“สุริยะ”ปัด “สส.พท.”เขย่าเก้าอี้ “พิชัย” ยํ้าปรับครม.อยู่ที่"นายกฯ" ด้าน “ไอติม” ตั้งกระทู้ถาม “นายกฯ” ข้องใจจุดยืน "พรรคร่วมฯ" เห็นต่างแก้รธน.ห่วงมีเกมต่อรองหลังเวที ส่วน “จุลพันธ์” ติงเงื่อนไข “กฤษฎีกา” เล่นคาสิโนต้องมีเงิน 50 ล้าน ไม่ตรงหลักคิดรัฐบาล หวั่นดึงพนันเข้าระบบไม่สำเร็จ ยันต้องหารือกฤษฎีกาอีกรอบ


เมื่อเวลา 08.50 น. วันที่ 20 ก.พ.68  ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ในฐานะแกนนำพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีสมาชิกพรรคเพื่อไทย ออกมาแสดงความไม่พอใจนายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ที่ไม่สามารถทำให้ราคาพืชผลทางการเกษตรดีขึ้นได้ว่า เรื่องนี้เราต้องรับฟังความเห็นของ สส.ด้วย และเชื่อว่านายพิชัยพยามรับฟังความเห็น โดยเฉพาะเรื่องราคาพืชผลการเกษตรตกต่ำ และคงหามาตรการเพื่อชี้แจงกับ สส. 

เมื่อถามว่า สมาชิกในพรรคสะท้อนว่า นายพิชัยมัวแต่เดินสายต่างประเทศ ไม่สนใจราคาพืชผลในประเทศที่ตกตํ่าในขณะนี้ นายสุริยะ กล่าวว่า ความจริงต้องทำควบคู่กันไป เวทีต่างประเทศก็สำคัญ เพราะมีการประชุมระดับทวิภาคี รวมถึงเวทีอื่นๆ ที่สำคัญ ซึ่งกระทรวงพาณิชย์ก็มีบทบาท หากนายพิชัยไม่เดินทางออกไปต่างประเทศ ก็น่าจะมีเวลาฟังความเห็นของ สส.ในพรรค ทั้งนี้ เชื่อว่าไม่นานสถานการณ์จะดีขึ้น

เมื่อถามว่า เสียงสะท้อนของสมาชิกพรรคที่ออกมา จะทำให้รัฐมนตรีคนอื่นของพรรคเพื่อไทย ต้องตื่นตัวในการทำงานยิ่งขึ้นหรือไม่ นายสุริยะ กล่าวว่า หน้าที่สำคัญของรัฐมนตรีอันดับแรกคือ พยายามปฎิบัติหน้าที่ในส่วนที่รับผิดชอบ มีประสิทธิภาพและประสิทธิผล หากไปได้ดี ก็จะได้ผลตอบรับจากประชาชนดี  เมื่อถามย้ำว่า ไม่ใช่การเขย่าเก้าอี้ใช่หรือไม่ นายสุริยะ กล่าวว่า ไม่ใช่

เมื่อถามว่า ส่วนตัวคิดว่าขณะนี้ถึงเวลาปรับ คณะรัฐมนตรี (ครม.) หรือยัง นายสุริยะ กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีบอกแล้วว่า มีอำนาจในการปรับ แต่ในเมื่อนายกฯ บอกว่ายังไม่มีความคิดที่จะปรับ ฉะนั้นคนอื่นจะพูดอย่างไรก็แล้วแต่ ทั้งหมดก็อยู่ที่นายกฯ ซึ่งเป็นผู้มีอำนาจเพียงคนเดียว

ส่วน ที่รัฐสภา มีการประชุมสภาฯ ที่มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร  เป็นประธานการประชุม ได้มีการพิจารณากระทู้ถามสดเรื่องความชัดเจนต่อการทำนโยบายรัฐบาลเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่มีความเห็นต่างระหว่างพรรคร่วมรัฐบาล ของนายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ถามสดนายกฯว่า แม้รัฐบาลยืนยันการแก้รัฐธรรมนูญ แต่ยังไม่เห็นพรรคร่วมรัฐบาล และสว.หัวใจเดียวกันสนับสนุนการแก้รัฐธรรมนูญ อ้างข้อกังวลด้านข้อกฎหมายที่ยังไม่มีความชัดเจนจากศาลรัฐธรรมนูญ จึงอยากทราบเหตุผลที่พรรคร่วมรัฐบาลและสว.ไม่ร่วมมือแก้รัฐธรรมนูญ เป็นเพราะความกังวลข้อกฎหมาย ไม่ใช่ปัญหาจุดยืนทางการเมืองที่ไม่อยากแก้รัฐธรรมนูญ แม้นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย บอกภายหลังว่า พร้อมสนับสนุนการแก้รัฐธรรมนูญ หากสิ้นข้อสงสัยด้านข้อกฎหมาย แต่หากสว.ไม่ร่วมแก้ไขด้วย ก็ไม่มีอะไรเป็นหลักประกันจะสนับสนุนการแก้รัฐธรรมนูญ อีกทั้งคำพูดของนายกรัฐมนตรีระบุว่า ได้หารือร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญกับพรรคร่วมรัฐบาลแล้ว แต่นายอนุทินบอกนายกฯไม่เคยมาคุยเรื่องการแก้รัฐธรรมนูญ ดังนั้นคำพูดใครควรเชื่อถือกว่ากัน

นายพริษฐ์ กล่าวว่า ความเห็นต่างระหว่างพรรคร่วมรัฐบาลอีกเรื่องคือ สถานบันเทิงครบวงจร ที่ล่าสุดร่างพ.ร.บ.สถานบันเทิงครบวงจร ที่รัฐบาลรับหลักการ ไม่ได้แก้ไขข้อกังวลของพรรคร่วมรัฐบาลก่อนหน้านี้ได้แก่ 1.ไม่ได้แก้ปัญหาการพนันผิดกฎหมาย 2.การเปิดประมูลแข่งขันการทำสถานบันเทิงครบวงจร และการเปิดรับฟังความเห็นประชาชน 3.ไม่ตอบโจทย์การท่องเที่ยวในเมืองที่ตั้งสถานบันเทิงครบวงจร 4.การสร้างงานแก่แรงงานไทย 4ข้อกังวลที่พรรคร่วมรัฐบาลเคยทักท้วง ปรากฏว่าในร่างกฎหมายที่ครม.รับหลักการมาไม่มีการแก้ไขข้อกังวลเหล่านี้เลย

“อยากถามนายกฯว่า จะทำอย่างไรให้พรรคร่วมรัฐบาลมาสนับสนุนร่างพ.ร.บ.สถานบันเทิงครบวงจร โดยไม่ต้องไปตกลงหลังห้อง เรื่องสถานที่ตั้งกาสิโน หรือการนำเรื่องแก้รัฐธรรมนูญ เรื่องกัญชาไปแลกกับเรื่องกาสิโน” นายพริษฐ์ กล่าว
ด้านนายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกฯ และรมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ชี้แจงแทนนายกฯว่า นโยบายการเร่งแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้น ตั้งแต่รัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกรัฐมนตรี เราให้ความสำคัญการแก้รัฐธรรมนูญมาตลอด จนถึงรัฐบาลน.ส.แพทองธาร ชินวัตร ยืนยันรัฐบาลและพรรคเพื่อไทยยังมีเจตนารมณ์ในการแก้ไขรัฐธรรมนูญอยู่ ซึ่งพรรคเพื่อไทยก็เตรียมที่จะเสนอเรื่องต่อรัฐสภาเพื่อส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยเพื่อให้เกิดความสบายใจของสมาชิกรัฐสภา เชื่อว่าหากสมาชิกมีความสบายใจแล้ว เขาก็พร้อมที่จะโหวต ไม่มีใครขัดขวาง

ส่วนคำถามที่ถามว่ารัฐบาลยังไม่พร้อมที่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้น ต้องเรียนว่าสมาชิกรัฐสภามีความประสงค์ที่จะอยากเห็นรัฐธรรมนูญออกมาเป็นฉบับที่ดีที่สุด ยืนยันว่าพรรคร่วมรัฐบาลไม่มีความขัดแย้งเรื่องแก้รัฐธรรมนูญ แต่อาจมีความคิดเห็นที่แตกต่างกันบ้างในเรื่องกระบวนการเท่านั้น การแสดงออกความคิดเห็นของสมาชิกรัฐสภาถือเป็นเอกสิทธิ์ ซึ่งเราก็เคารพความคิดเห็นของแต่ละคน แต่เรายังมีจุดมุ่งหมายเดียวกัน  อย่างไรก็ตาม ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมานั้น เป็นร่างที่เสนอโดยพรรคการเมือง 2 พรรค การจะให้รัฐบาลต้องไปรับผิดชอบในเรื่องนี้นั้น อาจจะเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง
นายประเสริฐ กล่าวอีกว่า ส่วนเรื่องสถานบันเทิงครบวงจรแม้ตอนนี้จะผ่านความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี (ครม.) ไปแล้ว แต่ก็ยังอยู่ในขั้นตอนที่คณะกรรมการกฤษฎีกาดูในรายละเอียดเพื่อให้มีความชัดเจนมากขึ้น รวมถึงอยู่ในขั้นตอนการทำประชามติครั้งที่ 3 ซึ่งในส่วนของพรรคการเมืองต่างๆ ก็คงจะมีการพูดคุยกันอยู่ อาจจะไร้ข้อสงสัยแล้ว แต่ขณะนี้ร่างกฎหมายดังกล่าวยังไม่เข้าสู่การพิจารณาในสภาผู้แทนราษฎร เมื่อเข้าสู่การพิจารณาแล้วสมาชิกก็สามารถที่จะแสดงความคิดเห็นได้ตั้งแต่วาระที่ 1 จนถึงวาระที่ 3 จากนั้นก็ต้องเข้าสู่การพิจารณาของสมาชิกวุฒิสภาอีก และกฎหมายทุกฉบับต้องตอบโจทย์ในการทำให้ประชาชนได้ประโยชน์สูงสุดไม่ว่าจะเป็นเศรษฐกิจ การลงทุน และด้านอื่นๆ
“นายกฯได้พูดคุยกับหัวหน้าพรรคอื่นๆ ตลอดเวลาไม่ว่าจะเดินทางไปที่ไหน หรือแม้กระทั่งในการประชุมครม. เพื่อสร้างความเข้าใจในเรื่องต่างๆ ไม่ได้มีการแลกเปลี่ยนเรื่องอะไรเลย มีเพียงมุ่งเน้นเรื่องที่ประชาชนและประเทศจะได้รับผลประโยชน์สูงสุดเท่านั้น ซึ่งเจตจำนง 2 นโยบายหลักได้แถลงไว้ต่อสภาฯ นั้น นายกฯใช้ภาวะผู้นำในการคุยกับหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาล ไม่มีเดินอ้อม
เช่น การแก้ไขรัฐธรรมนูญเราก็ต้องดำเนินการต่อ ส่วนนโยบายอื่นๆ เช่น กัญชา ค่าแรง ผู้ว่าราชการจังหวัด รัฐบาลให้ความสำคัญ แต่การเรียงลำดับขึ้นอยู่กับจังหวะและโอกาส ซึ่งจะต้องมีการพูดคุยกันเนื่องจากบางเรื่องต้องใช้เวลา แต่ยืนยันว่ารัฐบาลให้ความสำคัญทั้งสิ้น” นายประเสริฐ กล่าว

วันเดียวกัน ที่ทำเนียบรัฐบาล นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงกรณีที่คณะกรรมการกฤษฎีกากำหนดคุณสมบัติผู้ที่จะเข้าใช้บริการในส่วนของกาสิโน ในแก้ร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร หรือเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ โดยจะต้องมีเงินฝากในบัญชีเงินฝากประจำไม่น้อยกว่า 50 ล้านบาท ต่อเนื่องกันไม่น้อยกว่า 6 เดือนว่า ตนเห็นรายละเอียดตรงนี้แล้ว ซึ่งมองว่าเป็นข้อเสนอที่ต้องมีการพูดคุยกัน
เมื่อถามว่าข้อกำหนดนี้เหมาะสมหรือไม่ นายจุลพันธ์ กล่าวว่า หลักคิดนี้แตกต่างจากหลักคิดของรัฐบาลบางส่วน เพราะกลไกที่ทางรัฐบาลทำนอกจากการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุนจากต่างชาติแล้ว ที่สำคัญคือการแก้ไขปัญหาการพนันผิดกฎหมายด้วย ดังนั้นหากกำหนดให้ผู้เล่นต้องมีเงินฝาก 50 ล้านบาท ลองคิดภาพง่ายๆ ว่าคนไทยมีเงิน 50 ล้านบาทในบัญชีประมาณ 1 หมื่นบัญชี แปลว่าเราจะดันกลุ่มคนกลุ่มหนึ่งที่ปัจจุบันยังไปเล่นตามชายแดน และเล่นในลักษณะผิดกฎหมายออกไป แทนที่จะดึงเข้าสู่ระบบ หากคิดถึงส่วนนี้จะเห็นว่าหลักคิดแตกต่างกัน และเป็นเรื่องที่ต้องหารือกันต่อไป ซึ่งมีขั้นตอนของทางสภาอีก

