ปิดตำนาน กงยูเมืองไทย 'ครูไพบูลย์' ชีเสิร์ฟในลุคตัวแม่ แต่งหญิงเป็น 'มาดามบูลนี่' ย้อนเล่าปีที่แล้วโดนของ ทำอะไรก็เจ๊ง!

ปิดตำนาน กงยูเมืองไทย พร้อมเปิดตำนานบทใหม่เป็น มาดามบูลนี่ สำหรับ ครูไพบูลย์ แสงเดือน ที่วันนี้จะมาตอบกระแสหลังเจ้าตัวสลัดลุคหนุ่มก้ามปู มาแต่งหญิง จนฮือฮาไปทั้งโลกออนไลน์ พร้อมเคลียร์ใจโดนชาวเน็ตแซะ โสดจนสติแตก อีกทั้งยังเล่าเรื่องราวสุดช้ำที่ทำธุรกิจเจ๋ง สูญเงินหลายล้าน แถมยังเจอคนรอบข้างทักครูไพบูลย์โดนทำของใส่ ผ่านทางรายการ คุยแซ่บshow ทางช่อง วัน31 ที่มี ชมพู่ ก่อนบ่าย และ ดีเจพุฒ พุฒิชัย เป็นพิธีกรดำเนินรายการ

ตอนนี้ในโลกออนไลน์เรียกเราเราชื่ออะไรบ้าง ?

ครูไพบูลย์ : มีเยอะเลย มาดามบูลนี่, เจ๊บูลย์ ตอนนี้เค้าลืมกงยูไปแล้ว

จากหนุ่มก้ามปูทำไมมาเป็นสาวหวานได้?

ครูไพบูลย์ : มันเกิดจากเพื่อนสาวของแม่เอง ให้ไปลองชุดถ่ายดูหน่อยเผื่อสวย แล้วชุดที่ใส่เป็นชุดผู้หญิง พอใส่ทำไมดูแปลกๆ เวลาใส่เข้าไปทำไมเดินตูดบิด

มันเป็นเองโดยธรรมชาติใช่ไหม ?

ครูไพบูลย์ : ใช่ค่ะ มันก็เลยรู้สึกว่าหรือเราต้องเป็นแบบนี้หรือเปล่า ยิ่งได้ทาเครื่องสำอาง แต่งหน้า มันเริ่มชัดขึ้นมาแล้ว ก็เลยรู้สึกว่าถ้าฉันแต่งแบบนี้ ฉันก็สวยอยู่นะ อีกอย่างมันสนุกดี เราได้ผ่อนคลายด้วย ได้แต่งตัว หรือเรารู้สึกเป็นผู้หญิงหรือเปล่า รู้สึกว่าฉันสวย

แต่งผู้หญิงครั้งแรกมีความเขินไหม ?

ครูไพบูลย์ : ครั้งแรกจะเขิน ไม่กล้า เพราะตอนที่เราใส่ช่วงแรก เราไม่ได้แต่งหน้าด้วย หน้ายังดำกระด้าง ยังเป็นผู้ชายอยู่ พอใส่ชุดผู้หญิงมันจะแมตช์กันไหม แต่พอแต่งหน้าด้วยมันก็เข้ากันดี

แค่กี่ครั้งที่เรารู้สึกว่าเขิน ?

ครูไพบูลย์ : ประมาณ 2-3 ครั้ง 

ครั้งแรกที่เราแต่งเป็นผู้หญิง แล้วออกไปเจอผู้คนเป็นยังไงบ้าง?

ครูไพบูลย์ : ก็มีนิดหน่อย แต่พอมีคนชม เมื่อก่อนไม่ชอบเลยเป็นผู้ชาย ดูแอค แต่พอเปลี่ยนเป็นผู้หญิงดูอ่อนโยน แล้วสวยด้วย จริตเริ่มได้ เราเลยรู้สึกมีกำลังใจในการใช้ชีวิตในโซเชียลแบบนี้

มีคนชมไหมว่าเราแต่งตัวแบบนี้ ดูเป็นลุคสาย ฝ.

ครูไพบูลย์ : มีค่ะ ตอนที่ไปพัทยา ไปถ่ายงาน แล้วมีชุดดำที่เป็นทูพีซ คนบอกมาสายมาดาม สาย ฝ.

