพฤติกรรมก็เป็นเหมือนเดิม บางครั้งตำรวจคงรำคาญกับการแจ้งเดิมๆไม่มาก็ยังมี วันหนึ่งเชื่อว่าหากไม่ดำเนินการจะมีคนถึงตายแน่ๆ นอกจากนั้นยังมีการร้องเรียนไปทุกที่ทั้งศูนย์ดำรงธรรม และทุกหน่วยงานแต่สถานการณ์ไม่ได้ดีขึ้นเลย

ด้านการแจ้งความดำเนินคดี เมื่อคืนที่ผ่านมา ผู้เสียหายได้เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สภ.เมืองนครศรีธรรมราช เพื่อให้ดำเนินคดีกับนายสถิต แล้วแต่ยังคงมีการลงบันทึกประจำวันไว้ก่อนยังไม่มีการออกเลขคดีแต่อย่างใด.