เมื่อถามย้ำว่าตัวเลขควรต่ำกว่า 50 ล้านบาทใช่หรือไม่ นายจุลพันธ์ กล่าวว่า ยังไม่มีข้อสรุป เพราะขณะนี้ยังมีการประชุมอยู่ และต้องหารือกับกฤษฎีกาก่อน เมื่อได้ข้อสรุปก็จะนำเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)และสภาเพื่อพิจารณา ซึ่งสุดท้ายอยู่ที่สภาจะลงมติอย่างไร ส่วนจะเข้า ครม.ได้เมื่อไรนั้นอยู่ที่กฤษฎีกาตนไม่สามารถให้คำตอบได้

ส่วน นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีร่างพ.ร.บ.เอนเตอร์เทนเมนท์ คอมเพล็กซ์ ที่มีการแก้หลักการให้รัฐมนตรีมหาดไทยถืออำนาจร่วมกับนายกรัฐมนตรี ว่า สมัยก่อนเรื่องแบบนี้ให้มหาดไทยลูกเดียว ไม่ว่า จะเป็นกฏหมายเดิม หรือกฏหมายหลัก ทั้งนี้เอนเตอร์เทนเมนท์ คอมเพล็กซ์เป็นเรื่องการพนันเพียง 10% แต่อย่างเรื่องพ.ร.บ.ควบคุมอาคาร หรือความปลอดภัยในอาคาร หรือการออกใบอนุญาตสิ่งปลูกสร้าง ทั้งหมดเป็นเรื่องของกระทรวงมหาดไทย

นอกจากนี้ คนที่ถือเรื่องกฏหมายการพนัน คือ กรมการปกครอง ดังนั้นหากออกกฏหมายใหม่มา แล้วไม่มีกระทรวงมหาดไทยคอยกรอง หรือดูแลร่วม รับผิดชอบกฏหมายตัวนี้ พอถึงเวลามีคนอยากลดต้นทุนสร้างอาคาร ตรงนี้เป็นเรื่องบำบัดทุกข์ บำรุงสุขของกระทรวงมหาดไทย เมื่อถามว่า ร่างของกฤษฎีกา ทางกระทรวงมหาดไทยติดใจอะไรหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ตนยังไม่ได้อ่าน

เมื่อถามย้ำว่า มองอย่างไรกับเกณฑ์ที่คนไทยต้องมีทรัพย์สินเกิน 50 ล้านบาท ถึงจะเข้ากาสิโนได้ นายอนุทิน กล่าวว่า บอกแล้วว่า ตนไม่เล่นการพนัน แต่ส่วนตัวตนเอาตามนโยบายรัฐบาล ดังนั้นบางอย่างขอไม่พูดดีกว่า แต่หากนโยบายรัฐบาลไม่ทำให้เกิดความเสียหายต่อสังคม หรือเป็นการจัดระเบียบ ตนก็สนับสนุน เพราะเราเป็นพรรคร่วมรัฐบาล

เมื่อถามว่า จะเป็นการทำให้คนไทยไปเล่นการพนันในประเทศเพื่อนบ้านมากกว่าเดิมหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า หากเรามีกฏระเบียบที่ดี ทำให้เขาเข้าถึงได้ มีเหตุผล แต่อย่างไรก็ตาม ตนมองว่า เกณฑ์ 50 ล้านบาทคงยากที่จะผ่านมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) และกล่าวติดตลกว่า “อย่างนี้ผมก็เล่นไม่ได้สิ”