ผบช.ภ. 7 แถลงคดีใหญ่ 3 คดี แก๊งลักรถจยย. ส่งเมียนมาร์ ตระเวนลักทรัพย์ และพยายามข่มขืนลักทรัพย์ชาวไทย
เมื่อเวลา 09:00 น. ของวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2568 ที่ สภ.โพธิ์แก้ว อ. สามพราน จ.นครปฐม พล.ต.ท.นัยวัฒน์ ผะเดิมชิต ผบช ภ.7 .พล.ต.ต.ชมชวิณ ปุระธนานนท์ รอง ผบช .ภ.7 พล.ต.ต.พงษ์พันธ์ วงษ์มณีเทศ ผบก.ภ.จว.นครปฐม พ.ต.อ.พัลลภ สุริยะกุล ณอยุธยา รอง ผบก. ภ.จว.นครปฐม พ.ต.อ.จักรพงศ์ ตราบดี รรท. ผกก.สภ.โพธิแก้ว ได้ร่วมกันแถลงข่าวจับกุม 3 คดีสำคัญที่เกิดขึ้นในพื้นที่รับผิดชอบ สภ.โพธิ์แก้ว
โดย คดีแรกเมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2568 จับกุมเครือข่ายกลุ่มแก๊งลักรถจยย. ส่งเมียนมาได้ทำการจับกุมและดำเนินคดีมีผู้ต้องหา 6 ราย 1.นายอารีท อายุ 42 ปี 2.นายทองเอก อายุ 57 ปี 3.เด็กชายอัศนัย นามสมมุติ อายุ 14 ปี 4. เด็กชายสุริยา นามสมมุติ อายุ 14 ปี 5.เด็กชายกฤษฎา นามสมมุติ อายุ 14 ปี 6.นายดำ ชาวเมียนมา หลบหนี เจ้าหน้าที่ตำรวจออกหมายจับ โดยตั้งข้อหาความผิด ร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืน โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำความผิดหรือการพาทรัพย์นั้นไปหรือเพื่อให้ผลจากการจับกุมและซ่องโจรหรือรับของโจร
พร้อมด้วยของกลางในคดีเครื่องยนต์ honda wave 1 เครื่อง โครงรถ จยย. honda wave 1 โครงอุปกรณ์ส่วนควบรถจยย. 1 ชุด รถยนต์กระบะตู้ทึบ isuzu สีขาวหมายเลขทะเบียน ผต xxxx นครปฐมซึ่งเป็นรถที่ใช้ก่อเหตุ รถจยย. honda wave ทะเบียน 8 ขญ xxxxกทม.เป็นรถที่ใช้ก่อเหตุโทรศัพท์มือถือ 3 เครื่อง อุปกรณ์เครื่องมือช่าง ประแจ 18 อัน ไขควง 4 แฉก 10 อัน สามทาง 7 อัน ไขควงปากแบน 5 อัน บล็อกตอก คีมล็อค คีบปากจิ้งจก ประแจเลื่อน
พฤติการณ์แห่งคดี เมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2568 ตร. ได้รับเบาะแสจากพลเมืองดีว่า บ้านเลขที่ 60/289 หมู่บ้าน ว.นิเวศ หมู่ที่ 8 ต.กระทุ่มล้ม อ.สามพราน จ.นครปฐม มีพฤติกรรมขับรถเสียงดังรบกวนชาวบ้านในเวลากลางคืน ช่วงเวลา 21.๐๐ - ๐5.๐๐ น.อยู่เป็นประจำเกือบทุกวัน และประกอบอาชีพมีลักษณะน่าสงสัยเป็นแก๊งลัก รถจยย. เนื่องจากได้เห็นผู้ก่อเหตุขับขี่รถเข้าในบ้านไม่ซ้ำคัน และจะมีรถยนต์ตู้ทึบเข้ามา ช่วงเวลาเที่ยงคืนจนถึงช่วงเช้ามืด โดยจะใช้เวลาขนของกล่องพัสดุขนาดใหญ่ เวลาไม่เกิน 20 นาที และจะออกจากบ้านหลังดังกล่าว จึงได้เฝ้าสังเกตุ ต่อมาวันที่ 18 ก.พ.68 ได้รับแจ้งจากพลเมืองดีบ้านหลังดังกล่าวได้มีการขนกล่องพัสดุขนาดใหญ่ เข้าบ้าน น่าเชื่อว่าคืนนี้จะก่อเหตุลักรถจยย. จึงซุ่มเข้าจับ จนกระทั่งวันที่ 19 ก.พ.68 เวลาประมาณ 03.๐๐ น. พบรถยนต์ฯ ลักษณะต่อเติมตู้ทึบ ขับเข้ามาจอดบริเวณหน้า บ้านหลังดังกล่าว พบนายทองเอก ลงมาจากรถยนต์คันดังกล่าว และพบนายอารี , ด.ช.อัศนัย นามสมมติ ด.ช.สุริยา นามสมมติ ด.ช.กฤษฎา นามสมมติ ยกกล่องกระดาษออกมาจากบ้านเพื่อนำขึ้นท้ายรถกระบะท้ายรถยนต์ตู้ทึบ ตร.แสดงตัวขอทำการตรวจค้น พบกล่องกระดาษพบด้านในบรรจุ เครื่องยนต์ยี่ห้อฮอนด้า โครงรถจักรยานยนต์ และอุปกรณ์ส่วนควบ รวมเป็นจำนวน 3 คัน ตรวจสอบเป็น รถจยย. ได้แจ้งหายไว้ที่ สภ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี จำนวน 2 คัน และยังไม่ได้แจ้งหายอีกจำนวน 1 คัน จึงได้ติดต่อให้เจ้าของรถเข้าแจ้งความที่ สภ.โพธิ์แก้ว
จากการสอบปากคำผู้ก่อเหตุรับว่า ได้กระทำ ความผิดดังกล่าวมาแล้วมากกว่า 2๐๐ คัน ซึ่งคำให้การสอดคล้องกับรายการเดินบัญชีของนายอารีหรือบอยฯ ได้รับคำสั่งจากนายดำ ไม่ทราบชื่อและนามสกุลจริง ให้ไปเอารถจยย. ที่ถูกลักทรัพย์ มาถอดชิ้นส่วนใส่ กล่องพัสดุ และนายดำ ได้สั่งการให้นายทองเอก ขับขี่รถยนต์ตู้ทึบมารับพัสดุไปส่งที่ขนส่งเอกชนแห่งหนึ่ง บริเวณพุทธมณฑลสาย 5 ให้ส่งไปที่ อ.แม่สอด จ.ตาก เจ้าหน้าที่สืบสวนจึงได้จับกุมตัวผู้ก่อเหตุทั้ง 5 คน ส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดี และจากการสืบสวนเพิ่มเติมพบว่าหัวหน้าแก๊งผู้สั่งการเป็นชาวเมียนมาร์ ชื่อนายดำ หรือ TUN TUN มีประวัติเคยก่อเหตุในพื้นที่สถานีตำรวจนครบาลคลองตัน ในลักษณะเดียวกัน จึงได้ร้องขอให้ศาลจังหวัดนครปฐมออกหมายจับไว้ ตามหมายจับที่ 202/2568 ลง วันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2568 ในความผิดฐาน ร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืนโดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่ การกระทำความผิดหรือพาทรัพย์นั้นไป หรือในพ้นการจับกุม และซ่องโจรหรือรับของโจร
คดีที่สอง จับกุมชาวเมียนมา ตระเวนลักทรัพย์ในร้านโทรศัพท์โดยเมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2568 ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ. โพธิ์แก้ว อ.สามพราน จ.นครปฐมได้ทำการจับกุมตัวนายซอ เม้น อ่าว อายุ 39 ปี สัญชาติ เมียนมา ในความผิดฐาน ลักทรัพย์ในเวลากลางคืน โดยทำอันตรายสิ่งกีดกั้นสำหรับคุ้มครองบุคคลหรือทรัพย์ หรือโดยผ่านสิ่งเช่นว่านั้นเข้าไปด้วยประกาiใดๆ และบุกรุกเข้าไปในอาคารเก็บรักษาทรัพย์ หรือสำนักงานในความ ครอบครองของผู้อื่นในเวลากลางคืน พร้อมด้วยของกลางในคดี โทรศัพท์มือถือ จำนวน 36 เครื่อง มูลค่ารวม 1.5 แสนบาท
พฤติการณ์แห่งคดี เมื่อวันที่ 15 ก.พ.2568 ได้รับแจ้งเหตุ จากนายอุ่นคำ อายุ 35 ปี แจ้งว่า ได้มีคนร้าย ไม่ทราบว่าเป็นผู้ใด ปืนเข้ามาทางหลังคา ลักเอาโทรศัพท์มือถือ ภายในร้านโทรศัพท์มือถือ ซอยศรีเสถียร เลขที่ 49/1 หมู่ที่ 5 ต.ไร่ขิง อ.สามพราน จ.นครปฐม แล้วหลบหนีไป เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน ได้ตรวจสอบที่เกิดเหตุ และตรวจสอบกล้องวงจรปิด พบคนร้าย เป็นชาย 1 คน เข้ามาก่อเหตุลักเอาโทรศัพท์มือถือ ต่อมาขณะกำลังสืบสวนหาข่าวและตรวจสอบกล้องวงจรปิดในเส้นทาง ที่คนร้ายหลบหนี พบผู้ก่อเหตุ ลักษณะรูปพรรณใกล้เคียงกับคนร้ายที่ก่อเหตุ อยู่บริเวณหน้าห้องเช่าไม่ทราบชื่อเลขที่ 40/53-54 หมู่ที่ 5 ต.ไร่ขิง อ.สามพราน จ.นครปฐม จึงตรวจค้น พบโทรศัพท์มือถือ อยู่ในกระเป๋าสะพายหนังสีน้ำตาลจำนวน 3 เครื่อง รับว่าเข้าไปลักขโมยมาจากร้านโทรศัพท์มือถือ และนำเจ้าหน้าที่ตำรวจไปทำการตรวจยึด โทรศัพท์มือถือ ได้ที่ห้องพักเพิ่มเติมรวมทั้งหมด 36 เครื่อง จึงทำตัวมาดำเนินคดี
และคดีที่ 3 จับกุมเมียนมา พยายามข่มขืนและลักทรัพย์ชาวไทย เมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2568 ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.โพธิ์แก้ว อ.สามพราน จ.นครปฐมได้ทำการจับกุมตัวนายขิน หม่อง วิน อายุ 40 ปี พักอยู่เลขที่ 210 หอพักโรงหล่อซอย 6 หมู่ 7 ต.ไร่ขิง อ.สามพราน จ. นครปฐม โดยตั้งข้อหา พยายามข่มขืนกระทำชำเราผู้อื่น โดยขู่เข็ญด้วยประการใดๆ โดยใช้กำลังประทุษร้ายผู้อื่นนั้นอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้ และลักทรัพย์ในเคหะสถานในเวลากลางคืน โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำความผิดหรือพาทรัพย์นั้นไป หรือเพื่อให้พ้นจากการจับกุม พร้อมด้วยของกลางโทรศัพท์ iPhone 1 เครื่อง โทรศัพท์ samsung 1 เครื่อง นาฬิกาข้อมือสายรัดสีดำ 1 เรือน รถจักรยาน LA สีแดง 1 คัน
พฤติการณ์แห่งคดี เมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2568 เวลาประมาณ 10.๐๐ น. ชุดสืบสวนได้รับแจ้งจาก น.ส.อรวีห์ ว่าเมื่อ วันที่ 10 ก.พ.68 เวลาประมาณ ๐๐.3๐ น. ได้มีคนร้ายชายไม่ทราบชื่อ เข้ามาพยายามข่มขืน กระทำชำเราและลักทรัพย์ โดยทรัพย์ที่ได้ คือ โทรศัพท์มือถือ 2 เครื่อง และ นาฬิกาข้อมือ จำนวน 1 เรือน เหตุเกิดที่บ้านเลขที่ 14 ม.14 ต.ไร่ขิง อ.สามพราน จ.นครปฐม
ต่อมาวันที่ 15 ก.พ.68 เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน ได้สืบสวนจนทราบว่าผู้ก่อเหตุหลบหนีจากที่เกิดเหตุโดยใช้รถจักรยาน ซึ่งไปพักอยู่ที่ห้องเช่าเลขที่ 210 หอพักโรงหล่อซอย 6 หมู่ 7 ต.ไร่ขิง อ.สามพราน จ. นครปฐม เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนจึงได้แสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ และเรียกตัวผู้ก่อเหตุที่ห้องพักดังกล่าว ตรวจสอบผู้ก่อเหตุเป็นชาวเมียนมาร์ชื่อนายขิน หม่อง วิน อายุ 40 ปี และสอบถามถึงเหตุการณ์ดังกล่าว โดยนายชิน หม่อง วิน รับว่าตนเป็นผู้กระทำความผิดดังกล่าวจริง จากนั้น เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้ขอเข้าค้นภายในห้องเช่าดังกล่าว พบของกลางข้างต้น ที่เป็นของผู้เสียหาย จึงนำตัว พร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป