SAFE เปิดงบปี 67 กำไรส่วนของบริษัทใหญ่ 167.09 ล้านบาท กวาดรายได้ 830.13 ล้านบาท บอร์ดอนุมัติจ่ายปันผลเป็นเงินสดในอัตรา 0.62 บาท/หุ้น ขึ้น XD วันที่ 8 พ.ค.68 กำหนดจ่ายวันที่ 23 พ.ค.68 บิ๊กบอส “นพ.วิวัฒน์ กว้างคณานุรักษ์” มั่นใจแนวโน้มผลงานปี 68 โตแกร่ง จากกฎหมายสมรสเท่าเทียม พร้อมปักหมุดรายได้เติบโต 15-20% คาดปิดจ๊อบดีล M&A ภายในปลายปีนี้ บุ๊กรายได้ทันที
เมื่อวันที่ 21 ก.พ.68 นพ.วิวัฒน์ กว้างคณานุรักษ์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการรักษาผู้มีบุตรยากด้วยเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ ในฐานะประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซฟ เฟอร์ทิลิตี้ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) (SAFE) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานของบริษัทฯ ในปี 2567 (สิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2567) มีรายได้จากการขายและให้บริการอยู่ที่ 830.13 ล้านบาท และกำไรส่วนของบริษัทใหญ่อยู่ที่ 167.09 ล้านบาท
ทั้งนี้ รายได้ของบริษัทฯ ในปี 2567 มาจาก 1.รายได้จากการให้บริการการรักษาผู้มีบุตรยาก 2.รายได้จากการให้บริการตรวจพันธุกรรมของตัวอ่อนและทารกในครรภ์ 3. รายได้จากการให้บริการด้านชะลอวัยและเวลเนส มีรายได้การให้บริการรักษาผู้มีบุตรยากเป็นรายได้หลักของบริษัทฯ
นอกจากนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ ในวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2568 มีมติอนุมัติจ่ายเงินปันผลสำหรับผลการดำเนินงานปี 2567 เป็นเงินสดในอัตรา 0.62 บาท/หุ้น คิดเป็นอัตราการจ่ายเงินปันผลร้อยละ 99.64 โดยจะขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 8 พฤษภาคม 2568 และกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 23 พฤษภาคม 2568
สำหรับแนวโน้มในปี 2568 คาดว่าจะเติบโตได้ดี เนื่องจากกฎหมายลูกที่เกี่ยวข้องกฎหมายสมรสเท่าเทียมสำหรับกลุ่ม LGBT อาทิ กฎหมายการอุ้มบุญ และกฎหมายการย้ายตัวอ่อน ซึ่งอยู่ระหว่างการร่าง พ.ร.บ.หากกฎหมายผ่าน คาดว่าจะช่วยสนับสนุนฐานลูกค้าให้เพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก รวมถึง Trend การฝากไข่ที่มีแนวโน้มสูงขึ้น ผลักดันให้รายได้การให้บริการการรักษาผู้มีบุตรยากให้เติบโตอย่างแข็งแกร่ง
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SAFE กล่าวอีกว่า ในปีนี้บริษัทฯ มีการปรับกลยุทธ์ด้านการตลาดทั้งในและต่างประเทศ โดยจะเน้นเจาะผ่านโซเซียลต่างๆ มากขึ้น และสำหรับความคืบหน้าดีล M&A ซึ่งเป็นธุรกิจเกี่ยวเนื่องที่จะมา Synergy กับธุรกิจของบริษัท ขณะนี้อยู่ระหว่างขั้นตอนการเจรจา คาดว่าจะสามารถปิดดีลได้ภายในปลายปี 2568 หากปิดดีลได้สำเร็จจะบุ๊กรายได้เข้ามาทันทีจากปัจจัยบวกต่างๆในปีนี้ บริษัทฯ คาดการณ์ตั้งเป้ารายได้การเติบโตไว้ที่ประมาณ 15-20%