ติดใจไหม ?

ครูไพบูลย์ : เริ่มละเริ่มจะติดใจ

เห็นว่าพอมาสายนี้ให้คนละมุมตา  แต่ก็ไม่ว่ายังโดนบลูลี่?

ครูไพบูลย์ : ยังมีๆ บางคนบอกว่า สติแตกหรอ โดนเมียทิ้งหรอถึงเป็นแบบนี้ ถึงว่าแหละเมียถึงทิ้ง แต่เราไม่ได้สนใจตรงนั้น คำบลูลี่มันไม่ได้หายหรอก ก็เหมือนคำชื่นชม มีมาเดี๋ยวก็ไป เราพัฒนาตัวเองดีกว่า ไม่ต้องสนใจ

เรารับมือกับมันยังไง ไม่ว่าร่างไหน ลุคไหน ก็มีคนมาบลูลี่ตลอด?

ครูไพบูลย์ : มีคนถามผมตลอดนะว่าเคยอ่านคอมเมนต์ไหม ผมอ่านนะ บางทีก็อยากรู้คนที่ด่าเราคือใคร ผมก็เข้าไปดูเลย ผมก็ขี้เสือกเหมือนกัน เธอเป็นใครหรอ คุณภาพชีวิตเธอเป็นยังไง บางคนเพิ่งเลิกกับผัวมา บางคนเลี้ยงลูกอยู่คนเดียว ไม่ฉันไม่โต้ตอบ ฉันให้เธอด่าเลย แล้วทุกวันนี้ มันมีบางคนที่ผมเอากลับมาเป็น fc ผมเยอะ 

มีน้อยใจไหม  เวลาเราเปลี่ยน หรือทำอะไรมันก็ดูผิดไปหมด คนไม่ชอบมันก็ไม่ชอบเรา?

ครูไพบูลย์ : มีครับ เคยท้อมากๆ ดาวน์มาก จนผมไม่ทำอะไรนานหลายเดือนเลย ช่วงที่เลิกรากันใหม่ๆ ทำอะไรไม่ได้ งานมันไม่ดี ไม่ได้มีเงินมากถึงขนาดนั้น ช่วงที่ผมออกกำลังกาย เข้าฟิตเนส คือช่วงนั้นไม่มีงานเลย ก็ดื่ม เที่ยว ไม่มีรายได้เลย แต่สุดท้ายก็ดึงตัวเองกลับมา โชคดีที่มีเพื่อนที่ทำธุรกิจออนไลน์

มีอะไรอยากบอกคนที่ยังบลูลี่เราจนถึงทุกวันนี้ ?

ครูไพบูลย์ : คืออยากจะบอกว่าขอบคุณ ขอบคุณที่ติดตาม ขอบคุณที่ดูพัฒนาการของผม ผมจะทำให้คุณเห็น เมื่อก่อนกับสิ่งที่เป็นอนาคต ฉันจะพัฒนาตัวฉันเอง คุณไม่ต้องพัฒนาก็ได้ รอดูอยู่ที่เดิม แล้วฉันจะขอบคุณที่รอดูฉัน

เจตนาที่เราเปลี่ยนลุคมันก็คือคอนเทนท์หนึ่ง ?

ครูไพบูลย์ : ใช่ครับ มีคนบอกว่าชอบ ครูไพบูลย์ลุคนี้ ดูอ่อนโยน สร้างสีสัน ผมไม่ได้มีเจตนาเอาคอนเทนท์ของเพศที่สาม มาล้อเลียน หรือมาเล่น ฉันคบเพื่อนแบบนี้ฉันมีความสุข ฉันก็เลยอยากนำเสนอแบบนี้

ก่อนหน้านี้ทำหมอน ต้าวบูลย์ ออกมา ตอนนี้หาซื้อไม่ได้แล้ว? 

ครูไพบูลย์ : เราทำมาให้มันเป็นรุ่นแรก และรุ่นเดียว ทำออกมาไม่เยอะ 2-3 พันใบ

ขายหมดไหม ?

ครูไพบูลย์  : ช่วงขายไม่ถึงเดือนก็หมดครับ

พอเรามาเป็นลุคมาดาม  ปิดตำนานกรงยูเมืองไทยเลยไหม?

ครูไพบูลย์ : ถามว่าปิดตำนานไหม มันอยู่ที่ผู้ดูผู้ชมมากกว่า ว่าอยากให้ผมเป็นอะไรในความสุขของเขา เขาเยอะกว่าเรา เราต้องเปลี่ยนแปลงเพื่อคนหมู่มาก

เมื่อก่อนมีแต่สาวๆ ทักเข้ามา แต่พอมาเป็นลุคมาดามมีหนุ่มๆ ทักมาด้วย?

ครูไพบูลย์  : เยอะเลยค่ะ มีแบบว่า.. ขออนุญาต เสวมากเลย บางคนทักมาอยากโดนครู…มากเลย แต่เป็นผู้ชายนะ

มีส่งภาพแปลก ๆ มาด้วยไหม?

ครูไพบูลย์  : มีครับ บางคนมีเหลืองๆ มาด้วย ซึ่งผู้หญิงก็มีแต่บอกว่าขอเป็นลูกสาวแม่ได้ไหม ชอบ

แบบนี้จะเปิดใจให้เพศอื่น ๆ ไหม ในการเปิดใจคุยกัน?

ครูไพบูลย์ : ผมเป็นคนชอบทุกเพศอยู่แล้วครับ ผมอยู่กับคุณทุกเจน ทุกเพศ ทุกวัย เราก็อยู่กับสภาพจิตใจตัวเอง ได้ถามตัวเองมาแล้ว เราเข้มแข็งกับตัวเองได้ เพราะฉะนั้นเราก็สามารถอ่อนโยนกับคนอื่นได้เช่นกัน

แสดงว่าไม่ได้ปิดกั้นเรื่องของความรัก เปิดใจคบได้ ไม่เกี่ยวเรืองเพศ  ?

ครูไพบูลย์ : คุยได้ด้วย คุยแล้วมันใช่ก็ไปต่อ

สถานะหัวใจตอนนี้เป็นยังไงบ้าง ?

ครูไพบูลย์  : ยังโสดอยู่ครับ แต่ก็มีคนเข้ามาคุยเรื่อยๆ แต่เราเองแทบจะไม่มีเวลาคุยกับใคร เพราะช่วงนี้เราทำงานหนักมาก แต่งตัววันนึงก็ปาไป 2-3 ชั่วโมงแล้ว แล้วมันยากตรงใส่ชุด ใส่ยังไงให้เข้ากับเราได้ สรีระเรายังไม่ตอบรับโจทย์ของความเป็นผู้หญิง

อย่างชุดวันนี้ใครเป็นคนเลือกให้ ?

ครูไพบูลย์ : เพื่อนครับ การออกแบบดีไซน์ก็เป็นเพื่อนทั้งหมด ตอนนี้คอนเทนท์ที่นำเสนอจะเป็นแนวสนุกมากกว่า แต่งหน้าจริงแต่ก็จะสนุก ให้คนดูไม่เครียด

เรื่องของหัวใจจริงๆ ก็อยากมีสาวๆ เข้ามาคุย แต่ข่าวเราก่อนหน้านี้ ทำให้สาวๆ กลัวที่จะเข้ามาหาเราเหมือนกัน?

ครูไพบูลย์ : เยอะเลย ผมว่าเกิน 80% เพราะคนคิดว่าเรามีปัญหาเกี่ยวกับเรื่องผู้หญิง เพราะเราเคยมีแฟน อายุก็ไม่ได้ห่างกันเยอะนะ แต่ดูเหมือนว่าเขาชอบเด็กหรือเปล่า เขามีปัญหากันมันจบหรือยัง ผู้หญิงคนใหม่ที่จะเข้ามา เขาเลยมองว่าฉันควรจะเข้าไปดีไหม ก็มีมองๆ มา แล้วมีหลายคนอยากคุยด้วย แต่เราก็ให้โอกาสทุกคน รวมถึงให้โอกาสตัวเองด้วย

เหงาไหม?

ครูไพบูลย์ : เหงาครับ แต่มันเหมือนมาแป๊บเดียวแล้วก็ไป บางวันแทบลืมไปเลยว่า เราโสด เราเหงา เพราะในชีวิตกิจกรรมเราเยอะมาก ถ่ายงาน ตื่นเช้ามาถ้ามีกำลังก็ไปเข้ายิม แล้วทำงาน อยู่กับเพื่อน เพื่อนผมไม่ค่อยชอบนอน นั่งคุยกันยันสว่าง ตื่นขึ้นมาก็ชวนทำงาน

ช่วงวาเลนไทน์เห็นเขามีคู่ ให้ดอกไม้กัน มันมีจี๊ดหัวใจบ้างไหม?

ครูไพบูลย์ : ผมเฉยๆ เพราะตอนที่ผมมีแฟน ผมอาจจะแย่ในมุมนี้ก็ได้ อาจจะไม่ได้เซอร์ไพรส์ดีมาก หรือไม่ให้ความสำคัญ 100% แต่ถามว่ามีดอกไม้ให้ไหม ก็มี แต่ไม่ได้ตื่นเต้น ไม่ได้ถือเป็นวันพิเศษมากๆ ผมกลับมองว่าทุกๆ วัน ของผมคือวันวาเลนไทน์ มันพิเศษที่สุด ก็เลยทำให้มันดีที่สุด ช่วงที่ผ่านมาเลยกลายเป็นคอนเทนท์ในโซเชียลไปเลย คนที่มีแฟนสมน้ำหน้า ไม่มีอิสระในการเลือก 

ก่อนหน้านี้ก็ทำลูกชิ้นมีหู ตอนนี้ยังมีอยู่ไหม?

ครูไพบูลย์ : ยังอยู่ แต่เราพักไว้ก่อน ต้นทุนมันสูง แล้วการขนส่งมีปัญหา เพราะมันเป็นของสด ต้องแช่ฟิต ใส่โฟม ใส่น้ำแข็ง เยอะแยะมากมาย เลยพักไว้ก่อน มาทำอะไรที่มันง่าย

ก่อนหน้านี้เคยทำธุรกิจ สูญเงินไป 5,000,000 ?

ครูไพบูลย์ : เราลงทุนทำร้านอาหารกึ่งผับ ที่ประเทศลาว เรามีเพื่อน มีพี่ เป็นคนในพื้นที่ตรงนั้น ตอนแรกทำ 3-4 คน เพราะมันเป็นร้านไม่ใหญ่ แต่จะเป็นสองชั้น สไตล์คนลาวเขาชอบ 

ลงทุนไปแล้วเป็นรูปเป็นร่างไหม หรือไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย?

ครูไพบูลย์ : ทำเสร็จ ทำอยู่ประมาณเกือบหนึ่งปี เพิ่งเลิกทำเมื่อ 3-4 เดือนที่แล้ว

ก็เหมือนจะไปได้สวย ?

ครูไพบูลย์ : ช่วงแรกก็เหมือนได้ ช่วง 3-4 เดือนมันได้ แต่พอหลังๆ มา ผมเห็นค่าใช้จ่ายมากขึ้น แล้วค่าใช้จ่ายที่ผมลงทุนไปผมเอากลับมาไม่ได้แล้ว ของที่ซื้อไว้ก็เอากลับมาไม่ได้

ก็เจ๋งเลย ?

ครูไพบูลย์ : ตอนแรกปล่อยให้คนมาเซ้ง ก็ไม่มีใครเอา เพราะยอดมันสูง เราลงทุนไป 4-5 ล้าน ใครเขาจะมาเซ้งราคานี้

เครียดไหม?

ครูไพบูลย์ : เครียด เราไม่มีความรู้ด้วย แต่ด้วยความที่เราอยากทำ มีความฝันว่าฉันอยากทำผับนะ แต่พอทำไปจริงๆ มันไม่ใช่ มันซับซ้อน รายละเอียดมันเยอะ ผมเลยยอม

ถ้าหลังจากนี้มีคนมาชวนทำเกี่ยวกับร้านอาหารอีกจะทำไหม ?

ครูไพบูลย์ : ก็ต้องดูก่อน เพราะยังชอบอยู่ ยังไม่ได้ให้คำตอบตัวเองว่าฉันยอมแพ้แล้ว ยังอยากทำอยู่ แต่ขอทำที่มันชัวร์กว่านี้ ที่เราถนัดมากกว่านี้

ที่สูญเงินไป 4-5 ล้าน ตอนนี้ทำยังไง ผ่านมันไปได้ยังไง?

ครูไพบูลย์ : ก็ต้องเริ่มต้นใหม่ คิดซะว่าเราซื้อหวยไม่ถูก เราใช้ชีวิตแบบเสเพล ก็เหมือนเป็นการซื้อเวลาชีวิตตัวเองในการที่ดาวน์ ถือเป็นบทเรียนของชีวิตและมีสติ

ตอนนั้นเครียดขนาดไหน?

ครูไพบูลย์ : เครียดถึงขั้นผมไม่ทำอะไร คือมันช่วงเดียวกันเลย ช่วงดราม่า ร้านอาหารก็ปิด ผมมี 2 ร้าน ที่ไทยก็มี อยู่ที่บ้านต่างจังหวัด เป็นคาเฟ่ ผมก็ได้ปิดปรับปรุงเหมือนกัน แต่เป็นการปิดปรับปรุงแบบถาวร

มีแว๊บนึงที่มันดิ่งสุดไหม ?

ครูไพบูลย์ : เคยครับ เคยคิดเครียดแค้นด้วยนะ คือหมายความว่าใครทำให้เราเป็นแบบนี้ คือโทษคนอื่นด้วย แล้วก็โทษตัวเองด้วย เคยคิดว่าชีวิตต้องแลกด้วยชีวิตเลยนะ ชีวิตผมอยู่ดีๆ ก็มาพัวพันเรื่องคดีความ เรื่องคนใส่ความนู่นนั่นนี่ เป็นดราม่าไม่จบ ไม่สิ้น ก็คิดว่ามันต้องจบแบบไหน

แล้วผ่านมาได้ยังไง ?

ครูไพบูลย์ : ลูกครับ ผมกลับไปหาลูก ทุกครั้งที่รู้สึกแบบนี้จะรีบกลับไปหาลูกก่อน ไปอยู่กับเขา เพราะนี่คือความหวังของเรา แล้วเราคือความหวังของเขา ถ้าเราพลาดไปมากกว่านี้ คือเราแย่มากเลยนะ เราทิ้งเขาเลยนะ มันไม่มีความเป็นพ่อเลย ก็เลยดึงตัวเองกลับมา ใช้ชีวิตให้มีความสุข และให้เขาเห็นเราในมุมที่ดีที่สุด ทั้งสุขภาพกาย สุขภาพใจ แล้วทำทุกอย่างเพื่อเขา

จะแต่งตัวยังไงจะทำอะไร  ขอให้มีรายได้เข้ามา เพื่อลูก?

ครูไพบูลย์ : ใช่ ผมไม่มีรายได้มาหนึ่งปี ธุรกิจที่ลาวก็เจ๊ง ค่ายเพลงก็ไม่มีคนดัง เลิกกับแฟน ผมไม่มีรายได้ ดาวน์มาก แต่รายจ่ายผมยังเท่าเดิม ผมต้องดิ้นรนทุกอย่าง บางทีผมไปกู้เครดิตไม่ผ่านบ้าง เพราะเราไม่เคยกู้ ไม่เคยเป็นหนี้ เราไม่มีเครดิตในแบงก์ต่างๆ เราซื้อสดตลอด ตอนที่เราหาเงินได้ พอเราจะกู้เราทำไม่ได้ มันเครียดมาก เลยมาเจอเพื่อนนี่แหละเมื่อปีที่แล้ว เขาพาเราทำออนไลน์

เห็นว่ากว่าจะผ่านมาได้ ไม่รู้ช่วงไหน เห็นว่าเคยเกิดเรื่องเฉียดตาย?

ครูไพบูลย์  : อันนี้คือตอนไปคอนเสิร์ตกับน้อง ตรงนั้นมันเป็นพื้นที่ชายแดน ไปเล่นคอนเสิร์ตกัน ตอนเล่นมันก็ดีอยู่ จังหวะสนุก เหมือนงานอีกครึ่งชั่วโมงจะเลิก วัยรุ่นเริ่มรู้งานแล้ว ก็ตีกัน แรกๆ ใช้มือ หลังๆ มา เริ่มได้ยินเสียงระเบิด มีเสียงปืนด้วย ตอนแรกเราก็คิดว่าจุดประทัดกันหรือเปล่า แต่มันดังขึ้นเรื่อยๆ เหมือนสงครามเลย

แล้วตอนนั้นครูอยู่ตรงไหน ?

ครูไพบูลย์ : ตอนนั้นคนเริ่มวุ่นวายแล้ว เรารีบกระโดดลงจากเวที และรถเราจอดอยู่หลังเวที ผมพาน้องๆ ขึ้นไปอยู่บนรถ จะเกิดอะไรขึ้นก็แล้วแต่เราอยู่ในรถก่อน ตอนนั้นเสียงน่ากลัวมาก มันเป็นประสบการณ์ครั้งใหญ่ที่ไปคอนเสิร์ตแล้วมีการตีกันแบบรุนแรง แต่ก็รอดมาได้

โดนทำของใส่มันเกิดขึ้นเมื่อไหร่ ?

ครูไพบูลย์ : เมื่อปีที่แล้ว

ใครทำเรารู้ตัวไหม ?

ครูไพบูลย์ : ไม่รู้ คือเรารู้ตัวแต่เพื่อนบอกว่า เธอเป็นอะไร หน้าเธอนับวันยิ่งคล้ำ ผอม แล้วดำลงเรื่อยๆ ไม่มีความสุขเลย แล้วแววตาเธอเศร้าตลอดเวลา เป็นอะไร ลูกน้องที่ทำงานก็เหมือนกัน ทักว่าเป็นอะไร ถูกของใคร ทำไมหน้าเศร้าตลอดเวลา แล้วทำอะไรก็ไม่ได้ ต้องอยู่ในบ้าน

ตัวเราเองรู้สึกไหมว่ามันมีอะไรเปลี่ยนไป ?

ครูไพบูลย์ : ผมรู้สึกแค่ว่าทำไมทำอะไรยากจัง หาเงินยากมาก ทำอะไรก็ยังไม่ดี เหนื่อย แล้วไม่อยากทำอะไรเลย มีแต่อยากไปเที่ยว อยากดื่ม

เห็นว่าตอนแรกคนทักอะไรก็ไม่เชื่อ คิดว่าตัวเองเป็นช่วงดิ่ง?

ครูไพบูลย์ : ใช่

แต่มีประโยคที่เพื่อนทักทำให้รู้สึกว่าต้องไปถอนของคืออะไร ?

ครูไพบูลย์ : เธอเชื่อไหมว่าทำอะไรมันก็จะไม่ดีขึ้น เพราะเธอโดนของด้วยการครอบเอาไว้ เราก็มาคิด มันก็ใช่นะ รู้สึกว่าทำอะไรก็เจ๊ง ดาวน์มาตลอด จะทำอาหารเสริมมาขาย ก็เจ๊งอีก

พอเชื่อแล้วไปแก้ยังไง ?

ครูไพบูลย์  : ก็มีการสวด อาบน้ำมนต์ ฝังตะกรุด

แล้วพอถอนปุ๊บเป็นยังไง ?

ครูไพบูลย์  : ทุกอย่างเริ่มดีขึ้น คือมันเริ่มดีขึ้นตั้งแต่ปีที่แล้วที่ได้รู้จักเพื่อน ก็เริ่มวางแผนเดี๋ยวเธอต้องเข้าโรงงานนี้นะ เพื่อหาผลิตภัณฑ์ใหม่

ครูรู้ว่าใครเป็นคนทำของใส่ ?

ครูไพบูลย์ : ไม่รู้เลยเพราะเราเจอคนเยอะ แต่เขาบอกว่าเป็นผู้หญิง ตอนไปแก้ก็มีทั้งพระ พราหมณ์ ทุกอย่างทัก เพื่อนพาไปแทบทุกที่ และเป็นการทำให้เราสบายใจ

ติดตามชมรายการคุยแซ่บShow ทุกวันจันทร์-วันศุกร์ เวลา13.15-14.15 น. ทางช่อง one31 Facebook Page : คุยแซ่บShow รับชมย้อนหลังได้ที่ Youtube Channel : Orange Mama

คลิปสัมภาษณ์ : https://youtu.be/rY60LoDxpw8?si=0ooZDqum-95FSlRE