กองปราบตามรวบยกแก๊ง เครือข่ายลักไฟหลวงขุดคริปโตฯ ทำรัฐเสียหายกว่า 50 ล้านบาท
 
เมื่อวันที่ 21 ก.พ.68 พล.ต.ต.วิทยา ศรีประเสริฐภาพ ผบก.ป., สั่งการ พ.ต.อ.ภัทราวุธ อ่อนช่วย ผกก.5 บก.ป., พ.ต.ท.ฤทธิชัย ชุมช่วย รอง ผกก.5 บก.ป. พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.5 บก.ป. นำกำลังจับกุม 6 ผู้ต้องหา แก๊งลักไฟหลวงขุดคริปโตฯ ทำรัฐเสียหายกว่า 50 ล้านบาท ประกอบด้วย นายไกรลาศฯ อายุ 25 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลอาญาที่ 6243/2567 ลงวันที่ 19 ธันวาคม 2567 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืน โดยทำอันตรายสิ่งกีดกั้นสำหรับคุ้มครองบุคคลหรือทรัพย์ หรือโดยผ่านสิ่งเช่นว่านั้นเข้าไปด้วยประการใดๆ และร่วมกันทำให้เสียทรัพย์”


นายณัฐพลฯ อายุ 37 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลอาญาที่ 6244/2567 ลงวันที่ 19 ธันวาคม 2567 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืน โดยทำอันตรายสิ่งกีดกั้นสำหรับคุ้มครองบุคคลหรือทรัพย์ หรือโดยผ่านสิ่งเช่นว่านั้นเข้าไปด้วยประการใดๆ และร่วมกันทำให้เสียทรัพย์”
นายจีรพงษ์ฯ อายุ 30 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลอาญาที่ 6245/2567 ลงวันที่ 19 ธันวาคม 2567 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืน โดยทำอันตรายสิ่งกีดกั้นสำหรับคุ้มครองบุคคลหรือทรัพย์ หรือโดยผ่านสิ่งเช่นว่านั้นเข้าไปด้วยประการใดๆ และร่วมกันทำให้เสียทรัพย์”
น.ส.อัมพกาฯ อายุ 39 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลอาญาที่ 6246/2567 ลงวันที่ 19 ธันวาคม 2567 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืน โดยทำอันตรายสิ่งกีดกั้นสำหรับคุ้มครองบุคคลหรือทรัพย์ หรือโดยผ่านสิ่งเช่นว่านั้นเข้าไปด้วยประการใดๆ และร่วมกันทำให้เสียทรัพย์”
นายภราดรฯ อายุ 40 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลอาญาที่ 6247/2567 ลงวันที่  19 ธันวาคม 2567 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืน โดยทำอันตรายสิ่งกีดกั้นสำหรับคุ้มครองบุคคลหรือทรัพย์ หรือโดยผ่านสิ่งเช่นว่านั้นเข้าไปด้วยประการใดๆ และร่วมกันทำให้เสียทรัพย์”
และ นายณัฐพงศ์ฯ อายุ 39 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 8 ที่ 1/2568 ลงวันที่ 31 มกราคม 2568 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “เป็นพนักงานปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต, เป็นพนักงานเรียก รับหรือยอมจะรับทรัพย์สินหรือประโยชน์ อื่นใดสำหรับตนเองหรือสำหรับผู้อื่นโดยมิชอบฯ”

เนื่องจาก เมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน 2567 เจ้าหน้าที่ตำรวจกองกำกับการ 5 กองบังคับการปราบปราม ได้ร่วมกับเจ้าหน้าที่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค เข้าตรวจค้นบ้านต้องสงสัยจำนวน 9 หลัง ในพื้นที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี จึงพบว่าบ้านทั้ง 9 หลัง เป็นที่สถานที่ติดตั้งเครื่องขุดเงินสกุลดิจิตัลกว่า 111 เครื่อง และได้ดัดแปลงมิเตอร์ไฟฟ้า เพื่อให้วัดค่าปริมาณการใช้กระแสไฟฟ้าได้น้อยกว่าความเป็นจริง จึงได้ตรวจยึดของกลางทั้งหมด ส่งพนักงานสอบสวน กองกำกับการ 5 กองบังคับการปราบปราม ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ต่อมาจึงได้ทำการสืบสวนขยายผล จนพบเครือข่ายผู้กระทำความผิด ทั้งในส่วนของผู้เชื่อมต่อระบบไฟฟ้ากับเครื่องขุดเงินสกุลดิจิตัล (ผู้ดูแลเครื่อง), ช่างดัดแปลงมิเตอร์ไฟฟ้าฯ, ผู้ลงทุนซื้อเครื่องขุดเงินสกุลดิจิตัลเพื่อไปติดตั้งไว้บริเวณสถานที่ ที่มีการลักไฟฟ้า จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานยื่นคำร้องขอหมายจับต่อศาลอาญา เพื่อจับกุมผู้ต้องหาข้างต้นตามลำดับที่ 1 - 5

ต่อมาวันที่ 27 พฤศจิกายน 2567 เจ้าหน้าที่ตำรวจกองกำกับการ 5 กองบังคับการปราบปราม ได้สืบสวนพบโรงงานไม้แปรรูปแห่งหนึ่งในพื้นที่อำเภอท่าชนะ จังหวัดสุราษฎร์ธานี มีการลักกระแสไฟฟ้าเพื่อใช้สำหรับเครื่องขุดเงินสกุลดิจิตัล จึงร่วมกับเจ้าหน้าที่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค เข้าตรวจค้นโรงงานดังกล่าว ผลการตรวจค้นพบเครื่องขุดเงินสกุลดิจิตัลติดตั้งอยู่ภายในโรงงานฯ กว่า 97 เครื่อง เมื่อเจ้าหน้าที่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคตรวจสอบมิเตอร์ไฟฟ้าของโรงงานพบมีร่องรอยแก้ไขดัดแปลง เพื่อลักกระแสไฟฟ้า จึงได้ตรวจยึดของกลาง

ต่อมาจึงได้ทำการสืบสวนขยายผลจนทราบว่ามีเจ้าหน้าที่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ฝ่ายมิเตอร์และหม้อแปลงที่รับผิดชอบมิเตอร์ในพื้นที่โรงไม้แปรรูปฯ ข้างต้น มีการเรียกรับสินบนเพื่อปกปิดข้อมูลการใช้ไฟฟ้าที่แท้จริง จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติหมายจับต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 8 เพื่อจับกุมผู้ต้องหาลำดับที่ 6เจ้าหน้าที่ตำรวจกองกำกับการ 5 กองบังคับการปราบปราม ก่อนเปิดปฏิบัติการจับกุมตัวผู้ต้องหาได้ทั้งเครือข่าย

ผู้ต้องหาทั้ง 6 ราย ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา ส่วนผู้ต้องหาที่เป็นผู้ลงทุนซื้อเครื่องขุดเงินสกุลดิจิตัลให้การว่า ต้นเป็นผู้ลงทุนซื้อเครื่องฯไปวางไว้ตามจุดที่เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจยึดได้ก่อนหน้านี้จริง แต่ไม่ทราบว่าผู้ดูแลเครื่องฯ ใช้วิธีการลักไฟฟ้ามา เพื่อใช้ในการขุดเงินสกุลดิจิตัล ก่อนตัวส่งพนักงานสอบสวนกองกำกับการ 5 กองบังคับการปราบปราม ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป